อัครพล หรือ ชื่อที่คนในวงการเรียกว่าเจ๊ฝูเฟยเมี่ยว สาวประเภทสองที่เป็นนักปั้นดารามือทองระดับประเทศของเมืองไทยออกกำลังกายอย่างหนักและหักโหมหวังจะรีดน้ำหนักแต่กลับวูบล้มหัวฟาดฟื้นตายคาฟิตเนส มันน่าเสียดายจริงๆ งานกำลังรุ่ง ชีวิตกำลังพุ่งในวัย 50 ปี แต่กลับต้องมาม้วยชีวีเพราะความอยากผอม (อย่างแรง) คราแรกฝูเฟยเมี่ยวก็นึกไม่ออกหรอกนะว่าหลังตายนี่มันจะเป็นอย่างไร (ก็ใครจะนึกออกล่ะ และที่สำคัญคือไม่มีใครอยากจะนึกด้วย เพราะคงไม่มีใครอยากตาย) แต่พอหลังจากได้ลืมตาขึ้นมาหลังจากความตายก็พบว่าอันที่จริงความตายมันก็ไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่ ชีวิตใหม่ที่ได้มามันก็เหมือนเป็นการผจญภัยนั่นแหละ
“อาเมี่ยว อาเมี่ยว นี่เจ้ายังหายใจอยู่หรือไม่ เจ้าอย่าเพิ่งด่วนจากไปเช่นนี้เลย ลูกเล็กๆ อีกตั้งสองคนจะอยู่อย่างไร สามีเจ้าก็ไม่อยู่แล้ว” เสียงร่ำไห้ปนสะอื้นนั้นฟังดูให้รู้สึกรันทดยิ่งนัก ฝูเฟยเมี่ยวพยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งเพื่อที่จะลืมตาขึ้นมามองดูว่าตอนนี้เป็นละครเรื่องอะไร แน่นอนว่าละครทุกเรื่องของเด็กในสังกัดนางต้องติดตามดูให้ครบ
ฝูเฟยเมี่ยวปรือตาขึ้นได้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรีบหลับตาลงเพราะแสงที่ส่องทะลุฝาบ้านเข้ามาแยงตาจนเจ้าตัวต้องรีบยกมือขึ้นมาขยี้ตา
“นั่น อาเมี่ยว เจ้าฟื้นแล้ว เจ้ายังไม่ตาย ใช่ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงที่แหบแห้งนั้นฟังดูดีใจไม่น้อย
“อุแว๊ๆๆๆ”
ฝูเฟยเมี่ยวขยับตัวพยายามจะลุกขึ้น นางอยากรู้ว่าเสียงพูดที่ฟังดูคล้ายเป็นเสียงของสตรีสูงวัยนั้นเป็นผู้ใด และยังมีเสียงเด็กทารกร้องนั่นอีก
“อาเมี่ยว ค่อยๆ นะ มา เดี๋ยวข้าช่วย” หญิงชราหน้าตาซีดเซียวขยับเข้ามาช่วยพยุงฝูเฟยเมี่ยวให้ลุกขึ้นนั่ง
คราวนี้เองที่ดวงตาของนางได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ตรงหน้าได้ชัดเจนมากขึ้น
หญิงชราหน้าตาซีดเซียว ผมเผ้าดูกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าดูผิดแผก แปลกประหลาด สถานที่ที่นางอยู่ตอนนี้มีกลิ่นอายของความจนยาก ผนังทำจากไม้กระดานเก่าๆ ผุๆ เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปก็เห็นหลังคาที่ทำจากใบหญ้าคาแห้ง หน้าต่างก็ทำจากหญ้าคา เอ…หรือว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งฉากของละครที่เด็กในสังกัดของนางคนใดคนหนึ่งกำลังถ่ายทำอยู่กันนะ?
“อุแว๊ๆๆๆ” เสียงเด็กทารกที่ดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้ฝูเฟยเมี่ยวต้องหันไปจ้อง
“นะ…นี่ นี่ลูกใคร?” นางถามออกมา ใบหน้าฉงน
หญิงชรามุ่นหัวคิ้ว
“อาเมี่ยว นี่ลูกของเจ้าอย่างไรล่ะ ข้าเพิ่งจะทำคลอดให้เจ้าเสร็จ พอเด็กคลอดเจ้าก็สลบไปเลย นานกว่าหนึ่งชั่วยามถึงได้ตื่นขึ้นมา ใจข้ายังนึกหวั่นๆ ว่าเจ้าจะ อะ…เอ่อ…” หญิงชราอ้ำๆ อึ้งๆ
“ลูก ลูกของ…” ฝูเฟยเมี่ยวชี้มือเข้าหาตนเองสลับกับจ้องมองทารกน้อยในห่อผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ขาดๆ นั่น
พลัน…นางก็มีอาการปวดหัวและวิงเวียนคล้ายลมหมุน ความทรงจำแปลกๆ เรื่องราวอันประหลาดเหมือนพล็อตละครน้ำเน่านั่นหลั่งไหลเข้ามาสู่หัวของนาง นี่มันอะไรกัน
หรือว่า…
ละครและภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการย้อนเวลา การตายแล้วเกิดใหม่หรือแม้แต่การข้ามภพข้ามชาตินั้นมีให้เห็นดาษดื่น ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า…เป็นไปไม่ได้
และแล้วก็มีเสียงๆ หนึ่งดังใกล้ๆ กับหูของนาง
“อัครพล เอ่อ…อื้ม…ฝูเฟยเมี่ยว อันที่จริงตัวของเจ้านั้นได้ตายไปแล้ว แต่เพราะเจ้ามีชื่อเดียวกับเจ้าของร่างนี้และจิตวิญญาณของการเป็นนักปั้นของเจ้าทำให้เจ้าได้ย้อนเวลามาในอดีตเพื่อมาทำภารกิจในการดูแลเด็กน้อยที่น่าสงสารสองคนนี้ เพราะสวรรค์มีตา เชื่อว่าเจ้ามีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้จึงได้นำพาดวงวิญญาณของเจ้ามาที่นี่ ขอจงใช้ชีวิตที่ได้รับมาใหม่อย่างมีความสุขเถิด”
หา…นี่มันอะไรกัน มาแต่เสียงไม่เห็นตัว ฝูเฟยเมี่ยวส่ายหน้าแรงๆ พลางกระพริบตาถี่ๆ รัวๆ
สิ่งที่เห็นก็ยังคงเป็นสภาพแวดล้อมเช่นเดิม บ้านไม้เก่าๆ ผนังผุๆ พังๆ หลังคาทำจากหญ้าคา หน้าต่างทั้งสี่ด้านก็ทำจากหญ้าคาเช่นกัน และ…สตรีสูงวัยตรงหน้ากำลังส่งเด็กทารกให้นางพลางยิ้มกว้าง
“เด็กคงหิวนมแล้ว ดูสิ เป็นเด็กผู้ชายซะด้วย ท่าทางแข็งแรง ตอนคลอดนี่ร้องเสียงดังเชียว น่าเสียดายที่…” หญิงชราที่มีใบหน้ายิ้มแย้มพอพูดมาถึงตอนท้ายประโยคสีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองเอาซะอย่างนั้น
ฝูเฟยเมี่ยวรับเด็กทารกมาอย่างเก้ๆ กังๆ พอเริ่มตั้งสติได้นางก็ปล่อยให้หญิงชราช่วยนางให้เด็กทารกนั้นได้กินนมจากเต้า เต้า…ที่ชาติที่แล้วนางไม่มี ต้องไปผ่าตัดเสริมจึงมีเหมือนของสตรีทั่วๆ ไป
“อ๊ะ!” ฝูเฟยเมี่ยวทำท่าตกใจเมื่อโดนเด็กทารกนั้นกระซวกดูดเต้านม
“อย่าเกร็งไปสิ เจ้าเองก็เคยมีลูกมาแล้วคนนึง เด็กมันยังไม่หิวมากหรอก เพิ่งคลอด คงจะอยากดูดเฉยๆ เฮ้อ…นี่อาซวนจะรู้หรือไม่นะว่าเขาได้ลูกชาย” หญิงชราพูดไปก็ถอนหายใจไป
ดะ…เดี๋ยว นี่มันเรื่องอะไร ยังไงกัน เวลานี้ฝูเฟยเมี่ยวทำหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด นางค่อยๆ ตั้งสติในขณะที่ปล่อยให้เด็กทารกนั้นดูดนมของตน
“ป้า อะ…เอ่อ ท่านป้า ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พอหลับไปตื่นขึ้นมาข้าจำอะไรไม่ได้เลย” ฝูเฟยเมี่ยวแสร้งทำเป็นเอ่ยถาม จากความทรงจำที่นางได้รับมา สามีของร่างนี้ชื่อฉีห่าวซวน เขาเพิ่งจะสอบเข้ารับราชการได้และวันนี้ก่อนที่นางจะคลอดลูกเขาก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อแจ้งข่าวดีกับพี่สาวทั้งสองของเขา พร้อมกับแจ้งข่าวร้ายให้กับเจ้าของร่างได้รับรู้ว่า ต่อไปเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก แต่จะพยายามฝากคนนำเงินมาให้สำหรับเป็นใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง หมายความว่า…
“อาเมี่ยว ข้าเสียใจกับเจ้าด้วย สามีของเจ้าเขาไปได้ดีแล้ว เขาคงไม่กลับมาแล้วล่ะ แต่อย่างไรอาซวนเขาก็สัญญานะว่าจะฝากให้คนนำเงินมาให้เจ้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง เจ้าทำใจเสียเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีอาหรงและ เอ้อ…แล้ว…เจ้าเด็กคนนี้เจ้าจะตั้งชื่อว่าอะไร?”
‘ยังมีเด็กอีกคนหรือ ใช่แล้ว จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางมีลูกสาวอายุ 3 ขวบอีกหนึ่งคนชื่อ ฉีฟางหรง เช่นนั้นเด็กคนนี้จะชื่ออะไรดีนะ เอาเป็นชื่อเฟยหลงละกัน’ ฝูเฟยเมี่ยวทำหน้านิ่งพลางครุ่นคิด
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านป้า เรื่องผู้ชายทิ้งลูกทิ้งเมียเมื่อยามตัวเองได้ดิบได้ดีแล้วมีอยู่เกลื่อนไป แค่นี้ไม่ทำให้ข้าสะเทือนหรอก ฮึ!” พูดจบฝูเฟยเมี่ยวก็ทำท่าเบ้ปาก