ฝันร้ายของอบเชย

1008 Words
ฟิ้วว~ สายลมเย็นยามพลบค่ำพัดผ่านไปมาพลอยให้ยอดไม้ยอดหญ้านั้นไหวเอน ร่างกำยำของเจ้าที่แกร่งเดินสำรวจป่าช้าไปเรื่อย ทางเดินของป่ายังคงโล่งเตียนแม้ไม่มีผู้คนใช้สัญจรเพราะกลัวผี หมอกยังคงดูแลที่นี่ดีอย่างที่เคยรับปากปู่กับพ่อของเขาเอาไว้ สองเท้าหนาเหยียบย่ำลงบนใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมาบนทางเดิน เจ้าที่แกร่งเดินไปเรื่อยกระทั่งถึงวัดใหม่ที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ดวงตาสีถ่านกวาดมองไปทั่วทุกทิศ จมูกหนาทำท่าฟุดฟิดสูดกลิ่นอายมากมายเข้าปอด เมื่อเห็นว่าทุกกลิ่นที่ลอยมาไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือเป็นภัยแก่ผู้คนในวัด ทั้งยังไม่ใช่กลิ่นของผีหรือวิญญาณร้าย เจ้าที่แกร่งก็หายวับกลับศาลตัวเองไป “ท่านปู่ไปไหนมาครับ พวกผมตามหาตั้งนาน” สองบริวารเอ่ยพร้อมกันทันทีที่กายใหญ่ปรากฏขึ้นในศาล “ตามหากู?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจนัก “ใช่ครับ” “ไม่ใช่กูหรอกเหรอที่ต้องตามหาพวกมึง” เสียงทรงอำนาจเอ่ย “วัน ๆ งานการไม่ทำเอาแต่ตามติดเด็กนั่น พวกมึงนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ” ผู้อาวุโสตำหนิบริวาร เขาอุตส่าห์ถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งให้สองบริวารได้ใช้ดูแลป่าช้าและวัด แต่ไหงบริวารของเขาถึงเอาพลังที่มีไปตามติดเด็กน้อยนั่น “พวกผมไม่ได้ละเลยหน้าที่นะครับ พอทำอะไรเสร็จแล้วถึงไปหาน้องเชย” ขุนศึกที่มักต่อล้อต่อเถียงกับท่านปู่เอ่ยขึ้น เขากลัวแต่เขาก็มักเถียง และก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ทำงานพลาดและโดนลงโทษอยู่บ่อย ๆ “มึงหุบปากไปเลยไอ้ขุน มึงนั่นแหละตัวดี” เจ้าที่แกร่งตวัดใส่ตาใส่บริวาร “ท่านปู่อย่าเรียกมันสั้น ๆ แบบนั้นสิครับ ผมก็ชื่อขุนเหมือนกันนะ เวลาด่าช่วยเรียกชื่อเต็ม ๆ ด้วยครับ” ขุนพลพูดบ้าง “กูว่าให้พวกมึงทั้งคู่นั่นแหละ” เสียงดุว่าสองบริวาร “ตามผู้หญิงต้อย ๆ เป็นหมาน้อยติดแม่ งานการไม่รู้จักทำ” “ปกติพวกผมจะสลับกันไปตามอบเชยครับ แต่พอรู้ว่าท่านปู่ตื่นแล้ววันนี้ก็เลยออกไปด้วยกันทั้งคู่ พอท่านปู่เอาพลังกลับคืนพวกผมก็ไปไหนไม่ได้แล้ว” ขุนศึกรีบอธิบาย “งั้นก็หมายความว่าตอนกูไม่อยู่ พวกมึงตามติดเด็กนั่นทุกวัน?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอีกครั้งด้วยความอารมณ์เสีย “ครับ” สองบริวารตอบพร้อมกัน ทำเจ้าที่แกร่งถึงกับคลึงขมับ จู่ ๆ ไมเกรนก็ขึ้นซะงั้น “อบเชยป่วยบ่อยตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ พวกเราเลยตามดูอยู่ห่าง ๆ” ขุนพลเริ่มเล่า “แถมพอน้องเริ่มโตเป็นสาว น้องมันยังฝันร้ายตอนกลางคืนแทบทุกคืนเลยครับ พวกผมเลยสลับกันไปเฝ้าน้อง ต้องคอยทำให้น้องตื่น” สองบริวารหนุ่มคอยดูแลอบเชยไม่ห่าง แม้ว่าตอนนี้สาวน้อยจะไปเรียนมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงตามไปดูแลเธอ คอยเฝ้ามองน้องสาวที่หอพักและที่มหาวิทยาลัยของเธอด้วย มันดีตรงที่เขามีพลังของท่านปู่ เลยสามารถขอเจ้าที่ที่ประจำพื้นที่นั้น ๆ เข้าไปหาน้องได้เพราะเจ้าที่ศาลอื่นเกรงใจท่านปู่ของพวกเขา “ไร้สาระ คนบนโลกนี้ใครก็ฝันร้ายกันทั้งนั้น” เสียงดุว่าให้สองบริวาร “แต่น้องมันฝันไม่เหมือนคนอื่นนะครับท่านปู่” ขุนศึกแย้งขึ้น ทำเอาคนขี้หงุดหงิดตวัดสายตาใส่ แม้จะกลัวท่านปู่แค่ไหนแต่เพื่อน้องสาวของพวกเขาแล้วบริวารหนุ่มก็ยอมเสี่ยงอธิบาย “เวลาอบเชยฝันร้าย น้องมันชอบบีบคอตัวเองครับ แต่ละทีเหมือนจะบีบให้ตัวเองตาย” “ใช่ครับ ถ้าปลุกไม่ทันอบเชยต้องตายแน่ ๆ พวกผมเลยต้องสลับกันไปเฝ้าน้องเวลากลางคืนด้วย” “นี่พวกมึงไม่หลับไม่นอนกันหรือไง!” คนอารมณ์เสียตวาดบริวาร “นอกจากจะไม่ค่อยทำงานทำการกันแล้ว พวกมึงก็ยังไม่สลับเวรกันทำสมาธิด้วยใช่ไหม” “...” คำถามของผู้อาวุโสทำสองบริวารหนุ่มอึกอัก แหงล่ะว่าใช่ พวกเขาไม่ได้ทำสมาธิมาสิบห้าปีแล้วตั้งแต่ท่านปู่หลับไป “คิดว่าแต้มบุญที่ได้ทุกเดือนมันจะทำให้พวกมึงมีชีวิตอยู่ไปอีกนานแค่ไหนกัน อยากอ่อนแอแล้วแตกดับไปหรือไง” ผู้อาวุโสว่าให้บริวารที่ไม่เพียงแต่ละเลยหน้าที่การงานของตัวเอง แต่ยังไม่รู้จักทำสมาธิรักษาความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณด้วย แค่แต้มบุญที่ได้รับจากการดูแลป่าช้าในแต่ละเดือน กับส่วนบุญที่มีคนทำมาให้นั้นไม่มากพอที่จะบำรุงพลังวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาต้องทำสมาธิด้วย นี่คือสิ่งที่คนในโลกวิญญาณทำกันเป็นประจำ “พวกเราขอโทษครับท่านปู่” คนโดนดุเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยสีหน้าสำนึกผิด “แต่ถ้ามัวแต่นึกถึงตัวเอง อบเชยก็แย่สิครับ” ขุนศึกพูดขึ้น “น้องฝันร้ายแทบทุกคืนแถมยังบีบคอตัวเองอีก ถ้าปลุกไม่ทันมีแต่ตายกับตาย” “ก็ช่างหัวมันสิวะ!” เสียงเย็นยะเยือกตวาดสองบริวาร “บนโลกนี้มีคนฝันร้ายตั้งมากมาย ตายเพราะหัวใจวายก็เยอะแยะ” “แต่ท่านปู่รับปากกับชบาว่าจะดูแลอบเชยนี่ครับ” คราวนี้ขุนพลเป็นคนพูด “กูไปรับปากมันตอนไหน” “แต่ท่านปู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่ครับ” คำพูดของสองบริวารทำเจ้าที่แกร่งปวดหัวและอารมณ์เสียไม่น้อย ร่างกำยำหายวับออกจากศาลไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับบริวารอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD