4.1 ปลดผ้าคลุมหน้า

1413 Words
สี่ ปลดผ้าคลุมหน้า “คุณหนูรองมาถึงแล้ว!” สิ้นเสียงประกาศจากบ่าวที่ยืนกั้นอยู่หน้าประตู แขกเหรื่อที่มาร่วมงานไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือวัยหนุ่มสาวต่างพากันหยุดพูดคุยและหันหน้าไปทางผู้มาใหม่เป็นตาเดียว ร่างบอบบางในชุดสีกลีบบัวปรากฏกายพร้อมกับจางอวี้และซีเซี่ย บ่งบอกให้รู้ว่านอกจากหญิงสาวผู้นี้จะมีเชื้อสายของสกุลซีซึ่งเปิดสำนักศึกษาอยู่ทางตอนเหนือแล้ว นางยังได้รับการสนับสนุนจากบุตรชายคนโตของสกุลจางซึ่งร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง วันนี้เป็นครั้งแรกที่จางเหนียน คุณหนูรองของคฤหาสน์สกุลจางได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทว่าผ้าคลุมผืนโปร่งที่ปกปิดใบหน้าไว้ทั้งหมดกลับทำให้ผู้คนพากันขมวดคิ้ว กระทั่งผู้ใหญ่ยังกระซิบกระซาบพูดคุยกันอย่างคับข้องใจ “ปกติคุณหนูรองมักจะแต่งกายแบบนี้หรือ” “ปิดหน้าปิดตาเช่นนี้พิลึกไปแล้ว” “หรือคุณหนูรองจะกลัวขายหน้า จึงให้ผู้อื่นมาสวมรอยเข้าพิธีปักปิ่นแทน” “หากเป็นเช่นนั้นจริง คฤหาสน์สกุลจางยังจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก วันนี้คุณชายเป๋ยหลี่กับหนานหลี่เองก็มากันพร้อมหน้า” “เกรงว่าคุณหนูรองอาจเสียโฉมเสียมากกว่ากระมัง” เสียงผู้คนจากทั่วทุกทิศทางทำลายความเงียบสงัดภายในโถงกว้าง ก่อนจะยิ่งทวีความดังมากขึ้นเมื่อพบว่าสตรีซึ่งมีผ้าคลุมปิดหน้าก้าวเดินมาด้วยท่วงท่าอันอ่อนช้อยและน่าทะนุถนอม บ่าวไพร่ที่คอยปรนนิบัติดูแลแขกเหรื่อภายในงานต่างอ้าปากค้าง เนื่องจากที่ผ่านมาจางเหนียนผู้ขลาดเขลามักจะเอาแต่เดินก้มหน้าและห่อไหล่ ดูอย่างไรก็ไม่มีสง่าราศี หรือจะไม่ใช่จางเหนียน? เจ้าของคฤหาสน์คิดในใจพลางลองเรียกดู “เหนียนเอ๋อร์” “เจ้าคะ ท่านพ่อ” เมื่อเสียงที่ตอบรับมาเป็นเสียงหวานของบุตรีคนรองไม่ผิดเพี้ยน จางเหมาจึงเบาใจไปได้ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยในงานนี้นางก็ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาจนให้ผู้อื่นมาสวมรอยแทน มิเช่นนั้นสกุลจางคงเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั้งเมืองหลวง แต่หากผู้ที่มาเป็นจางเหนียนจริง แล้วเหตุใดนางจึงต้องปกปิดหน้าตาเล่า ที่ผ่านมาจางเหมาเอาใจใส่จางเหนียนเพราะนางมีใบหน้างดงามเฉกเช่นซีเซี่ย หากสาเหตุที่ทำให้จางเหนียนปกปิดใบหน้าเป็นเพราะเสียโฉม ในฐานะสตรีที่สักวันหนึ่งต้องแต่งงานออกเรือนเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลอื่นๆ นั่นไม่เท่ากับว่านางกลายเป็นของมีตำหนิที่ไม่มีผู้ใดอยากได้หรอกหรือ มืออวบอูมของชายวัยกลางคนบีบเข้าหากันเล็กน้อย ขณะที่เขารีบสาวเท้าเข้ามาหาจางเหนียน “เหนียนเอ๋อร์ วันนี้เป็นวันเกิดของลูก เหตุใดจึงได้เอาผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาเช่นนั้น” น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย ทำให้สีหน้าเรียบเฉยของจางเหนียนภายใต้ผ้าผืนบางเผยความแข็งกระด้างออกมาครู่หนึ่งก่อนจะหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ในชีวิตที่สอง... เพื่อหนีจากการแต่งงานกับสกุลหลี่ จางเหนียนได้ตัดสินใจเอากรรไกรกรีดใบหน้าเพื่อทำลายรูปโฉมของตนเอง การตัดสินใจทำเช่นนั้น ทำให้ผู้คนภายในคฤหาสน์สกุลจางตีตัวออกห่าง เดิมทีที่บิดาหมางเมินหลังจากแม่ของนางตายจากก็ยิ่งห่างเหิน บางทีเดินสวนกันก็ทำตัวเสมือนนางเป็นธาตุอากาศที่ไร้ตัวตน หลังจากผ่านเหตุการณ์อันน่าเศร้าในชีวิตแรก จางเหนียนก็คิดว่าการใช้ชีวิตแบบไร้ตัวตนในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่นั้นก็ไม่เลว แม้อาหารที่พ่อครัวทำมาให้ทุกวันจะค่อนข้างย่ำแย่ เสื้อผ้าเป็นชุดเก่าที่ผ่านการปะชุนมาหลายครั้งแต่ก็มีที่ซุกหัวนอน ทว่าต่อมาที่ชายแดนก็เกิดสงคราม ราษฎรเดือนร้อนทุกหย่อมหญ้า คนยากไร้และชาวบ้านต่างระหกระเหินมาเป็นขอทานที่เมืองหลวง จางเหมาได้สั่งให้พ่อครัวทำข้าวต้มแจกคนเรร่อนเหล่านั้น และได้สั่งให้จางเหนียน บุตรสาวหน้าตาอัปลักษณ์ที่หมางเมินมานานเป็นตัวแทนของครอบครัวมาแจกข้าวต้มด้วย แต่สุดท้ายจางเหนียนก็ราวกับถูกโชคชะตาลิขิตมาให้ตายก่อนอายุยี่สิบ พอข้าวต้มใกล้หมด คนที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังก็เริ่มอาละวาดเพราะกลัวว่าจะอดข้าว ไปๆ มาๆ ก็มีคนชักมีดออกมาไล่ฟันคนไปทั่ว และจางเหนียนก็โดนแทงตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นการตายที่ตายแบบโง่ๆ เพราะหาเรื่องใส่ตนเอง ภาพความทรงจำที่แล่นผ่านความคิดของหญิงสาวผุดออกมาครู่เดียวก็จางหายไป จางเหนียนซึ่งได้สติกลับคืนมาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมากุมแน่น “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงแค่...วันนี้มีแขกเหรื่อชั้นผู้ใหญ่มาร่วมงานมากมาย ข้าจึงรู้สึกเขินและประหม่า กลัวว่าจะทำให้ท่านพ่อขายหน้า...” น้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของนางกลายเป็นคนที่น่าสงสาร ผู้คนที่ยืนอยู่รอบด้านมีทั้งที่ได้ยินและไม่ได้ยิน ดังนั้นจางเหมาจึงเคลื่อนมือไปกุมมือของบุตรสาว “ขายหน้าอันใดกัน เจ้าเองก็เป็นบุตรสาวที่พ่อภาคภูมิใจไม่ต่างจากคนอื่นๆ วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้า มา...เปิดหน้าเจ้าให้ผู้อื่นเขาได้เห็นเถิด ทำแบบนี้ผู้ใหญ่จะว่าเอาได้ว่าเสียมารยาท” จางเหนียนฟังเสร็จก็กระตุกยิ้มมุมปาก จางเหมาเป็นผู้ที่รักหน้าตา เห็นบุตรที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง เครื่องมือที่ไว้เชิดหน้าชูตาในสังคม เครื่องมือที่เอาไว้ขยายเครือข่ายการค้าของตระกูลจาง เครื่องมือที่เอาไว้หาเม็ดเงินและผลประโยชน์ “เจ้าค่ะ” ตำแหน่งที่พวกนางยืนอยู่เป็นจุดที่อยู่ใจกลางเรือนรับรอง ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่จางเหนียน แขนเรียวบางที่พ้นแขนเสื้อตัวยาวเผยผิวขาวเนียนละเอียดดุจหยก ปลายนิ้วเคลื่อนจับผ้าโปร่งก่อนจะเลิกขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นโครงหน้ารูปไข่และริมฝีปากแดงรูปกระจับเป็นลำดับแรก เรื่อยมาจนถึงจมูกโค้งงอน พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ ดวงตาสีน้ำหมึกทรงดอกท้อหวานซึ้ง จนกระทั่งมาถึงรอยแต้มทรงกลีบบุปผาสีแดงบนหน้าผาก เดิมทีชื่อเสียงเรื่องความงามของจางเหนียนนั้นเป็นที่เลื่องลือกันในเมืองหลวงอยู่แล้ว ทว่าองค์ประกอบเครื่องหน้าทั้งหมดในวันนี้กลับทำให้นางดูราวกับเทพธิดานางอัปสรที่จุติลงมาจากสรวงสวรรค์ พาให้ผู้คนทั้งหลายตกตะลึงจนลืมหายใจ การตอบสนองของแขกเหรื่อเป็นที่พอใจของจางเหนียนเป็นอย่างดี คุณหนูรองแห่งสกุลจางคิดพลางเปรยตามองไปรอบๆ แสร้งบิดตัวอย่างเขินอายก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่สองแม่ลูก จ้าวชวนกับจางลี่กำลังจ้องเขม็งมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตัวสั่นเทิ้มประหนึ่งถูกปีศาจเข้าสิง มองอีกด้านหนึ่งก็คล้ายเป็นไข้จับสั่น เป็นภาพที่จางเหนียนเห็นแล้วสาแก่ใจเป็นอย่างยิ่ง “ท่านพ่อ” เสียงหวานของบุตรสาวดึงสติของจางเหมากลับมา รับรู้ถึงกลิ่นอายรอบตัวจางเหนียนที่เปลี่ยนไปจากเดิม “หะ...หืม? ว่าอย่างไรหรือลูกรัก” “ข้าทำอะไรผิดหรือไม่เจ้าคะ” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงถามเช่นนั้น” “สีหน้าของท่านแม่รองกับน้องหญิงสามซีดขาวยิ่งนัก จนข้ากลัวว่าอาจจะเผลอทำอะไรผิดพลาดลงไปอีก...” นางกล่าวเสียงสั่น ที่ผ่านมามิใช่จางเหมาจะไม่รู้ถึงพฤติกรรมที่จ้าวชวนกับจางลี่มีต่อฮูหยินคนที่สามกับจางเหนียน ทว่าเรื่องราวภายในคฤหาสน์เป็นหน้าที่ของสตรี หากไม่จำเป็นจริงๆ จางเหมาก็จะไม่เข้ามายุ่ง เพราะแค่เรื่องการทำงานและออกไปข้างนอกก็ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยมากพออยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD