บทที่ 9

1490 Words
“ว่ายังไงจ๊ะ ทำไมเมื่อเช้าถึงไม่มา” “ไปได้ที่ไหนล่ะ โดนเฮียสกัดดาวรุ่งซะงั้น” เสียงใสโวยวายผ่านโทรศัพท์มา “แล้วทำไมพี่ตริณต้องห้ามด้วยล่ะ” “เรื่องมันยาวน่ะลักษณ์ ตาลเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเฮียสักเท่าไรหรอก แต่ป๊าอะดิเชื่อลูกชายเขาทุกอย่าง ไอ้เราก็ไม่กล้าแผลงฤทธิ์มาก ความผิดครั้งที่แล้วยังโดนทัณฑ์บนอยู่เลยเนี่ย” “อ้าว แล้วงานเย็นนี้ตาลจะมามั้ย” “ต้องไปอยู่แล้ว พลาดได้ไงงานใหญ่ขนาดนั้น แถมงานนี้จะต้องมีหนุ่มๆ เพียบ เพียงแต่เฮียกับป๊ายื่นคำขาดว่าถ้าจะไปให้ได้ก็ต้องพาเฮียตริณไปด้วย ขนาดตาลบอกแล้วบอกอีกนะว่างานนี้เป็นงานบ้านลักษณ์ แล้วตาลก็อยู่กับลักษณ์ ป๊ายังไม่ยอมไว้ใจเลย” ตาลวดีพูดไปปาดเหงื่อไป ‘สงสัยคราวที่แล้วเธอจะเล่นแรงไปหน่อย’ นารถลักษณ์พยักหน้าเข้าใจ โดยที่ลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็น... และเมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเพื่อนสาวสุดสนิทแสนแสบของเธอจะมาถึงก่อนงานเริ่มแน่ๆ นั่นคืออีกไม่เกินสองชั่วโมงนับจากนี้ เธอก็แสนจะเบาใจ อย่างน้อยก็คงมีคนให้พูดคุยด้วยบ้าง ในงานที่มีแต่คนแปลกหน้าเดินกันให้ทั่วบ้านแบบนี้ “คงจะเตรียมทำตัวเป็นนางหงส์เต็มที่เลยสินะ” เขาว่าเสียงเข้มอยู่ข้างหูคนตัวเล็ก “แต่งเนื้อแต่งตัวราวกับเป็นเจ้าสาวซะเอง อย่างเธอมันก็แค่กาฝากของบ้านฉันเท่านั้นแหละ” และเมื่อเห็นการแต่งตัวที่พิถีพิถันกว่าปกติของน้องสาวต่างพ่อต่างแม่ ก็ทำให้เขาสรุปได้ว่าทั้งนารถลักษณ์และแม่ของเธอคงคิดจะเปิดตัวกันเต็มที่ ขนาดเมื่องานช่วงเช้า แม่ของยายเด็กเมื่อวานซืนนี่ยังไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคู่กับพ่อเขาให้พี่โตและพี่สะใภ้ต้องลดตัวไปกราบกราน จนเขาทนไม่ไหวต้องเข้าไปดึงนางแม่มดนั่นออกมา แต่แทนที่พ่อหรือคนอื่นๆ จะฟังเขา กลับบอกว่าเขาวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง คิดแล้วก็ยิ่งโมโห “ลักษณ์ขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับคนพาล เพราะรู้ดีว่าตนคงจะไม่ชนะคนที่ไร้เหตุผลอย่างตรีศูลไปได้ “ทนฟังไม่ได้เหรอ ขนาดพวกฉันยังทนให้เธอและแม่มาเกาะเป็นปลิงดูดเลือดไม่ไปไหนตั้งหลายปี พวกฉันยังทนได้เลย” เข้าเน้นคำเสียดสีรุนแรงทุกพยางค์ เธอละไม่เข้าใจผู้ชายสองบุคลิกอย่างเขาเลยจริงๆ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ต้องทำงานด้วยกัน ถึงเขาจะไม่ได้รับฟังอะไรเธอมากนัก แต่ก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ หรือความร้ายกาจอย่างตอนที่ต้องเจอกันที่บ้านแบบนี้ “มันจะไม่มากไปหน่อยหรือคะคุณตรีศูลผู้ยิ่งใหญ่ ใหญ่คับฟ้า คับบ้านคับช่องไปหมด” ทั้งนารถลักษณ์และตรีศูลหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงเสียดแทงของผู้มาใหม่ หญิงสาวรีบเข้าไปยืนด้านข้างของผู้เป็นแม่ “จะแท็กทีมแม่ลูกคู่น่ารังเกียจหรือไง” “แม่คะ อย่า...” นุชนารถหันไปเอ็ดคนที่เขย่าแขนเธออยู่ยิกๆ ไม่รู้จะกลัวไอ้คุณชายหมาบ้านี่ไปถึงไหน “ก็หวังว่าคุณตรีคงจะไม่ลืม ว่าคนน่ารังเกียจอย่างดิฉันเนี่ยแหละ เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณปริตร ธีรการณ์ ไม่ใช่แค่ลูกติดแม่ตายอย่างใครบางคนแถวนี้ ซึ่งก็เรียกง่ายๆ ว่า... หมาหัวเน่า !” นารถลักษณ์อดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้ ทั้งเนื้อทั้งตัวเย็นเฉียบไปจนถึงกระดูก แค่ได้เห็นสันกรามของอีกคนขบกันแน่นจนขึ้นรอยนูน หน้าก็แดงก่ำออกแนวจะไปทางคล้ำๆ ซะด้วยซ้ำ มือทั้งสองกำแน่นพร้อมจะตะบันหน้าใครสักคน... ซึ่งแน่นอนว่านั่น คือแม่เธอ ตรีศูลเชื่อเหลือใจว่าตนเองกำลังจะตรงเข้าไปบีบคอคนตรงหน้า คอที่มีสร้อยเพชรเส้นโตที่ได้มาจากเงินของพ่อเขาทั้งนั้น แต่ก่อนที่จะทำได้อย่างใจคิด เสียงใครบางคนก็ดังขึ้นซะก่อน “เจ้าตรีหยุด ! นั่นแกกำลังจะทำอะไร” ปริญญ์เปิดประตูออกมาจากห้องเห็นน้องชายตัวเองทำท่าจะกระโจนเข้าไปขย้ำคอแม่เลี้ยงอยู่รอมร่อ ถึงจะไม่รู้ว่าทั้งคู่ปะทะฝีปากเรื่องอะไรกันอีก แต่เขาจะต้องเป็นคนห้ามศึกครั้งนี้ให้ได้เหมือนอย่างที่แล้วมา นารถลักษณ์ถอนหายใจ นึกโล่งอกที่เสียงระฆังดังขึ้นมาช่วยชีวิตแม่เธอได้อย่างพอดิบพอดี คราวนี้เธอไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้น ถึงตรีศูลจะเข้ามาหาเรื่องเธอก่อน ซึ่งมันก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากสิ่งที่แม่เธอทำไปเมื่อเช้า แน่นอนว่าชายหนุ่มอาจเหมือนหมาบ้า แต่สิ่งที่แม่เธอสาดซัดกลับไปก็แรงพอกัน “เราไปกันเถอะนะคะแม่ คราวนี้ถือว่าลักษณ์ขอร้อง” นุชนารถยอมล่าถอยเพราะเจ้าหล่อนไม่อยากมีเรื่องหมางใจกับปริญญ์ผู้ที่มีสิทธิ์จะได้ขึ้นมากุมบังเ**ยนของธีรการณ์ต่อจากผู้เป็นพ่อนัก แต่ก็ยังไม่วายหันไปส่งสายตาและยิ้มเยาะให้กับบางคนด้วย เมื่อสองคนแม่ลูกหายวับเข้าไปในห้องแต่งตัว แต่เหมือนเรื่องจะยังไม่จบเมื่อตรีศูลทำท่าจะตามเข้าไปอีกคน “ตรีหยุด นั่นจะไปไหน” “ก็จะตามเข้าไปเอาเรื่องคนที่มันด่าผม ด่าแม่” ขนาดว่าเขาไม่ได้ตัวเล็กกว่าน้องชายเลย ถึงจะไม่ได้ออกกำลังกายตลอดจนกล้ามโตเท่าตรีศูลก็ตาม ยังแทบที่จะเข้าไปขวางคนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟลุกไปทั่วตัว และกำลังจะไปเผาผลาญทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลองไว้ไม่อยู่ “แต่ในนั้นมีเมียพี่อยู่ด้วยนะตรี และคะน้าก็กำลังแต่งตัวอยู่ นายจะไม่ไว้หน้าพี่หน่อยเหรอ” พอได้เรียกอีกคนว่า ‘เมีย’ ปริญญ์ก็รู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นนานแล้ว เขาจึงได้แต่ให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาไม่ได้พูดอะไรผิด เมื่อเช้าที่ผ่านมาเขากับคณานางค์จดทะเบียนสมรสกันแล้ว เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง คำพูดของพี่ชายทำให้ตรีศูลหยุด แม้จะยังแสดงความไม่พอใจนักออกมาทางสีหน้าก็ตาม แต่นั่นทำให้ปริญญ์พอใจ “เป็นเกียรติเต้นรำกับพี่สักเพลงนะครับ” ชายหนุ่มแบมือโค้งตัวออกไปหวังจะให้เพื่อนเจ้าสาวคนสวยยื่นมือมารับ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็น... เพียะ ! “อูย... อะไรของแกเนี่ยห้ะยายตาล” “เฮียนั่นแหละ เลิกทำชีกอใส่เพื่อนตาลเลย ไม่อย่างนั้นตาลจะฟ้องป๊า” ตาลวดียังคงกางปีกปกป้องเพื่อนรักอย่างเต็มที่ แต่เจ้าทุกข์อย่างนารถลักษณ์กลับขำจนน้ำหูน้ำตาไหลกับท่าทีกลัวน้องของตริณภพ “ขำไรยะเธอ” “เปล๊า” นารถลักษณ์แก้ตัวเสียงสูง และอยู่ๆ เธอก็ยื่นมือเล็กไปคว้ามือใหญ่ของอีกคน “ไปเถอะคะพี่ตริณ ลักษณ์ไม่ได้เต้นรำกับพี่มาเป็นปีแล้วมั้ง ลองดูมั้ยคะว่าลูกศิษย์อย่างลักษณ์ลืมวิชาที่พี่สอนไปหรือยัง” ตริณภพยักคิ้วแล้วส่งยิ้มให้น้องสาว ก่อนจะรีบเดินตามแรงจูงออกไป “ลักษณ์นะลักษณ์ ทิ้งตาลเฉยเลย” เธอโวยวายเสียงไม่เบานัก ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง “ให้ความหวังเข้าไป จะรับรู้บ้างมั้ยว่าผู้ชายเขาไม่ได้คิดกับตัวเองแค่เพื่อนน้องสาวน่ะ” โดยที่ไม่ทันได้สังเกต ตาลวดีไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องอยู่จากใครคนหนึ่งที่เธอภาวนาว่าขออย่าได้เจอะเจอเขาอีกเลย “บ่นอะไรอยู่คนเดียวครับสาวน้อย” พลั่ก ! โอ๊ย ! “เฮ้ย ! อะไรของคุณเนี่ย มาต่อยผมทำไมไม่ทราบ” เป็นบุตรคลำคางตัวเองป้อยๆ หลังจากที่โดนสอยมาหมาดๆ “นาย...” ตาลวดีรู้สึกอยากจะหนีกลับซะเดี๋ยวนี้ งานที่แสนสวย หรูหราตื่นตาตื่นใจ แถมมีอาหารปากแสนอร่อยกับอาหารตาให้มองเป็นหนุ่มๆ มากกว่าครึ่งร้อย แต่ทุกอย่างไร้ความหมายไปเลยเมื่อเธอได้มาเจอกับนายหื่นชีกอนี่ ! “ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ว่าผมชื่อสี่ครับ” เขายืนมือออกไป แม้จะโคตรมั่นใจว่าเธอจะไม่จับตอบก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD