2.1 แค่การหยอกเย้ากับน้องสาว

1805 Words
สอง แค่การหยอกเย้ากับน้องสาว ครึ่งชั่วยามก่อนหน้านั้น “คุณหนู เรายังไม่ไปกันอีกหรือเจ้าคะ” ชิวชิวเห็นว่างานเลี้ยงเริ่มแล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงเวลาพิธี ทว่านายของตนกลับนั่งอ่านหนังสือบนตั่งอย่างเอื่อยเฉื่อย ไร้ความตื่นเต้นหรือกระตือรือร้นใดๆ ดวงตาดอกท้อเคลื่อนจากตัวอักษรในหนังสือมาสบตาสาวใช้ประจำตัว “รออีกหน่อย” วันนี้จางเหนียนถือว่าเป็นตัวเอกของงาน หากนางต้องการเป็นจุดสนใจก็ต้องปรากฏตัวให้ช้าเข้าไว้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนดังที่ผู้เป็นสาวใช้ว่า ชิวชิวประหลาดใจกับท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งนางและสาวใช้ในเรือนแห่งนี้ต่างรู้กันดีว่าคุณหนูรองเป็นคนขี้เหงามากเพียงไร นับตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยเด็กสาว จางเหนียนก็ไม่ค่อยได้ออกจากเรือนพักของตนเอง โอกาสที่จะได้พบปะผู้คนจากนอกคฤหาสน์จึงมีน้อย กระทั่งพี่น้องต่างมารดาที่ได้พบในเดือนหนึ่งยังนับครั้งได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงกระตือรือร้นทุกครั้งที่มีการจัดงาน แม้จะออกไปพบหน้าผู้คนแล้วถูกติฉินนินทาก็ไม่หวั่น มิหนำซ้ำ...พิธีปักปิ่นวันนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ ‘คนผู้นั้น’ จะมาร่วมงาน ชิวชิวคิดว่าคุณหนูของตนคงมัวแต่คิดถึงพิธีปักปิ่นจนเผลอลืมเรื่องนี้ไป ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยเตือนอีกฝ่ายด้วยความหวังดี “แต่ว่า... วันนี้คุณชายหลี่อาจจะมาร่วมงานก็ได้นะเจ้าคะ” กึก! ผู้ที่นั่งอ่านตำราด้วยท่าทีเกียจคร้านชะงักงัน สองมือบางที่กุมหนังสือเกร็งแน่นจนสั่นเทา หลังจากตายแล้วย้อนเวลากลับมาถึงสี่รอบ จางเหนียนก็เกือบลืมไปแล้วว่าตนเองเคยชมชอบบุรุษดังกล่าว ผู้ที่ชิวชิวเอ่ยถึงคือบุตรชายจากตระกูลหนานหลี่ หลี่เฉิงถิง หลี่เฉิงถิงอายุมากกว่านางห้าปี เป็นสหายกับพี่ชายของนางมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเขาจึงมักจะมาเที่ยวเล่นที่คฤหาสน์สกุลจางเป็นประจำ และเนื่องจากจางอวี้ติดนางมาก นางจึงพลอยได้รับโอกาสเที่ยวเล่นและใกล้ชิดกับเขาไปด้วย การที่จางเหนียนปลาบปลื้มในตัวหลี่เฉิงถิงนั้นไม่แปลก เพราะนอกจากพี่ชายแล้ว เขาก็เป็นบุรุษคนเดียวที่นางรู้จักและสนิทสนมเป็นอย่างดี ครั้นนึกย้อนถึงอดีตอันสวยงามในวันวาน ใบหน้างามพริ้มของจางเหนียนกลับระบายด้วยรอยยิ้มขื่นขม ในชีวิตแรกนางที่สูญเสียพี่ชายกับมารดาได้แต่งงานกับหลี่เฉิงถิงสมใจปรารถนา ภายใต้เงื่อนไขที่บิดากำหนดไว้ว่า...หลี่เฉิงถิงจะต้องแต่งงานกับจางลี่ด้วยอีกคน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นความทุกข์ตรมอย่างแสนสาหัส จวบจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิตที่ถูกพรากไปอย่างน่าอเนจอนาถ “คุณหนู!” เสียงร้องอย่างตกใจของชิวชิว ส่งผลให้จางเหนียนชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา “คุณหนูร้องไห้ทำไมเจ้าคะ” “ไม่มีอะไร” นางตอบเสียงเรียบพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเบาๆ “หน้าข้าเปื้อนหรือไม่” ชิวชิวมองดวงตาฉ่ำวาวของหญิงสาวอย่างเป็นห่วง กวาดสำรวจใบหน้าอันไร้ที่ตินั่นแล้วส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่เปื้อนเจ้าค่ะ” “ดี” ในที่สุดจางเหนียนก็หยัดกายยืนขึ้น “เอาผ้าคลุมมาให้ข้า” “เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทยื่นผ้าขาวผืนโปร่งส่งให้หญิงสาว จางเหนียนกลัดปลายผ้าเข้ากับเครื่องประดับบนศีรษะของนางอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังจัดให้สวยงามราวกับเป็นชุดเดียวกันกับอาภรณ์สีนวลที่สวมใส่ เนื่องจากชีวิตที่สามนางตัดสินใจหนีออกจากคฤหาสน์สกุลจาง ทำงานรับจ้างสารพัดรวมถึงการปักเย็บผ้าเพื่อหารายได้ประทังชีวิต จนสุดท้ายสามารถเก็บเงินซื้อโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งแถบชายแดน ดังนั้นทักษะการเย็บปักของนางจึงเก่งขึ้นมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้แม้กระทั่งเข็มยังไม่กล้าจับเพราะกลัวถูกเข็มตำ หญิงสาวยกยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงสภาพแวดล้อมที่บีบบังคับคุณหนูในห้องหอที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อให้กลายเป็นคนที่ฮึดสู้ชีวิตขึ้นมา สี่ครั้ง... นางต้องเผชิญหน้ากับความตายถึงสี่ครั้ง ครั้นร่างบอบบางก้าวเดินไปถึงหน้าบานประตู แววตาที่เคยสั่นไหวของหญิงสาวก็กลับคืนสู่ความราบเรียบ หลังจากก้าวออกไปจากห้องนี้ ก็คือสมรภูมิรบของจริง แต่ชีวิตที่ห้านี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา นางมีเป้าหมายในการปกป้องพี่ชายกับมารดา ความปรารถนาที่จะปกป้องใครสักคนมันรุนแรงมากกว่าการเอาชีวิตรอด ในเมื่อไม่มีสิ่งใดจะรับประกันได้ว่าหากนางตายอีกครั้งจะได้รับโอกาสย้อนเวลากลับมาที่ช่วงเวลานี้เหมือนเดิม นางก็มิอาจปล่อยให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นโดยเด็ดขาด “ไปกันเถิด” ชิวชิวซึ่งยืนนิ่งอยู่นานพลันได้สติ มองแผ่นหลังที่ตั้งตรงของจางเหนียนก็สัมผัสได้ถึงความหนักแน่นเด็ดขาด แลดูทรงพลังจนน่าเลื่อมใส เรือนที่จางเหนียนพักอาศัยอยู่ในส่วนที่สามของคฤหาสน์ การจะเดินทางไปยังเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนรับรองในการจัดงานเลี้ยงจำเป็นต้องเดินผ่านระเบียงทางเดินซึ่งตัดผ่านสวนและบ่อน้ำขนาดใหญ่ ทอดยาวไปจนถึงลานกว้างหน้าเรือนรับรองซึ่งบัดนี้น่าจะมีแขกเหรื่อมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น สตรีในชุดสีกลีบบัวก้าวเดินอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ดวงตาทอดมองภาพของสวนพฤกษาเขียวขจีสดใสอย่างผ่อนคลาย ปอยผมที่หลุดออกมาจากทรงเกล้าสูงขยับไหวไปมาตามจังหวะการขยับตัว ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังชื่นชมความงามที่เกิดจากการใช้เงินตรามหาศาลในการทำนุบำรุงมาถึงห้ารุ่น หางตาพลันเหลือบเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างตรงเสาตรงหัวมุมระเบียงทางเดินเข้าเสียก่อน “อา...” จางเหนียนพึมพำ ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มกว้าง จางลี่ น้องสาวที่น่ารัก...ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ภาพของอิสตรีที่กลั่นแกล้งนางตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นสาวสะพรั่งวาดผ่านห้วงคำนึง ตั้งแต่การกลั่นแกล้งเล็กๆ น้อยๆ อย่างการปรุงอาหารให้เค็มและเผ็ดจัดในระหว่างที่ร่วมโต๊ะอาหารพร้อมหน้าทั้งครอบครัว แกล้งเอาเศษกระเบื้องที่แตกใส่รองเท้า ทำให้นางบาดเจ็บจนไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับพี่ชายในงานเทศกาล จนกระทั่งมันทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อพวกนางแต่งเข้าจวนแม่ทัพหลี่พร้อมกัน จางเหนียนสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ต่อให้ในอดีตนางเคยมองว่าจางลี่เป็นน้องสาวที่ชั่วช้าร้ายกาจ ทว่ายามนี้อีกฝ่ายเป็นเพียงสตรีวัยสิบสี่ ต่อให้มีเล่ห์เหลี่ยมอย่างไรก็มิอาจเทียบเคียงจางเหนียนซึ่งใช้ชีวิตมามากกว่าไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งแผนการและลูกไม้ตื้นๆ ที่อีกฝ่ายคิดลงมือทำในยามนี้ก็เคยผ่านสายตานางมาแล้วทั้งนั้น อย่างเช่นวันนี้ จางลี่ตั้งใจมาดักก็เพื่อให้นางกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่เรือนเป็นเหตุให้ไปร่วมงานไม่ทันฤกษ์พิธีปักปิ่น ทำลายชื่อเสียงอันดีที่นางควรได้รับในวันเกิดจนพินาศย่อยยับ แต่ขออภัยด้วยน้องสาว เพราะคราวนี้ผลที่ออกมาจะไม่เหมือนดังที่เจ้าคิด! จางเหนียนหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ชิวชิวที่เดินก้มหน้ารั้งท้ายเอาหน้าผากโขกบนแผ่นหลังบางเข้าอย่างจัง “โอ๊ย! คุณหนูรอง” ชิวชิวร้องลั่น “ท่านหยุดเดินทำไมเจ้าคะ” “ข้าคิดว่าน้องหญิงสามคงอยากเล่นซุกซนเพื่อฉลองวันเกิดให้ข้า” จางเหนียนกระซิบกระซาบกับคนสนิทพลางพยักพเยิดไปทางชายกระโปรงสีเปลือกทับทิมที่แพลมออกมาจากเสาไม้ต้นหนึ่งของระเบียงทางเดิน จางลี่เลือกชุดที่มีสีสันสดใสเช่นนี้ ช่างไม่ให้เกียรตินางซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดแม้แต่น้อย “คะ...คุณหนูสามหรือเจ้าคะ” ชิวชิวสะดุ้งตัวอย่างขลาดเขลา ที่ผ่านมานางเองก็ถูกจางลี่กับสาวใช้เรือนนั้นกลั่นแกล้งมาไม่น้อย เอวที่เคยถูกหยิกยังเขียวไม่หาย “คุณหนู พวกเราเดินอ้อมไปดีไหมเจ้าคะ” นางหันไปเลิกคิ้วใส่ “ไยจึงต้องเดินอ้อมด้วย” “ก็...” ชิวชิวกลืนน้ำลายดังอึก “วันนี้คุณหนูรองแต่งตัวมางามมาก ข้าเกรงว่าคุณหนูสามจะอารมณ์ไม่ดี” สาวใช้ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ว่าขืนเดินผ่าน มีหวังพวกนางคงถูกกลั่นแกล้งจนยับเยินแน่ “ชิวชิว ยิ่งแต่งตัวมางามก็ต้องโอ้อวด มิเช่นนั้นจะแต่งตัวงามมาเพื่ออันใด” นางเอ็ดชิวชิวอย่างไม่ใส่ใจนัก “แต่ว่า...” “เจ้าเดินตามข้ามาเงียบๆ ก็พอ” น้ำเสียงจริงจังของจางเหนียน ส่งผลให้ชิวชิวก้มหน้ารับคำแต่โดยดี “เจ้าค่ะ คุณหนู” ด้านหนึ่งสองนายบ่าวกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบ คุณหนูสามแห่งคฤหาสน์สกุลจางซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังเสาก็เฝ้ารออย่างตื่นเต้น เพียงแค่นึกถึงสีหน้าของจางเหนียนที่คงร้องไห้แจเมื่อถูกรังแก นางก็ทั้งรู้สึกสนุกและสะใจเป็นอย่างยิ่ง ช่วยไม่ได้... ในเมื่อฮูหยินสามเป็นฮูหยินที่ท่านพ่อโปรดปราน จางเหนียนซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงกับซีเซี่ยเกิดมาโง่งมแต่กลับพลอยเป็นที่รักของท่านพ่อไปด้วย ทั้งที่มารดาของนางแต่งเข้ามาก่อนแท้ๆ! หากไม่มีซีเซี่ยกับจางเหนียน... ท่านแม่ของนางก็คงไม่ทุกข์ใจถึงเพียงนี้! นอกจากเรื่องนี้แล้ว จางเหนียนยังเป็นมารความรัก คิดจะมาแย่งชิงความรักจากหลี่เฉิงถิง บุรุษที่นางพึงใจอีก! จางลี่คิดพลางกรีดเล็บที่ยาวเข้ากับเสาไม้ สบตาสาวใช้ซึ่งถือถาดน้ำชายืนหลบอยู่หลังเสาอีกต้น นางซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อคอยแอบดูจางเหนียน หากเห็นนางกำลังจะเดินผ่านเมื่อใดก็ต้องส่งสัญญาณเตือนให้สาวใช้ของตนเองให้นางทำทีเป็นการเดินชนกันโดยบังเอิญ เอาให้ตัวจางเหนียนเปรอะเปรื้อนและเหม็นไปด้วยกลิ่นน้ำชา! เด็กสาวในชุดสีเปลือกทับทิบยกมือปิดปาก กลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่นเทิ้ม “น้องหญิงสาม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD