ณ ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ ทีเค อินดัสทรี
“เรื่องสุดท้ายที่ผมจะบอกวันนี้คือปีนี้ผมจะขยายช่องทางการประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์”
ฉัตรวิลัยรับช่วงต่อจากเจ้านาย
“ซึ่งฉัตรเห็นว่าหลายปีให้หลังมานี้ทางเราแทบไม่เคยซื้อโฆษณากับทางหนังสือเลย ฉัตรเลยไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เชิญทุกคนดูที่เอกสารประกอบค่ะ”
คนในโต๊ะประชุมเริ่มพูดคุยกันอย่างอื้ออึงอยู่สักพักเล็กๆ จนมีคนเริ่มเสนอความคิดเห็นขึ้น
“ผมเห็นด้วยนะครับ เพราะหนังสือและนิตยสารเป็นสื่อที่เรียบง่ายก็จริง อาจจะเข้าถึงคนได้น้อยกว่าสื่ออื่น แต่มันก็ยั่งยืนกว่า มีอายุการโฆษณาให้เราเทียบเท่ากับอายุของหนังสือหนึ่งเล่ม โดยที่เราไม่ต้องโปะเงินลงไปเพิ่ม”
“ใช่ค่ะ ถูกต้องอย่างที่คุณสมิทเข้าใจ ที่สำคัญเลยคือเราจะยังไม่หยุดการประชาสัมพันธ์แบบเดิม แต่เราจะเพิ่มช่องทางนี้เข้าไป ซึ่งจะใช้งบประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้มาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา”
นารถลักษณ์มองเอกสารเสนอราคาของหนังสือเครือหนึ่ง ที่ฉัตรวิลัยเตรียมไว้
“ลักษณ์ว่าราคามันสูงไปหรือเปล่าคะ และอีกอย่างอายุของนิตยสารหนึ่งเล่มบนแผงปัจจุบันนี้อายุก็สั้นมากเมื่อเทียบกับราคาที่เราจ่ายไป”
เลขาสาวหันมาส่งสายตากึ่งไม่พอใจให้ผู้ช่วยคนใหม่ของเจ้านาย
“ไม่ใช่ว่าลักษณ์จะบอกว่าสื่อนิตยสารไม่ดี แต่เท่าที่ดูราคา จากที่ทางโน้นเขาเสนอมา ลักษณ์ว่าหัวนี้ไม่สมควรจะเรียกราคาโฆษณา สิบแปดหน้าในราคานี้นะคะ”
“อะไรกันคะคุณลักษณ์” ที่จริงเธอไม่อยากจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าคุณนักหรอก ไม่คิดเลยจริงๆ ว่านารถลักษณ์จะได้มาเป็นเจ้านายเธออีกคน “เล่มนี้นี่ไม่ใช่ไก่กานะคะ คุณลักษณ์ไม่รู้อะไรจริงก็อย่าเสนอความคิดเห็นเลยดีกว่าค่ะ”
“นารถลักษณ์ คุณเพิ่งมาทำงานอาจจะยังไม่มีประสบการณ์เท่าคุณฉัตร เอาเป็นว่างานนี้ผมไฟเขียวให้คุณฉัตรติดต่อทางโน้นได้เลย” เขาทำงานกับฉัตรวิลัยมาหลายปี และงานทุกอย่างที่มอบหมายไปก็สำเร็จลุล่วงแทบไม่มีข้อบกพร่องแต่ไหนแต่ไรมา เรื่องนี้เขาก็มั่นใจเช่นนั้นเหมือนกัน
ฉัตรวิลัยยิ้มรับกับคำสั่งของเจ้านาย นึกลำพองอยู่ในใจเพราะไม่ว่าจะยังไงตรีศูลก็ไว้ใจเธอที่สุดเสมอ
นารถลักษณ์นึกผิดหวังอยู่ในใจ ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาตรีศูลแทบไม่รับฟังอะไรจากเธอเลย ให้จมอยู่แต่กับงานตรวจกองเอกสาร ที่บอกจะพาไปดูตลาด ก็ยังไม่เคยได้ไปสักครั้ง ป่วยการที่จะพูดเพราะเขาได้ออกคำสั่งให้ทุกคนพักเที่ยงไปแล้ว และคนในห้องประชุมก็กำลังทยอยกันออกเกือบจะหมด
“เดี๋ยวค่ะคุณตรี”
ตรีศูลถอนหายใจแรง แต่ก็ยอมเอ่ยปากบอกให้เลขาออกไปรอข้างนอก
“อะไรของเธอนักหนา”
“มันไม่ได้อะไรของลักษณ์หรอกค่ะ แต่มันเป็นผลประโยชน์ของบริษัท คุณตรีต้องทบทวนให้รอบคอบ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องเมื่อสักครู่นี้ไงคะ ถึงลักษณ์จะไม่มีประสบการณ์แต่ลักษณ์ก็เคยฝึกงานแบบนี้มาก่อน กว่าจะจบมาได้ก็ได้เรียนรู้อะไรมาพอสมควร”
“ฉันรู้ว่าเธอฉลาด ไม่ต้องอวดก็ได้” เขาเหน็บ
“ลักษณ์ไม่ได้อวดฉลาด แค่จะบอกว่าราคาที่คุณฉัตรเอามาเสนอในห้องประชุมวันนี้มันสูงเกินไปจริงๆ”
“ฉัตรเขาไม่เคยทำงานชุ่ยๆ และห้ามเธอมาใส่ร้ายคนของฉันด้วย”
“คุณตรีช่วยพักอคติในใจสักครู่จะได้มั้ยคะ”
“เธอจะบอกว่าฉันเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ?” ตรีศูลยังคงยิ้มยียวน การได้ก่อกวนยายลูกเลี้ยงของพ่อแบบนี้มาตลอดสัปดาห์ดูสนุกกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
“ก็ถ้าไม่ใช่ งั้นฟังลักษณ์สักนาทีนะคะ นิตยสารเล่มนั้นถึงจะติดท็อปเท็น แต่ก็ยังเป็นเกรดรองๆ บางเล่มอยู่ เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่า ทางเขาเสนอขายหน้าโฆษณาให้เราในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงจนไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโปรโมชั่น”
“เธอจะให้ฉันเชื่อว่าฉัตรวิลัยปกปิดข้อมูลสำคัญ หรือว่ายักยอกกันแน่ล่ะ”
“มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ค่ะ บางทีทางโน้นคงจะเสนอราคาเอาเปรียบเราเฉยๆ ซึ่งลักษณ์คิดว่าคุณฉัตรน่าจะยังไม่ได้เทียบกับของที่อื่น”
“ไม่จริงหรอก ฉันให้เวลาเขากับโปรเจกต์นี้มาทั้งเดือน ซึ่งถือว่านานมากถ้าเทียบกับงานอื่น”
“คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ลักษณ์อยากขอให้คุณตรีระงับการเซ็นสัญญาซื้อขายไว้ก่อน ขอเวลาลักษณ์หน่อย ให้ลักษณ์ได้ตรวจสอบและหาข้อมูลราคาเปรียบเทียบมาให้คุณดู”
“อยากทำอะไรก็ทำ” ถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดจะฟังดูมีเหตุผล และมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ แต่ยังไงซะเขาก็ยังคิดว่าเธอแค่ต้องการหาเรื่องสร้างผลงานให้พี่โตและพ่อของเขาเห็นเท่านั้น
ฉัตรวิลัยรีบหลบไปอีกทางเมื่อประตูห้องประชุมแง้มออกมา นึกเข่นเขี้ยวโมโหและกังวลหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน ถ้าเกิดเรื่องที่เธอกำลังทำอยู่เปิดเผย เรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ก็ต้องโดนขุดคุ้ยเช่นกัน แต่เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ
อารามร้อนใจทำให้หญิงสาวเริ่มเหงื่อตก บอกตัวเองว่าต้องรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินไป แต่ลำพังพนักงานออฟฟิศอย่างเธอจะมีปัญญาไปทำอะไรได้สักเท่าไร
แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ก็ต้องหาตัวช่วย และเขา เขาเท่านั้นที่เธอนึกถึงในตอนนี้...
คุณรณรวิชญ์ !
3 สัปดาห์ถัดมา
งานมงคลระหว่างตระกูลอนันตทรัพย์มหาศาลและธีรการณ์ ถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วสายฟ้าแลบ
“พี่คะน้าสวยจังค่ะ” นารถลักษณ์มองหญิงสาวที่กำลังจะมาเป็นพี่สะใภ้อย่างชื่นชม ตอนที่ผู้จัดการหนุ่มตัวโตกำลังจัดการแต่งหน้าทำผมให้อย่างคล่องแคล่ว
“แหะๆ เหรอคะ” คณานางค์ยังไม่รู้จะทำหน้ายังไง ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้
นารถลักษณ์นั่งมองคณานางค์แต่งตัวตั้งแต่ช่วงบ่าย หลังจากเสร็จจากพิธีช่วงเช้าอย่างชุลมุนเพราะแขกเหรื่อเยอะมาก ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ย้ายมาเตรียมตัวที่บ้านของคุณลุงปริตร เพราะสถานที่กว้างกว่า แถมที่นี่ยังเป็นที่ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกด้วย
“พี่แมนนี่เก่งนะคะ เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่แต่งหน้าทำผมให้พี่คะน้าซะช่างแต่งหน้ามืออาชีพบางคนยังต้องชิดซ้ายเลย”
แมนดารินสะบัดหน้าเบ้ปากแรงๆ กลัวคนที่พูดด้วยจะไม่เห็นว่าตัวเองงอนอยู่
นารถลักษณ์เห็นอาการนั้นของอีกคน ถึงกับเลิกคิ้วน้อยๆ เพราะไม่เข้าใจว่าตนเองพูดผิดตรงไหน เลยได้แต่หันไปสบตาคณานางค์ทีแมนดารินที
นางแบบสาวก้มลงมาทำท่าป้องปากกระซิบกระซาบ ข้างๆ หูของเพื่อนเจ้าสาวรุ่นน้อง
“จุ๊ๆ เห็นแมนๆ ทั้งชื่อทั้งหุ่นแบบนี้ แต่ใจพี่แมนของเราโตเป็นสาวตั้งแต่เกรดสิบเลยนะคะน้องลักษณ์” พูดเสร็จสาวเจ้าก็หัวเราะคิกคักไปตามเรื่อง
“หา... ! จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นพี่แมนก็เหมือนกับพี่บุ๋มบิ๋มน่ะสิ”
เกย์หนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองสาว แต่ระหว่างปักดอกกุหลาบสีขาวบนผมเจ้าสาวก็พยายามเงี่ยหูฟังเต็มที่
“ไม่เหมือนหรอกค่ะ รายนี้เขาแอ๊บแมน กลัวพวกหนุ่มๆ จะรู้ตัวแล้วหนีไปหมด โอ๊ย...”
เมื่อรู้แน่ว่าโดนนินทาผู้จัดการหนุ่มใจสาวเลยสนองความเจ้ากี้เจ้าการของนางแบบสาวด้วยการตีป้าบเข้าไปที่สะโพกงอนงามเสียหนึ่งที
ก่อนที่นารถลักษณ์จะขบขันจนเสียงดัง หรือสงครามน้ำลายระหว่างคณานางค์และแมนดารินจะดำเนินต่อไป เสียงโทรศัพท์ของเพื่อนเจ้าสาวอย่างเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“งั้นเดี๋ยวลักษณ์ขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนก่อนนะคะ”
เมื่อสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเดินออกไปนอกห้อง ตอนนี้จึงเหลือเพียงคณานางค์และผู้จัดการหนุ่มคนสนิทเท่านั้น
“เธอนะเธอ พี่เคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าให้หัดคบเพื่อนในวงการซะบ้าง นี่ถ้าคุณปริญญ์เขาไม่มีน้องสาว พี่ละสงสัยว่าตัวเองอาจจะต้องจำแลงแปลงไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวแทนซะก็ไม่รู้”
“หือ ถึงกับต้องจำแลงเลยเหรอคะพี่แมน” นึกไปก็จริงอย่างที่ผู้ชายตัวโตคนนี้พูด เอาเข้าจริงๆ เธอก็นึกไม่ออกว่าจะไหว้วานใครได้