หลังจากที่อวิ๋นซีเฉินจากไปแล้ว สวีเหลียนฮวาก็เรียกคนให้มาช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ ชุดแต่งกายของสตรีโบราณช่างรุ่มร่ามและเดินเหินยากลำบากเสียจริง นางคงต้องพยายามปรับตัวให้เคยชินกับการแต่งกายเช่นนี้เสียแล้ว
"ฮองเฮาเพคะ ทรงอยากบรรทมหรือไม่เพคะ?"
สวีเหลียนฮวาหันไปมองนางกำนัลน้อยที่เดินเข้ามารินน้ำชาให้นางด้วยความคล่องแคล่ว ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมบอกกับนางว่า นางกำนัลผู้นี้คือสาวใช้คนสนิทของนาง นามว่า หลิงเจียว เป็นสาวใช้ที่ติดตามมารับใช้นางจากตระกูลสวี
สวีเหลียนฮวานั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆไปมาด้วยความว้าวุ่นใจ นางรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมายิ่งนัก นางเป็นถึงนักเรียนหัวกะทิ มีความสามารถที่เก่งรอบด้าน อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนฝูงอีกด้วย เป็นว่าที่ตำรวจหญิงในอนาคต
แต่ต้องมาตกตายเพราะถูกรถชนนี่นะ!!เห้อ!!สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งนางยิ่งนัก
สวีเหลียนฮวาหันไปมองที่กระจกก่อนจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อย สตรีนางนี้มีใบหน้าเหมือนกับนางไม่มีผิดเลย จะต่างกันก็เพียงแค่เจ้าของร่างนี้มีแววตาที่เศร้าหมองเหลือเกิน
ชีวิตของสวีเหลียนฮวาช่างอาภัพยิ่งนัก นางไม่เก่งอะไรสักอย่าง อีกทั้งยังอ่อนแอไม่สู้คน แฝดน้องของนางก็ช่างใจดำยิ่งนัก คิดจะหนีงานแต่งก็หนีไปเสียเฉยๆ ทิ้งหายนะให้นางต้องมาทนกับฮ่องเต้บ้าอำนาจผู้นี้!!
แต่เอาเถิด!ไหนๆก็ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครา ข้าก็จะทำให้เจ้าไม่ลำบากไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน
สวีเหลียนฮวาถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทาง นางรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก เพราะร่างนี้ถูกกดหน้าจมอยู่ใต้อ่างน้ำมาครู่หนึ่ง นางจึงรู้สึกแสบจมูกจนเกินจะทน สวีเหลียนฮวาจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
รุ่งเช้ามาเยือน แสงอาทิตย์จากนอกหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาให้ความอบอุ่นแก่นางได้มากทีเดียว สวีเหลียนฮวาลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะบิดกายไปมาด้วยความเกียจคร้าน
"ฝ่าบาทเสด็จ!!"
สวีเหลียนฮวากลอกตาไปมาด้วยความเหนื่อยหน่าย จะมาทำไมแต่เช้ากันนะ นางเพิ่งจะตื่นนอนเมื่อครู่นี้เองแท้ๆ
อวิ๋นซีเฉินก้าวเดินเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมฉายแววเย็นชาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของสวีเหลียนฮวา
"หึ!!สตรีเช่นเจ้าคงมิเคยเรียนรู้กฎสามเชื่อฟังสี่จรรยาสินะ ไม่สมควรที่จะได้อยู่ในตำหนักเฟิ่งหวงของข้าเลยด้วยซ้ำ!!"
"ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท"
"ถูกด่ายังไม่สำนึก!!หน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก"
สวีเหลียนฮวาไม่ได้สนใจที่เขาดูถูกดูแคลนนางเท่าใดนัก นางทำเพียงฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวาก็เท่านั้น อวิ๋นซีเฉินเริ่มหงุดหงิดแล้ว เขาสะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลขันทีออกไปจนหมด ก่อนจะก้าวยาวๆเข้าไปหาสวีเหลียนฮวา และยื่นมือไปกระชากเอวบางของนางเขาหาตัวเขา ส่วนอีกมือหนึ่งก็จับสองมือขาวราวหยกงามของนางเอาไว้
"ปล่อยนะเพคะ!"
"หึ!!คิดว่าข้าหลงใหลเจ้าเช่นนั้นหรือ?เจ้าจะไม่ได้มีวันแตะต้องกายข้าอีก!!"
"หม่อมฉันก็ไม่ได้อยากแตะนักหรอกเพคะ!!"
"หึ!!ภายนอกเจ้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นสตรีอ่อนแอบอบบาง นี่คือธาตุแท้ของเจ้าสินะ!!ตอบข้ามา หลานฮวาของข้าอยู่ที่ไหน!!"
สวีเหลียนฮวารู้สึกรำคาญชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง นี่มันเวรกรรมใดของนางกัน จึงต้องมาแต่งงานกับคนเช่นนี้
"ไม่รู้เพคะ!!นางหนีไปไม่ได้บอกผู้ใดแม้แต่หม่อมฉัน!"
"เจ้ารู้!!แต่เจ้าอยากได้ข้าจนตัวสั่น จึงสวมรอยเป็นนางเข้ามาแต่งกับข้าแทนนาง ข้ารู้ ความหล่อของข้ามันคงทิ่มแทงใจเจ้าสินะ!!"
สวีเหลียนฮวารู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ ให้ตายเถอะ!!เขานี่มัน
"หากพระองค์ทรงรังเกียจหม่อมฉัน ก็ทรงปลดหม่อมฉันออกจากตำแหน่งฮองเฮาสิเพคะ ไม่เห็นจะยาก"
"เจ้าท้าทายข้าหรือ!!"
"ไม่ได้ท้าทายเพคะ หม่อมฉันพูดความจริง คนสองคนมิได้รักกัน จะทนอยู่ร่วมกันไปทำไมเพคะ!"
"โอววว ช่างเจรจาพาทีเสียจริงเชียว จำใส่หัวเจ้าเอาไว้!!ข้าปลดเจ้าแน่!!! แต่เจ้าจะต้องทนทรมาณ อยู่เป็นเงาของสวีหลานฮวาจนกว่าข้าจะหานางพบ เพราะเจ้า!!หากเจ้าไม่มีใบหน้าเหมือนนาง นางก็คงไม่คิดหนีข้าไปเช่นนี้!!"
บ้าบอสิ้นดี!!!นางมีใบหน้าเดียวกับสวีหลานฮวานางก็ผิดเช่นนั้นหรือ?
"เจ็บนะเพคะ ปล่อย!!"
"คิดว่าข้าอยากแตะเนื้อต้องตัวเจ้านักหรือ!!"
"ก็ปล่อยสิเพคะ โอะ!!"
สวีเหลียนฮวาพยายามดิ้นรนหนีจากการกอดรัดของเขา แต่ทว่าเพราะยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาเสื้อผ้าผืนบางของนางก็หลุดลุ่ยลง จนเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มเต่งตึงของสาวแรกรุ่นที่ชวนมอง สวีเหลียนฮวาพยายามหาทางดึงมันให้เข้าที่ แต่อวิ๋นซีเฉินกลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์มองนางด้วยแววตาที่ดูแคลน
"เจ้าถึงกลับกล้ายั่วยวนข้าเพียงนี้เชียวหรือ น่าสมเพชสิ้นดี!!"
"อยากจะทรงคิดเช่นไรก็ตามแต่ใจพระองค์เถิดเพคะ"
"ดี!!ข้าจะคิดว่าเจ้ามันอำมหิต ริษยา!!"
"โอ๊ย!!"
อวิ๋นซีเฉินผลักร่างของสวีเหลียนฮวาลงไปนอนกองกับพื้นอย่างนึกรังเกียจ แต่ทว่ากลิ่นหอมจากกายนางช่างส่งกลิ่นเย้ายวนใจเขายิ่งนัก คล้ายกับกลิ่นบุปผานานาพรรณที่เขาชื่นชอบ
บัดซบ!เหม็นสาบออกปานนี้ ใครจะไปหลงใหลนางกัน
"อีกครู่หนึ่งจะมีพิธีของพรจากเทพสวรรค์ เจ้าจงเตรียมตัวให้ดี อย่าทำให้ข้าขายหน้า มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายคามือเสีย!!"
อวิ๋นซีเฉินเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไปทันที หลิงเจียวที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงสวีเหลียนฮวาทันที
"ฮองเฮาเพคะ!!"
"ข้ามิเป็นอันใด เจ้าช่วยข้าเตรียมตัวทีเถิด หากชักช้า อาการทางจิตของฮ่องเต้กำเริบคงแย่กว่านี้!!"
"เพคะ"
ไม่นานนักสวีเหลียนฮวาก็แต่งกายเสร็จเรียบร้อย นางสวมชุดประจำตำแหน่งฮองเฮา ใบหน้าของนางสวยงามยิ่งนัก อีกทั้งยังขาวนวลเนียนราวกับพระจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า ริมฝีปากบางสวยได้รับ ดวงตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาว เครื่องหน้าของนางงดงามจนเรียกได้ว่าล่มเมืองเลยทีเดียว
หากแต่งเติมอีกนิดคงจะงดงามเหนือสตรีใดในใต้หล้า!
สวีเหลียนฮวาเดินทางไปที่แท่นพิธีขอพรซึ่งตั้งอยู่ริมสระน้ำขนาดใหญ่กลางวังหลวง ในสระน้ำมีดอกเหลียนฮวามากมายหลากสีดูงดงามยิ่งนัก
"ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ"
สวีเหลียนฮวาหันไปมองเหล่าสตรีที่เข้ามาทำความเคารพนางด้วยแววตาที่เป็นมิตร แต่ละนางล้วนสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดี แลดูสง่างามเป็นอย่างมาก
"หม่อมฉันจิ้งกุ้ยเฟยเพคะ เป็นพระสนมเอกขอฝ่าบาท"
สตรีน้อยใบหน้างดงามสวยหวาน แววตาเรียวสวยราวกิ่งดอกท้อ กำลังเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน แต่ทว่าเน้นหนักตรงคำว่า 'พระสนมเอก'
สวีเหลียนฮวาส่งเสียงเฮอะในลำคอ จิ้งกุ้ยเฟยผู้นี้คงคิดจะบอกนางอ้อมๆว่า ตนเป็นคนโปรดของฮ่องเต้โรคจิตนั่นสินะ?
นางต้องใส่ใจหรือ?ก็ไม่!
"ในวังนี้มีกฏระเบียบมากมายนัก หากฮองเฮามิทรงรังเกียจ ให้หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าสนทนาเป็นเพื่อนยามว่างดีหรือไม่เพคะ?"
จิ้งกุ้ยเฟยเอ่ยพลางลอบสังเกตใบหน้าของเสวีเหลียนฮวาไปด้วย ได้ยินมาว่าเมื่อคืนฝ่าบาททรงกริ้วหนักมาก ข่าวลือเรื่องบุตรสาวฝาแฝดของตระกูลสวีสลับตัวกันนั้น ผู้คนในวังหลวงต่างล่วงรู้กันหมด ได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงเกือบจะฆ่าสวีเหลียนฮวาให้ตายคามือด้วยซ้ำ เหตุใดจึงไม่ปลดนางออกจากตำแหน่งฮองเฮาไปเสียเล่า!!น่าเจ็บใจนัก
คิดๆดูแล้ว นางก็สะใจไม่น้อย สวีเหลียนฮวาน่าจะหายสาบสูญไปพร้อมกับน้องสาวฝาแฝดของนางเสีย!!
สวีเหลียนฮวายิ้มให้จิ้งกุ้ยเฟยเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน
"ขอบใจเจ้ามาก แต่ข้ามิชอบสนทนากับผู้ใดมากนัก ขอตัวก่อน"
"เพคะฮองเฮา'
จิ้งกุ้ยเฟยกัดฟันกรอด หึ!!อวดดีหยิ่งยโสไปเถิด อีกไม่นานเจ้าคงได้หลุดออกจากตำแหน่งฮองเฮาเป็นแน่
"ฝ่าบาทเสด็จ!!"
เสียงแหลมเล็กของขันทีดังขึ้น เหล่านางสนมและข้ารับใช้ทั้งหลาย ต่างย่อกายทำความเคารพอวิ๋นซีเฉินอย่างนอบน้อม เขาปรายตามองดูสวีเหลียนฮวาคราหนึ่ง เมื่อเห็นว่านางไม่ใส่ใจเขาแม้แต่น้อยจึงรู้สึกหงุดหงิดในใจ
เสแสร้งไปเถิด!!ข้ารู้ในใจเจ้าอยากได้ข้าจนตัวสั่น!!!
อวิ๋นซีเฉินมองขึ้นไปบนแท่นพิธีด้วยสายตาพึงพอใจ พิธีขอพรเทพเซียนให้เมืองต้าเทียนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข พิธีนี้สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ฮ่องเต้ที่ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจะต้องทำพิธีนี้ทุกๆปี ถือเป็นธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติ อวิ๋นซีเฉินเดินเข้ามาหาสวีเหลียนฮวาก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้านาง สวีเหลียนฮวาขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเขา กลับพบว่าอวิ๋นซีเฉินกำลังถลึงตามองนางราวกับจะฆ่านางให้ตายคามือ
"ยื่นมือมาทำไมหรือเพคะ?"
"ทูลฮองเฮา พิธีขอพรจากเทพสวรรค์ ฮ่องเต้และฮองเฮาทรงต้องขอพรร่วมกันพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นธรรมเนียมที่ทรงปฏิบัติกันมาช้านานพ่ะย่ะค่ะ"
ราชเลขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม สวีเหลียนฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะชั่งใจคิด
"ไม่จับมือได้หรือไม่?"
"จะจับมือข้าดีดี หรือให้ข้าถีบเจ้าออกไปก็เลือกเอา!"
"จับมือก็ได้เพคะ!!"
สวีเหลียนฮวาส่งสายตาไม่พอใจให้เขาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือของนางไปจับมือของเขาเอาไว้ ป่าเถื่อนที่สุด!!เขากล้าถามถีบนางต่อหน้าทุกคน ไม่ไว้หน้านางบ้างเลย!!!
"เสร็จสิ้นพิธีแล้ว ข้าจะล้างมือให้สะอาด มิให้ความชั่วร้ายจากเจ้ามาทำติดกายข้าเป็นอันขาด!!"
"โธ่!หม่อมฉันก็บอกแล้วนี่เพคะ ว่าไม่ต้องจับมือ แต่พระองค์ก็ทรงดึงดันเองนี่เพคะ หม่อมฉันต่างหากเล่าเพคะที่ต้องล้างมือให้สะอาด!!"
"หุบปาก!!อย่าให้ข้าโมโหไปมากกว่านี้!!"
"หึ"
อวิ๋นซีเฉินพาสวีเหลียนฮวามายืนตรงกลางแท่นพิธี ก่อนจะเริ่มทำการกราบไหว้ขอพรเหล่าเทพทุกองค์บนสวรรค์ เพื่อช่วยคุ้มครองเมืองหลวงต้าเทียนให้สงบสุข
ผ่านไปไม่นานพิธีขอพรก็เสร็จสิ้น สวีเหลียนฮวากำลังจะก้าวเดินกลับไปที่ยืนที่เดิม แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินกลับเอ่ยปากรั้งนางเอาไว้ก่อน
"อย่าเพิ่งไป"
"พิธีเสร็จสิ้นแล้วมิใช่หรือเพคะ?"
"ยัง อย่าถามมาก!!หุบปากเสีย!!!"
สวีเหลียนฮวาถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย นางหันไปมองเขาเพียงเล็กน้อย อวิ๋นซีเฉินยื่นมือออกไปที่ด้านหน้า ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาของเขาดูจริงจังกว่าเมื่อครู่เป็นอย่างมาก จนสวีเหลียนฮวาเองไม่กล้าเอ่ยปากรบกวนจิตใจของเขาอีก
"เทพสวรรค์ได้โปรดเมตตาเถิด จงช่วยคุ้มครองข้า ให้ข้าแข็งแรงและอายุยืนยาว ขอให้ข้าครองบัลลังก์ต้าเทียนอย่างสงบสุขร่มเย็น และได้โปรดเมตตา ให้ข้ารูปงามราวเทพสวรรค์เหนือบุรุษในใต้หล้า หล่อเหลามิเสื่อมคลายไปชั่วนิรันดร์ ท่านเทพสวรรค์โปรดเมตตาด้วย"
สวีเหลียนฮวาส่งเสียงเฮอะในลำคอ นางรู้สึกขบขันเขาอยู่ในใจ เกิดมานางเพิ่งเคยได้ยินการขอพรบ้าบอเช่นนี้!!!
ขอพรให้หล่อเหลารูปงามไม่เสื่อมคลายอย่างนั้นหรือ?
ปัญญาอ่อนสิ้นดี!!
อวิ๋นซีเฉินปรายตามองสวีเหลียนฮวาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนนางอย่างไม่ปิดบัง
"มิต้องมายิ้มเช่นนี้ ข้าไม่มีวันรักคนอย่างเจ้า!!"
สวีเหลียนส่งยิ้มตาหยีให้เขาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
หม่อมฉันก็ไม่มีวันรักคนโรคประสาทเช่นกันเพคะ!!!