ไหปลาร้าได้ถนัดถนี่ มือสากบีบคลึงต้นแขนทั้งสองข้างของเธอ จากนั้นก็รูดรั้งเสื้อคอปาดลงมากองกรอมอยู่ที่ต้นแขนอ้อนแอ้น ทรวงอกอวบเปิดเปลือยต่อสายตา เขาใช้ฝ่ามืออุ่นสัมผัสคลึงปลายถันที่ครัดเคร่งปูดเป่งตรงหน้าด้วยความลืมตัว
โซเฟียพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก้มต่ำมองปลายถันงอนชี้ ที่ถูกนิ้วหัวแม่มือของเดลกำลังบดสีบี้คลึง ก่อนจะครอบครองมันเอาไว้ในอุ้งปากไม่ยอมปล่อย
“ไม่นะเดล!...ซาบรีน่าอยู่หน้าบ้าน”
เธอห้าม เสียงลมหายใจหอบสะท้าน รู้สึกถึงความเป็นชายที่เครียดเขม็งของเดล เบียดสีเข้ามาพร้อมๆกับจังหวะดุ่มเดินเข้าหา
เขาถลกเลิกชายกระโปรงยาวของเธอ รวบขึ้นไปถึงเอว มือใหญ่ตะล่อมล้วงเข้าไปขยำบั้นท้ายเหมือนคนอดอยากในสัมผัสรสเหล่านั้น ครั้นแล้วจึงกระซิบเบาๆอีกครั้ง ให้เธอวางใจ
“ซาบรีน่าไปซื้อขนม”
“คนเจ้าเล่ห์” เธอว่า พลางลู่ไหล่ด้วยความสะท้าน ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงไปตามจังหวะหายใจถี่ มือน้อยๆทุบตีไปที่บั้นไหล่และแผงอกกว้างของคนเจ้าเล่ห์พัลวัน ทำท่าทีเหมือนจะผลักใส แต่กลับช่วยปลดเปลื้องกระดุมเสื้อของเขาด้วยมือของเธอเอง ค่อยๆไล้ลูบฝ่ามือเข้าใต้สาบเสื้อ สัมผัสกับเนื้ออุ่น แพขนอ่อนนุ่ม แผ่กระจายไปทั่วแผ่นอกกว้าง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าซุกซบกับอกอุ่นของเขา อยากฟังเสียงหัวใจ สูดกลิ่นกายให้หายคิดถึง
เดลลากเก้าอี้ให้เธอทรุดร่างลงนั่ง
“จะทำอะไร…” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
มองดูเขาคุกเข่าลงแทบเท้า เลิกกระโปรงยาวของเธอให้ขึ้นไปกองอยู่เหนือหน้าขาอีกครั้ง ทุกนาทีของเดลมีค่า เมื่อตระหนักถึงเวลาที่มีอยู่น้อย
หน้าขาของโซเฟียเกือบจะหนีบศีรษะของเดลที่งุดอยู่ระหว่างเข่าทั้งสองข้างของเธอ เดลกำลังคุกเข่าให้กับความปรารถนาของตัวเอง เหมือนคนที่โซซัดโซเซอยู่กลางทะเลทรายมานาน
ไม่แปลก หากพื้นที่แคบๆตรงนั้น จะเป็นแหล่งโอเอซิสของเขา เมื่อตาพร่าลายและกระหายจัด คอแห้งผาก แสบระคายเหมือนมีเม็ดทรายกรอกลงไปในลำคอ เมื่อเจอน้ำแอ่งน้อยที่ขังอยู่ในรอยทราย จึงไม่มีเหตุผลใดต้องรั้งรอ
เขารีบจ้วงดื่มด้วยริมฝีปาก หวังดับกระหาย ชำแรกปลายลิ้นสากลงไปกลางความอ่อนนุ่ม ชื้นชุ่มอยู่ในพุ่มแพรไหม หน้าท้องของโซเฟียแขม่วเกร็ง มือเรียวของเธอขยุ้มศีรษะของเขาเอาไว้แน่น ขณะที่มือของเดลบังคับต้นขาของหล่อน ให้อ้ารับปากลิ้นอันตะกละตะกลามของเขา คิดในใจว่าหากมาช้ากว่านี้สักวันสองวัน ไม่แคล้วเขาคงลงแดงตายอยู่กลางทะเลทรายเพราะความคิดถึงเธอ
สองเดือนกว่าที่เดลต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้กลางทุ่งกว้างทางตอนเหนือ ใครเลยจะรู้ว่าคืนวันเหล่านั้นล้วนบ่มเพาะอารมณ์ความต้องการที่มีต่อหล่อนจนมากล้น ความคิดถึงท้นท่วม ราวกับเขื่อนที่กักเก็บน้ำเอาไว้เต็มปริ่ม กระทั่งผนังทุกด้านแทบจะปริร้าว ไม่อาจรองรับอารมณ์ใดๆเอาไว้ได้อีกต่อไป
ทันทีที่เจอหน้าโซเฟีย ความต้องการของเขาจึงหลากหลั่ง รุนแรง ปะทุออกมาเหมือนเถ้าร้อนที่พ่นผุยออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟใกล้ระเบิด โซเฟียตั้งรับแทบไม่ทัน เมื่อความต้องการที่มีมากมายมหาศาลของเขา มาประจวบกับความอ้างว้างว้าเหว่ของเธอ ทุกตารางนิ้วในร่างกายจึงไวต่อสัมผัสของเขา สังเกตได้จากอาการขบเม้มริมฝีปาก และท่าทางบดคลึงบั้นท้ายของเธอ ร่อนวนอยู่บนเก้าอี้ ขณะที่มือยังขยำศีรษะของเขาเอาไว้ด้วยความลืมตัว
เดลเหลือบสายตา ลอบชำเลืองใบหน้าสวยส่ายสะบัด กัดฟันอยู่เป็นระยะๆ ด้วยความพึงใจกับวิธีการแสดงความรักของเขา
หากเปรียบโซเฟียเหมือนผืนดินร้าวระแหง แห้งแล้งรอฝน เดลก็คงเป็นฝนหลงฤดู เป็นพายุที่พัดผ่านมาทำให้ที่ดินผืนน้อยที่กำลังขาดน้ำ กลับชุ่มฉ่ำ มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อก้มหน้าเชยชมจนรู้สึกได้ถึงความชื้นลื่น หลากหลั่งไปทั่วกลีบบุปผา สูดกลิ่นจางๆจากความหอมอันประหลาดล้ำของเนื้ออ่อนบาง เจือจับอยู่ในลมหายใจ ปลุกความใคร่กระหายที่จะร่วมรักกับเธอให้ปะทุแรงขึ้นอีกหลายเท่าทวี
เดลรีบช้อนร่างระทดระทวยขึ้นอุ้ม เมื่อการชมเชยเพียงภายนอกไม่อาจทำให้คนทั้งสองบรรลุในความปรารถนาที่มีต่อกัน ปลายเท้าน้อยๆของโซเฟียละลิ่วลอยจากพื้น เขาอุ้มเธอเดินดุ่มไปยังห้องนอนของเธอซึ่งอยู่ไม่ไกล
เมื่อเขาวางเธอลงบนที่นอนด้วยอาการทะนุถนอม โซเฟียกระถดร่างเข้าไปใกล้หัวเตียง คว้าเอาหมอนมารองหลัง แล้วเอนพิงพนักหัวเตียง อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน มองดูเดลคลายเข็มขัด ปลดเปลื้องเสื้อผ้าลนลาน
เสี้ยวอึดใจ ทว่าช่างรู้สึกว่ามันยาวนานสำหรับคนรอ ร่างนั้นก็เปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้า
โซเฟียเหมือนเชลยศึกซึ่งเพลี่ยงพล้ำอยู่กลางสนามรบ หัวใจเต้นระส่ำ รอคอยการลงทัณฑ์อันแสนหวาน จากศาสตราวุธที่แลเห็นรูปลำน่าเกรงขามของมันเหวี่ยงไหวอยู่ในแสงแดดลำสุดท้ายของยามเย็นที่สาดลอดช่องหน้าต่างมาทางเบื้องทิศตะวันตก
จากนั้นเขาก็โถมถาเข้าหาเธอที่ชันเข่ารอ
“คิดถึงเหลือเกินโซเฟีย”
กล่าวพร้อมกับคว้าชายกระโปรง ถลกเลิกมันขึ้นไปกองอยู่เหนือหน้าท้อง ลำตัวหนาแทรกลงกลางความอบอุ่นที่อ้ารับ เดลเริ่มเคลื่อนไหว ด้วยการคลึงขยับบั้นท้าย กระถดไถเบาๆ ทำราวกับเป็นวัวกระทิงตัวผู้ที่ตรงเข้าเกลือกกายกับกับพุ่มแพรไหมสีทองระยับ ให้ความรู้สึกเหมือนต้นหญ้าอ่อนๆที่ผลิรับฝนแรก
ร่างกายที่เสียดสีกันจนอุ่น ทว่าแค่เพียงสัมผัสคงไม่อาจทำให้อิ่ม เดลจึงอาสาทำหน้าที่เป็นคนสวนที่กำลังจะปลูกต้นไม้ใหญ่ลงในสวนของเธอ เมื่อผืนดินของเธอพร้อมแล้ว จากการไถพรวนของเขา เดลจึงค่อยๆเคลื่อนลำต้นของไม้ใหญ่ ละเลียดลึกลงไปในหลุ่มอารมณ์ที่ตัวเองขุดเอาไว้รอ
เพราะความขรุขระของเปลือกและลำต้นอันใหญ่หนา ทำให้โซเฟียต้องหลับตาปี๋ กับความรู้สึกเสียดสาก เมื่อเขาพยายามจะหยั่งรากลึกลงในผืนดินที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรับรู้ จนสุดลิ่มลำของความกระหาย
โซเฟียสะดุ้งเฮือก เหลือกลูกตาขึ้นมองเพดาน ลมหายใจสะท้าน พ่นพรูออกมาช้าๆ ค่อยๆออมลมหายใจเอาไว้ ราวกับกลัวว่ามันจะหมดลงเสียก่อนที่จะได้แลกเหงื่อกับเขา
รู้สึกได้เลยว่าต้นไม้ของเดล กำลังหยั่งรากลึกเข้าไปในผืนดินของเธอ เสี้ยวนาทีสั้นๆ รากของมันก็แทรกเข้าไปสานรวมอยู่ในอณูเซลล์ของความสัมพันธ์อันซับซ้อน แต่เป็นสุขเหลือเกิน
“เดล” เธอเรียกชื่อเขา เดลตอบด้วยเสียงพ่นลมหายใจถี่กระชั้น เมื่อมันถึงที่สุดในการเดินทางของเขา
แม้ไม่ได้มองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นให้ชัดๆ หากโซเฟียก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่โยกโยน เนื้อตัวของเขาเริ่มเปลี่ยนจากอุ่นไปเป็นร้อน เมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหว ผิวกายก็ชื้นจนอาบสายเหงื่อไปในที่สุด เขาพลิ้วไหวเหมือนลมที่พัดใบยูคาลิปตัสอยู่ภายนอก ไม่ผ่อนพักแม้แต่เสี้ยววินาที นับจากที่มันเชื่อมประสาน
เดลชอบฟังเสียงครางของโซเฟีย มันไพเพราะกว่าบทเพลงใดๆที่เคยถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้ เสียงนั้นอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยืนยันว่าเธอต้องการเขา แม้โซเฟียจะไม่เคยหยิบยื่น ‘คำรัก’ ให้เขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เดลมีความสุข เมื่อลอบชำเลืองมองดวงตาปรือปรอยของโซเฟีย ดวงตาคู่ที่กำลังกระพริบถี่เหมือนคนหายใจไม่ทัน ยืนยันว่าหล่อนปรารถนา เรียกร้องจนดวงหน้าสวยร่อนลอยด้วยความลืมตัว เร่งเร้าให้เขาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย
เนื้อตัวของเขาใหญ่ บั้นท้ายของเขาแกร่ง ทุกจังหวะจึงหนักแน่นรุนแรง สองร่างบดกระทั้นจนโซเฟียกัดฟัน กลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่ไหว ผมยาวสลวยที่ขมวดมวยเอาไว้ ลุ่ยหลุดกระเจิงกระจาย เรี่ยอยู่ที่แผ่นหลังซึ่งโยกโยนไปตามเสียงกึกกักของเตียงที่กระแทกผนัง
เธอเร่งเขาด้วยมือที่จิกเกร็งอยู่บนผืนผ้าปูที่นอนซีดเก่า เมื่อแลเห็นสวรรค์รำไร ในดินแดนไกลโพ้นที่มีดอกไม้โรย