วันแล้ววันเล่า

1457 Words
หลายปีต่อมา… @ โรงเรียนวัดป่าปู่ทวด - งานจบการศึกษานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 - “ลุงหมอก!” เสียงสดใสของเด็กหญิงในชุดนักเรียนชั้นประถม ผมสั้นเสมอติ่งหูเรียกผู้เป็นลุงพร้อมโบกไม้โบกมือให้ รอยยิ้มหวานฉีกกว้างขึ้นเมื่อผู้เป็นลุงหันมาสบตาเข้าพอดี “เชยอยู่ตรงนี้!” เด็กสาวกระโดดโหยง ๆ เมื่อลุงสุดหล่อเดินเข้ามาใกล้ “จะเรียบร้อยสักวันไม่ได้หรือไง” เสียงเรียบตำหนิหลานสาว มือใหญ่ถือช่อดอกไม้ที่ซื้อตรงซุ้มทางเข้าโรงเรียนมาด้วย “ลุงหมอกมาช้า มาไม่ทันตอนเชยขึ้นไปรับอันนี้บนเวทีเลย” คนโดนตำหนิไม่ได้สนใจ มือเล็กชูใบประกาศเกียรติบัตรนักเรียนดีเด่นให้ผู้เป็นลุงดู “เคยดูตอนอนุบาลแล้ว” ผู้เป็นลุงว่าพลางยื่นช่อดอกไม้ให้หลานสาว มือใหญ่ถือใบประกาศฯ ไว้ ดวงตาคมมองชื่อบนเกียรติบัตรครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าหลานสาวที่กำลังฉีกยิ้มกว้างอยู่ อบเชยเป็นเด็กตั้งใจเรียนและเรียนเก่ง งานกิจกรรมก็ไม่เคยเป็นสองรองใคร หลานสาวคนนี้จึงได้ทุนการศึกษาและได้รับการสนับสนุนจากคณะครูที่โรงเรียน “เก่งมาก” ผู้เป็นลุงชมสั้น ๆ พร้อมโยกหัวทุยไปมาเบา ๆ เรียกรอยยิ้มหวานจากหลานสาวตัวน้อย ไม่บ่อยนักที่หมอกจะชมหลานตัวเอง “ไอ้ขุนพล มึงว่าเราปลุกท่านปู่มาแก้ด้ายให้น้องได้ยัง” ขุนศึกที่เกาะรั้วโรงเรียนอยู่หันไปถามเพื่อนข้าง ๆ “น้องเชยเพิ่งจบปอหกเองนะมึง รอจบมอสามก่อนสิ” “งั้นก็ได้” หากสองบริวารไม่มีอาคมของท่านปู่คอยคุ้มกัน และไม่ได้รับตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าที่ พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้ตามติดอบเชยอย่างใกล้ชิดเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ลำพังพลังวิญญาณธรรมดาไม่สามารถออกมานอกเขตปกครองของเจ้าที่ตัวเองได้ ขุนพลกับขุนศึกมักสลับกันติดตามน้องสาวตัวน้อยของพวกเขา ทั้งเวลาเธอไปโรงเรียนรวมถึงตอนที่เธออยู่บ้านด้วย และทุกวันสำคัญของอบเชย ไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบวันเกิด หรือวันจบการศึกษาในแต่ละปี สองวิญญาณหนุ่มที่ตั้งตนเป็นพี่ชายนี้ก็จะมาแสดงความยินดีและอวยพรให้เธอตลอด วันเวลาเลยผ่านไปอย่างที่เคยเป็นวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า เช้าวันนี้สองวิญญาณหนุ่มพากันแต่งตัวหล่อตั้งแต่เช้ามืด ทั้งคู่สลัดกางเกงขาก๊วยและเสื้อม่อฮ่อมออก เปลี่ยนมาสวมชุดสูทสีดำซึ่งเป็นชุดประจำกายของเจ้าที่และผีบ้านผีเรือนในโลกวิญญาณแทน วันนี้ขุนศึกกับขุนพลจะไปงานจบการศึกษาของอบเชย น้องสาวของพวกเขาเรียนจบมอสามแล้ว เหล่าวิญญาณในป่าช้าก็มารอส่งสองวิญญาณหนุ่ม และรอฟังข่าวคราวของเด็กสาว เพราะพวกเขาออกไปนอกป่าช้าและนอกเขตวัดเหมือนอย่างขุนศึกและขุนพลไม่ได้ “เมื่อวานเธออยู่ที่นี่ไหม ยัยหนูมาที่นี่ด้วยล่ะ” เหล่าวิญญาณคุยกัน “ฉันก็อยู่ พอได้ส่วนบุญจากวัดแล้วฉันก็รีบกลับมาป่าช้าเลย ยัยหนูของพวกเราสวยวันสวยคืนเลยนะ ลุงหมอกน่าจะพามาบ่อย ๆ เธอว่าไหม” “นั่นสิ แต่ไม่เป็นไร ถึงลุงหมอกจะไม่พามาป่าช้า แต่วันพระยัยหนูก็ไปวัดบ่อย ไม่ได้เจอในป่าช้า อย่างน้อยได้เจอหน้าตอนไปรับส่วนบุญก็ยังดี” ตั้งแต่อบเชยเริ่มเข้าเรียนประถม โตพอที่จะรู้จักใช้น้ำใช้ไฟและดูแลตัวเองได้ หมอกก็ไม่เคยพาหลานมาที่ป่าช้าอีกเลย เขาจะพาหลานมาที่นี่ก็วันพระเท่านั้น หลังกลับจากทำบุญที่วัด หมอกจะพาอบเชยเอาของไหว้มาที่ป่าช้าพร้อมจุดธูปจุดเทียนบอกเจ้าที่เจ้าทาง อบเชยเคยถามว่าทำทำไม หมอกบอกหลานสาวแค่ว่ากลัวแม่ชบาไปกินข้าวที่วัดไม่ทัน สิ่งที่สองลุงหลานนี้ทำ พลอยให้วิญญาณในป่าช้าได้กินของไหว้ไปด้วย ทุกวันพระจึงเป็นวันที่เหล่าวิญญาณที่รู้จักเด็กสาวรอคอยการมาของเธอ พวกเขาอยากรู้ว่าทารกน้อยในวันนั้นเติบโตขึ้นมาอย่างดีหรือเปล่า และก็ไม่เคยผิดหวังเลย อบเชยเติบโตมาอย่างดี @ โรงเรียนมัธยมวัดใหม่ - ซุ้มถ่ายรูปนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม - “เชย นั่นพี่ชายเชยเหรอ หล่อจังเลยอ่า” เสียงเด็กสาวในชุดนักเรียนมอต้นถามคนข้าง ๆ สายตามองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนสีเข้ม เขากำลังเดินตรงมาทางนี้ “พี่ชายอะไรเหมย นั่นลุงของเชยต่างหากล่ะ ทำเป็นจำไม่ได้” ใบหน้าหวานหันไปตอบเพื่อนสนิทก่อนจะโบกไม้โบกมือให้ผู้เป็นลุง “ลุงหมอก เชยอยู่ตรงนี้!” “ไอ้ขุนพลมึงว่าเราปลุกท่านปู่ได้ยัง” ขุนศึกหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงิน “เด็กวัยนี้กำลังอยากรู้อยากลอง กูว่ารอน้องมันโตกว่านี้หน่อยค่อยปลุกท่านปู่ดีกว่าว่ะ มึงจำยัยเด็กขนุนที่เคยมาเล่นกับน้องที่บ้านบ่อย ๆ ได้ไหม มันมีผัวแล้วนะ ยังเรียนไม่จบเลย” ขุนพลบอกเพื่อนรัก เขาเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับอบเชย จนรู้ว่าวัยนี้เป็นวัยที่อ่อนไหวง่าย หากเข้มงวดเกินไปหรือทิ้งห่างเกินไปก็มีแต่พังกับพัง แต่ก็เป็นไปได้ยากที่พ่อแม่จะดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพราะแต่ละคนล้วนต้องทำมาหากิน “เอางั้นก็ได้ มอหกแล้วกันเนอะ” “อือ” สองวิญญาณหนุ่มคุยกันก่อนจะหันไปมองน้องสาวของพวกเขาที่กำลังโตเป็นสาว หมอกเลี้ยงหลานสาวของเขามาอย่างดี เรื่องนี้สองผีรู้ดีที่สุด อบเชยเป็นเด็กกำพร้าก็จริงแต่หมอกคอยเป็นทั้งพ่อและแม่ให้หลานสาว เขาไม่เคยทำให้อบเชยรู้สึกว่าขาดอะไรไป เธอจึงเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ หลายวันเป็นสัปดาห์ หลายสัปดาห์กลายเป็นเดือน และแปรเปลี่ยนเป็นหลายปี เวลานี้เด็กสาวมอต้นในวันนั้น ได้เติบโตเป็นสาวมอปลายที่กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ขุนพลกับขุนศึกยังคงตามดูแลอบเชยไม่เคยห่าง พวกเขาอยู่ในทุกช่วงเวลาชีวิตของเด็กสาวราวกับเป็นเทวดาประจำตัวเธอ “ไอ้ขุนพล มึงว่าเราลืมอะไรไหมวะ กูพยายามนึกมานานแล้วก็นึกไม่ออกว่าลืมอะไร” ขุนศึกหันไปถามเพื่อนรักขณะเดินเข้าไปในบ้านของเด็กสาว ทั้งคู่เพิ่งกลับจากโรงเรียนมัธยมของน้อง “ไม่นะ หรือมึงลืมตรวจงานก่อนมาหาน้อง” ขุนพลเลิกคิ้วใส่เพื่อน “ไม่นะมึง กูว่ากูตรวจแล้ว แต่เหมือนกูลืมอะไรสักอย่าง นึกยังไงก็นึกไม่ออก” ขุนศึกครุ่นคิด เขาเป็นคนขี้หลงขี้ลืม นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขามักโดนท่านปู่ทำโทษบ่อย ๆ เพราะเวลาทำงานเขาก็ลืมอะไรหลายอย่างด้วยเช่นกัน “มึงจะกลับศาลเลยไหม” ขุนพลถามเพื่อนขณะนั่งห้อยขาอยู่บันไดบ้านไม้ยกพื้นสูง บ้านหลังนี้เป็นบ้านของสองลุงหลาน “รอไอ้หมอกมันกลับมาก่อน พอมันกับน้องปิดไฟนอนแล้วพวกเราค่อยกลับก็ได้มึง” “เออตามนั้น” สองวิญญาณหนุ่มนั่งคุยกันรอลุงของเด็กสาวกลับมา หลังกลับจากไปรับหลานที่โรงเรียนหมอกก็มาส่งหลานที่บ้านแล้วไปหาหลวงพ่อที่วัดต่อ ท่านมีเรื่องให้สัปเหร่อหนุ่มทำ สองวิญญาณหนุ่มไม่เคยปล่อยให้น้องสาวของพวกเขาต้องอยู่คนเดียว เลยพากันเฝ้าไว้ “แล้วบ้านนี้ก็ไม่มีผีเจ้าที่ด้วยนะ แปลกฉิบหายเลย” ขุนศึกพึมพำ หลังจากตามดูแลอบเชยมาพักใหญ่ พวกเขาทั้งคู่ก็ได้รู้ว่าบ้านที่เด็กสาวอยู่นี้ไม่มีผีเจ้าที่และผีบ้านผีเรือนคอยดูแล จึงเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาเพราะจะได้ไม่ต้องขออนุญาตใครเวลาเข้าออกบ้านนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD