ด้ายแดง

1207 Words
วูบ~ “ท่านปู่ครับ!” / “ท่านปู่ครับ!” “ไอ้พวกเวรเอ๊ย!” เสียงเรียกของสองบริวารที่จู่ ๆ ก็เข้ามาในห้องบำเพ็ญเพียร ทำเจ้าที่แกร่งตกอกตกใจแทบตกจากแท่นนั่ง “พวกมึงจะเข้ามาดี ๆ กันสักวันไม่ได้หรือไง!” เสียงทรงอำนาจปนโกรธจัดตวาดใส่บริวารทั้งสอง ถึงจะเป็นการทำสมาธิแค่ช่วงที่ว่างวันละไม่กี่ชั่วโมง ไม่ได้เข้าสมาธินานเป็นสิบปีเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็อยากอยู่เงียบ ๆ “ขอโทษครับท่านปู่” ขุนพลกับขุนศึกก้มหัวหน่อย ๆ ให้ผู้อาวุโสก่อนจะรีบพูดต่อ “พวกเรามีเรื่องใหญ่จะบอกท่านปู่ครับ” เสียงเอะอะของสองบริวารทำให้คนที่อารมณ์เสียเพราะถูกรบกวนยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ “เรื่องใหญ่แค่ไหนก็ช่างหัวมันสิวะ!” ผู้อาวุโสตวาดลั่น “ใครจะตายหรือใครจะเกิดในป่าช้าอีกก็ช่างหัวมัน!” “แต่ถ้าท่านปู่ไม่รับฟังแล้วก็ไม่ช่วย น้องอบเชยของพวกเราต้องมีผัวตั้งแต่เด็กแน่ ๆ เลยครับ!” เป็นอีกครั้งที่สองบริวารเอ่ยพร้อมกันเสียงดัง ทำคนที่กำลังหลับตาลงต้องเบิกตาขึ้นด้วยความโมโห “ก็ช่างมันสิวะ!” “วันนี้เขาเผาศพเด็กที่ฆ่าตัวตายเพราะอกหักไปนะครับ แล้วหมู่บ้านเราพวกเด็ก ๆ ก็รีบมีผัวมีเมียกันตั้งแต่อายุน้อย ๆ กันทั้งนั้นเลย” ขุนพลเอ่ย “ใช่ครับท่านปู่ บางคนยังอยู่มอต้นก็ท้องแล้ว” ขุนศึกเสริมทัพอีกคน “กูบอกว่าช่างมัน!” เสียงผู้อาวุโสตวาดอีก ทำสองบริวารสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกลัวก่อนจะรีบหายวับออกมานอกศาล ทั้งสองยืนมองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยแววตาละห้อย พวกเขาไม่อยากให้ชีวิตอบเชยเป็นอย่างนั้น ยิ่งหมอกทำงานเป็นสัปเหร่ออยู่แต่ในวัดกับป่าช้า เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลหลานสาวกัน ตัวอย่างชบาแม่ของอบเชยก็มีให้เห็น เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ไม่ทันที่สมาธิของเจ้าที่อาวุโสจะเข้าที่เข้าทาง เสียงร่ำไห้ของชบาที่เอ่ยปากฝากฝังลูกสาวไว้ก็ดังก้องในหูของผู้อาวุโสซ้ำ ๆ ‘ชบาฝากลูกสาวด้วยนะจ๊ะ ฝากท่านดูแลแกกับลุงของแกด้วย พ่อแกตายไปแล้ว แกไม่เหลือใครแล้ว’ “แม่งเอ๊ย! กูไม่ได้รับปากสักหน่อย ยังตามหลอกหลอนอยู่นั่นแหละ” วูบ~ พลันนั้นเองที่ร่างกำยำของเจ้าที่แกร่งปรากฏกายขึ้นข้างกระท่อมน้อย ดวงตาสีมืดจ้องมองร่างเล็กของเด็กหญิงวัยห้าขวบด้วยความไม่ชอบใจนัก “กวนใจกูตั้งแต่เกิดจนเดินได้เลยนะ” เสียงนั้นพึมพำกับตัวเอง สองขาแกร่งเดินเข้าไปใกล้เด็กน้อย มือใหญ่ข้างหนึ่งจับแขนป้อม ๆ เอาไว้ สองบริวารเห็นแบบนั้นก็ดีอกดีกันยกใหญ่ ถ้าท่านปู่ของพวกเขาผูกด้ายแดงไว้ที่ข้อมือของเด็กหญิง ก็จะไม่มีใครมองเธออย่างชู้สาวไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม เธอจะเติบโตโดยไร้คนรักอย่างชู้สาวและไร้คนหมายปองจนกว่าด้ายนี้จะถูกแก้ออก “ผูกไว้นาน ๆ เลยนะครับท่านปู่” ขุนศึกบอกผู้อาวุโส “พออบเชยเรียนจบมอต้นแล้วค่อยแก้ด้ายออกนะครับ” ขุนพลพูดบ้าง “ไม่สิ ๆ รอให้เรียนจบมอปลายหรือมหาลัยก่อนค่อยแก้ออกก็ได้ครับ” “ไม่ ๆ” ขุนศึกส่ายหัว “รอเมนส์หมดแล้วค่อยแก้ดีกว่าครับ” “ไอ้ห่า มึงจะให้อบเชยขึ้นคานหรือไง” ขุนพลว่าเพื่อน “พวกมึงเงียบ ๆ กันได้ไหม กูจำคาถาไม่ได้แล้ว!” เสียงทรงอำนาจตวาดบริวารอีกครั้ง ไม่เคยมีเลยที่เจ้าที่ผู้นี้จะได้คุยกับบริวารของเขาดี ๆ เลยต้องหนีไปทำสมาธิเพราะอยู่กับสองคนนี้แล้วมีแต่เรื่องปวดหัว “ว่าแต่ทำไมพวกมึงไม่ผูกกันเอง มาบอกกูทำไม” แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากหนาจะเริ่มบริกรรมคาถา คิ้วเข้มก็เลิกขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อนึกอะไรออก ผู้อาวุโสกว่ามองหน้าสองบริวารสลับกันไปมา “พวกผมผูกด้ายแดงให้วิญญาณบริสุทธิ์ได้ที่ไหนกันล่ะครับ” สองบริวารว่าพร้อมกัน “ผูกด้ายแดงให้วิญญาณบริสุทธิ์หรือเด็ก ๆ แบบนี้ ก็มีแต่วิญญาณระดับสูงอย่างผีเจ้าที่เท่านั้นแหละครับที่ทำได้ ถ้าอบเชยโตเป็นสาวแล้วพวกผมก็คงผูกกันเองไปแล้วล่ะครับ” ด้ายแดงเป็นด้ายที่เหล่าวิญญาณจะผูกไว้ที่ข้อมือของคนรัก เป็นเครื่องหมายว่าคนคนนั้นมีเจ้าของแล้ว หากผูกด้ายให้คนเป็น ผู้คนในโลกคนเป็นก็จะไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับคนคนนั้น จนกว่าด้ายจะถูกแก้ออก และหากผูกให้วิญญาณ ก็เป็นการประกาศว่าหมั้นหมายกันไว้แล้ว “ทีนี้ก็หมดเรื่องแล้วใช่ไหม” ผู้อาวุโสถามสองบริวารหลังจากบริกรรมคาถาจบแล้ว เขาผูกด้ายแดงกับข้อมือของเด็กน้อยไว้เรียบร้อย ดีหน่อยที่วันนี้เขาไม่ได้ปรากฏกายให้เธอเห็น เด็กน้อยเลยไม่ได้ฟาดมือป้อม ๆ ลงบนแขนเขาอีก “ครับ” สองบริวารตอบรับ “ถึงเวลาก็ไปปลุกให้กูตื่นมาแก้ด้วยล่ะ” “ท่านปู่พูดแบบนี้จะไปไหนครับ” ขุนพลเลิกคิ้วถาม “พูดเหมือนคนจะหลับยาวซะงั้น” “กูจะเข้าพิธีผนึกวิญญาณ พวกมึงดูแลป่าช้าดี ๆ เดี๋ยวกูจะถ่ายโอนพลังส่วนหนึ่งไว้ให้ใช้ดูแลที่นี่ แล้วก็รับตำแหน่งรักษาการแทนกูไปทั้งสองคนเลย” เจ้าที่แกร่งบอกสองบริวาร นั่นหมายความว่าท่านปู่ของพวกเขาจะไม่ตื่นจากสมาธิไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ตาม นอกเสียจากว่าจะมีคนเข้าพิธีไปปลุกท่าน จะเดินไปปลุกเฉย ๆ เหมือนตอนนี้ไม่ได้อีกแล้ว “กี่ปีครับ” ขุนศึกถามบ้าง ใช่ว่าท่านปู่ของพวกเขาจะไม่เคยผนึกวิญญาณตัวเอง ท่านปู่น่ะทำบ่อยจะตายไป ท่านคลั่งไคล้การทำสมาธิและมักหมกตัวอยู่ในศาลกับป่าช้า ไม่ชอบออกไปข้างนอก หากมีเรื่องสำคัญก็จะให้บริวารไปแทน นอกเสียจากเป็นเรื่องที่ทำแทนกันไม่ได้ท่านถึงจะออกจากป่าช้าไปเอง “อีกสิบห้าปีกูจะออกมา ภายในสิบห้าปีที่กูหลับอยู่ พวกมึงปลุกกูได้แค่สองครั้งเท่านั้น” “ทำเหมือนเดิมใช่ไหมครับ” ขุนพลพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ หากเขาปลุกท่านปู่ครบสองครั้งแล้ว ครั้งต่อไปก็จะไม่มีผลอะไร วิญญาณผู้อาวุโสจะหลับใหลไปจนกว่าจะครบกำหนดตื่น นั่นก็คือจนกว่าจะครบสิบห้าปี “อือ อีกสองวันเตรียมตัวให้พร้อม กูจะไปแล้ว” เจ้าที่แกร่งบอกบริวาร “ครับท่านปู่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD