บทที่ 10

1468 Words
“อ่าฮะ หน้างอคอหักยังน่ารักเลยนะครับ แต่ขออย่างเถอะ หวังว่าเจอกันคราวหน้าผมคงจะไม่เจ็บตัวอีกหรอกนะ” “แต่ฉันหวังว่าจะไม่มีคราวหน้าอีก เพราะไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง คุณก็ยังหน้าหม้อไม่เลิก” เขายักไหล่ “หม้อที่ไหนจะหน้าตาดีได้แบบผม” “หลงตัวเองชะมัด” “ไอ้สี่ มึงออกห่างๆ ยายตาลเลย” เป็นบุตรมองคนที่เอะอะมะเทิ่งมาแต่ไกล เดินรั้งท้ายมาด้วยนารถลักษณ์ อันที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ทั้งคู่ออกไปเต้นรำด้วยกันแล้วนั่นแหละเพียงแต่ไม่คิดว่าไอ้ตริณมันจะยอมละทิ้งการเต้นรำกับลูกเลี้ยงของพ่อเขาเพื่อมากันท่าเร็วขนาดนี้ “ว่าไงเพื่อน” “กูบอกให้มึงออกห่างๆ น้องกูหน่อย” เป็นบุตรมองอีกฝ่ายอย่างเป็นต่อ “จะให้กูไปไหนล่ะ นี่บ้านกู” แม้จะยั่วโมโหคู่แข่งตลอดกาลออกไป แต่เป็นบุตรก็ยอมเดินห่างออกมาเล็กน้อย ตริณภพหายใจทั่วท้องได้ไม่นานนักเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยออกมาอย่างเหนือกว่า “ถ้ามึงให้กูอยู่ห่างๆ น้องมึง ก็กรุณาอยู่ห่างๆ น้องกูด้วยเช่นกันนะไอ้ตริณ” เป็นบุตรทิ้งท้ายไว้เท่านั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหากลุ่มเพื่อนอย่างอารมณ์ดี ตริณภพหันไปมองหญิงสาวข้างกาย ถึงพอจะรู้มาบ้างว่านารถลักษณ์กับธีรการณ์เกี่ยวข้องกันยังไง แต่ก็ไม่เคยเห็นคนในครอบครัวนี้จะมายุ่งเกี่ยวอะไรในตัวหญิงสาวสักเท่าไร แต่ถ้าเป็นบุตรจะกล่าวอ้างในเรื่องนี้ก็ย่อมทำได้ เขาว่ามันดูออกว่าเขาคิดยังไงกับนารถลักษณ์ ในขณะที่เขาดูมันออกตั้งแต่วันที่สนามแข่งรถนั่น ว่าเป็นบุตรสนใจในตัวน้องสาวเขาแค่ไหน... “ศรรามค่อยๆ กินสิ เห็นมั้ยเลอะเทอะไปหมดแล้ว” เธอดุมันเบาๆ แต่ก็ยังใช้มือหยิบน่องไก่ทอดเติมลงไปในจานของเจ้าสุนัขตัวโตอุ้ยอ้าย เจ้าสี่ขาเหมือนจะไม่รับรู้ว่าตัวเองถูกบ่น ยังคงแทะกระดูกเสียงดังน้ำลายไหลย้อยอยู่สองข้างแก้ม “นี่ถ้าไม่รักกันจริง ลักษณ์ไม่แอบย่องไปหยิบมาให้เยอะขนาดนี้หรอกรู้มั้ย” เมื่อมือบางเอื้อมมาจับสองแก้มเลอะๆ นั่นแล้วขยำแรงๆ โยกหัวใหญ่นั้นไปมาด้วยความมันเขี้ยว เจ้าศรรามตัวแสบเลยเลียแผล็บๆ มาบนมือที่ยังมีเศษไก่ติดอยู่ของเธอ “อื้อหือ ยังไม่อิ่มอีกเหรอเจ้าศรรามอ้วน” เธอรีบหลบเป็นพัลวัน แต่ก็ไม่ถนัดนักเพราะตนเองนั่งยองๆ อยู่กับพื้นหน้าบ้านของเจ้าสี่ขา “หยุดเลย ฮ่าๆ อย่าแกล้งลักษณ์สิ” เหมือนศรรามจะชอบเมื่อเจ้านายสาวหัวเราะร่า ตอนที่มันเข้าไปเลียมือ เลียแขน และเลียหน้าสวยๆ นุ่มๆ นั้นจนชุ่ม นารถลักษณ์มองสุนัขตัวอ้วนเก็บกวาดของทุกอย่างจนเกลี้ยง เพราะทุกสิ่งได้เข้าไปอยู่ในกระเพาะมันหมดแล้ว ยังจำได้ว่าเจ้าศรรามเป็นหมาที่ตะกละที่สุดในโลกสำหรับเธอเลย ไม่ว่าอะไรศรรามก็กินได้หมด ไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้ ยิ่งขนมหวานจำพวกขนมชั้น ข้าวเหนียวสังขยามันยิ่งชอบเป็นพิเศษ เธอเองก็ชอบขนมหวานมากเหมือนกัน เวลาที่มาหาแม่กับลุงปริตร คนเป็นมารดามักจะซื้อเตรียมไว้ให้เสมอ เผื่อเอากลับไปกินที่บ้านริมน้ำของเธอ แต่ก็ไปไม่เคยพ้นบันไดหน้าบ้านสักที เพราะพอเจ้าศรรามตัวนี้ได้กลิ่นหรือเห็นเธอ ก็จะมาขวางทางหรือไม่ก็ล้มทับเสมอๆ แล้วเธอก็ใจอ่อนให้มันเสียทุกครั้งไป “กินมากไปจนนอนไม่ได้อีกแล้วละสิ” เธอมองสิ่งที่ยังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้ๆ กัน เจ้าศรรามสุนัขสี่ขา หรือเจ้าตัวอ้วนของหญิงสาวครางหงิงๆ ไม่หยุด “จุ๊ๆ ศรรามเบาหน่อยสิ เดี๋ยวทูนหัวทูนกระหม่อมของศรรามมาได้ยินเข้า รู้ว่าลักษณ์เอาของมาให้กินตอนดึกขนาดนี้ ลักษณ์ไม่โดนฝังกลบหรือไง” นารถลักษณ์มองมันอย่างเอ็นดูปนปวดหัวนิดๆ นิสัยส่วนตัวของเจ้าสุนัขตัวนี้ก็คือถ้าอิ่มจะไม่ยอมเข้าไปนอนในบ้านตัวเอง มันจะเดินไปเดินมาจนกว่าจะรู้สึกสบายท้อง พอแก่ตัวเข้าก็เลยใช้กลิ้งไปกลิ้งมาแทน เจ้าศรรามยังคงครางไม่หยุด “ที่ร้องนี่จะให้ลักษณ์เกาสะดือให้ใช่มั้ย” เจ้าหมาแสนรู้เข้าใจที่เห็นหญิงสาวเรียกตัวเองเข้าไปใกล้ๆ มันจึงกลิ้งร่างอุ้ยอ้ายที่อยู่ไม่ห่างจากเธอนักเข้าไปหนุนกระโปรงตัวสวย อย่างพอเหมาะพอดี หญิงสาวคลำไปตรงจุดที่เธอเรียกว่าสะดือ ซึ่งก็ไม่แน่ใจนักว่ามันคือสะดือหรือก้อนเนื้อกันแน่ มันดูจะแข็งเป็นไต ลักษณะกลมๆ อยู่บริเวณพุงของสุนัขตัวนี้ และทุกครั้งที่เริ่มเกาให้เบาๆ ศรรามจะเคลิ้มหลับอย่างมีความสุข และที่สำคัญมันก็ชอบให้ทำแบบนี้มาก พอเจ้านายใจดีอีกคนทำในสิ่งที่มันคุ้นเคย เสียงครางที่ดังเมื่อครู่ก็เบาลง จนหายไป แต่กลับมีอีกเสียงที่ดังขึ้น และทำให้เธอตกใจอย่างที่สุด “เธอกำลังทำอะไร” เจ้าศรรามเหมือนรู้ว่าไม่ควรจะอยู่ตรงนี้ เมื่อมันได้ยินเสียงเจ้านายสุดที่รักของมันดังขึ้นด้วยระดับเดซิเบลที่บอกได้คำเดียวว่า... น่ากลัว ! “เปล่าค่ะ” นารถลักษณ์รีบลุกขึ้นเตรียมจะเดินเลี่ยงออกไป “เธอเอาอะไรให้มันกิน” ตรีศูลถาม แม้เห็นอยู่เต็มตาว่าตัวนารถลักษณ์สั่น และอยากจะไปจากตรงนี้เต็มทีด้วยหลักฐานที่ยังวางระเกะระกะ ทั้งจานข้าว ทั้งถุงและเศษกระดูกไก่ ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้ “เอ่อ... คือลักษณ์ขอโทษนะคะ ต่อไปจะไม่เอาอาหารมาให้ศรรามสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้วค่ะ” เพราะรู้ว่าเจ้านายมันดูแลเรื่องสุขภาพของเจ้าสุนัขแก่แบบเคร่งครัดขนาดไหน ด้วยเคยได้ยินพี่บุ๋มบิ๋มพูดให้ฟังอยู่บ้าง ตรีศูลรีบกำถุงในมือแล้วเลื่อนมันไปไว้ด้านหลังจนมิด ดูท่าเจ้าศรรามคงซัดเข้าไปซะเต็มคราบแล้ว ถึงได้นอนแช่อยู่บนตักของหญิงสาวด้วยท่าทางหลับพริ้มซะขนาดนั้น แต่เพราะเสียงกร็อบแกร็บของถุงพลาสติก ทำให้นารถลักษณ์ต้องชะเง้อไปตามเสียง ยิ่งเธอเอี้ยวตัว อีกคนก็ยิ่งเบี่ยงหลบ ยิ่งหลบก็ยิ่งมีเสียงดังเกิดขึ้น เพราะตรงนี้เงียบมากด้วยงานสังสรรค์ก็จบลงไปแล้ว “คุณตรีเอาอะไรซ่อนไว้ข้างหลังคะ” “เปล่า” เขาตอบกลับเสียงเข้มอย่างต้องการจะกลบเกลื่อนพิรุธ ยิ่งเห็นอีกคนทำท่ามีพิรุธ เธอก็ยิ่งอยากรู้ว่ามันคืออะไร “นี่คุณตรีอย่าบอกนะคะ ?...” ถึงเขาจะพยายามหลบแล้วแต่ถุงใหญ่ขนาดนี้ถ้าตาไม่บอดก็ต้องเห็นอยู่ดี และสายตาของนารถลักษณ์ก็บอกว่าเธอรู้หมดแล้ว เสียฟอร์มชะมัด ! “ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย นี่ก็ตั้งใจจะเอามากินเองหรอก” นารถลักษณ์อยากจะขำแต่ก็ทำเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ระดับตรีศูลถ้าหิวจริงๆ คงไม่คว้าถุงไก่ทอดใบใหญ่เลอะน้ำมันและมีเศษแป้งทอดกรอบเกือบจะครึ่งถุงมากินหรอก เพราะแค่เขาเอ่ยปากคำเดียว แม่ครัวที่ทำหน้าที่ดูแลจัดการอาหารในคืนนี้ก็คงแทบจะตั้งโต๊ะให้เขาพิเศษอีกชุด “เหรอคะ แต่ถุงมันใหญ่มากเลยนะคะนั่น” “ก็ว่าจะเอามาเผื่อเจ้าเล็กมันด้วย เธอก็รู้ว่ามันชอบกินไก่ทอด” นารถลักษณ์ไม่อยากไล่ต้อนชายหนุ่มไปมากกว่านี้ ถึงรู้ว่าเขาโกหกแต่นั่นมันก็เรื่องของเขาทั้งนั้น ดีเท่าไรแล้วที่ตรีศูลไม่กลบเกลื่อนพิรุธด้วยการจับคอเธอหักจิ้มน้ำพริกเสีย เมื่ออีกคนทำท่าจะผละออกไป ตรีศูลก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าตนจะทำมาก่อน “จะกินด้วยกันมั้ยล่ะ” “คุณตรีชวนลักษณ์เหรอคะ” ก็มันแปลกยิ่งกว่าแช่แป้งซะอีก เมื่อบ่ายนี้เขายังทำท่าจะขย้ำเธอกับแม่ให้จมเขี้ยวอยู่เลย “เธอเห็นใครอื่นแถวนี้หรือเปล่าล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD