บทที่ 7 คนเช่นนั้นคือพี่ชายข้า

1504 Words
            จินฉิงอีเป็นคนซอกแซกเช่นเดียวกับพี่ชายของนาง เพราะได้รับการถ่ายทอดวิธีเสาะหาข่าวสารทั้งทางเปิดเผย และทางลับ ไม่นานนักนางก็สืบรู้ว่า ร้านข้าวสารเซียงนั้น คือ ร้านของจวิ้นอ๋องและจินวั่งซู คนทั้งสองหยิบยืมแซ่ท่านแม่ของนางมาใช้เพื่อปกปิดตัวตน ช่างฉลาดเช่นเดียวกับนางที่โป้ปดเถาหนิงลี่ไปว่า ตนนั้นสกุลเซียง             ในยามนี้เซียงฉิงอีได้ใช้ให้โจรภูเขา ฉีเจียตง เข้าไปสมัครเป็นผู้ช่วยเสมียนที่ร้านข้าวสารเซียง เพื่อจะได้สืบข่าวความเคลื่อนไหวของพี่ชาย             “เจ้าจับตามองคนที่มีปานไว้ให้ดี หากเขาเรียกเหยี่ยวมาหา ให้เจ้ามาบอกข้า” เซียงฉิงอีมอบหมายให้ซ่งฮุ่ยจูมาคอยติดต่อกับฉีเจียตง ซ่งฮุ่ยจูไม่ชอบหน้าของฉีเจียตงเพราะนางไม่เชื่อว่าผู้ชายซื่อจนเซ่อซ่าคนนี้จะช่วยงานคุณหนูได้สำเร็จผล “เจ้าอย่าเซ่อจนเผลอพูดความลับเข้าล่ะ คุณชายใหญ่ฉลาดหลักแหลม ช่างสังเกต อาจจะจับผิดเจ้าได้ไม่ยาก” เห็นซ่งฮุ่ยจูดูถูกตนเองเช่นนั้น ฉีเจียตงยิ่งตั้งใจจะเพิ่มความระมัดระวังขึ้นอีกหลายส่วน เขาจะทำให้ซ่งฮุ่ยจูเห็นว่า เขามีประโยชน์ต่อคุณหนูเพียงใด แต่พอไปสมัครงานครั้งแรก เขากลับโดนเถ้าแก่เซียงปฏิเสธ องครักษ์เงาฉินจางหย่งเมื่อมาถึงเมืองหลวงจิน ถูกคุณชายเซียงเฉินกงจับมาแปลงโฉมเป็นเสมียนร้านค้าข้าวผู้หล่อเหลา รูปร่างที่แน่นด้วยมัดกล้าม คิ้วหนา ตาเรียวรี จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบาง เมื่อแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ไม่ถึงห้าวัน เขากลายเป็นผู้ชายที่ถูกกล่าวถึงมากกว่าเถ้าแก่เซียง จนถูกเถ้าแก่บ่นทุกครั้งที่มีลูกค้าสาวเดินเข้าร้าน “เจ้าเป็นเสมียน เดินเข้าไปประจำโต๊ะข้างในจะดีกว่า ข้างหน้าข้าจะดูแลลูกค้าเอง” คราหนึ่งคุณหนูเถานางจะไปร้านเครื่องประดับ เมื่อผ่านไปเห็นเสมียนฉิน ถึงกับตกตะลึง ดวงตาพร่าพรายคล้ายจะเป็นลมไปชั่วขณะ จนสาวใช้ทั้งสองต้องเข้าประคอง จากนั้นนางก็จะหาเหตุในการผ่านร้านข้าวสารเซียงให้ได้บ่อยขึ้น “คุณหนูเจ้าค่ะ ทางนี้มันอ้อมไกล เราไปถนนข้างหลังจะไม่ดีกว่าหรือ?” “ไปทางนี้ล่ะดีแล้ว ข้าอยากดูร้านถังหูลู่ด้วย เผื่อมีขายจะได้ซื้อไปฝากหลานๆ” นางกลับไปถึงคฤหาสน์ก็จะมีอาการเหม่อลอย จนเมื่อเซียงฉิงอีเข้าไปหานางก็รู้สึกผิดสังเกต “เจ้าดูมีอาการแบบที่พี่ชายข้าเรียกว่า ตกหลุมรัก” เถาหนิงลี่ซึ่งเป็นสตรีเรียบร้อยถึงกับหน้าแดงซ่าน ม้วนตัวไปมาด้วยความขัดเขิน “ข้าจะตกไปได้อย่างไรเล่า? หลุมอะไรของเจ้านั่น” เซียงฉิงอีส่ายหน้าเอือมระอา หนังสือนิยายรักบัณฑิตกับคุณหนูพวกนี้นางแอบท่านพ่ออ่านบ่อยๆ ช่วงปักปิ่นใหม่ๆ นางแอบเข้าไปในห้องพี่วั่งซู เจอหนังสือภาพวังวสันต์ที่ถูกซ่อนไว้ในหีบ นางเคยแอบเปิดดูอยู่หลายครั้ง คราแรกก็หน้าแดงหูอื้อ แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นจึงแอบอ่านอยู่บ่อยๆ จนเลิกอาย พี่วั่งซูก็มีหลายเล่มเสียด้วย ตั้งแต่คราวนั้นนางจึงบัญญัติให้พี่นางเป็นชายโฉดอันดับหนึ่งแห่งแคว้นหมิง “ข้าหมายถึง เจ้าไปหลงรักเจ้าหนุ่มที่ไหนมา จึงมาหน้าแดงม้วนตัวอยู่เช่นนี้” ครั้นเห็นว่า อีกฝ่ายเข้าใจตน และอาจจะหาหนทางช่วยได้ เถาหนิงลี่จึงยอมเปิดปากเล่าเรื่องคุณชายฉิน เสมียนรูปงามแห่งร้านค้าข้าวสารเซียง “คราวก่อนที่ข้าไปภัตตาคารมู่กงกับท่านพ่อ ได้ยินพวกเพื่อนๆ โจษจันกันเรื่องนี้  ทุกคนต่างชอบคุณชายฉิน แต่จนใจที่เขาไม่ค่อยได้ออกมาหน้าร้าน” “ทำไมเล่า?” “ก็เถ้าแก่เซียงน่ะสิ บังคับให้เสมียนไปทำงานที่โต๊ะด้านในตลอดเวลา ส่วนเขาจะรอรับลูกค้าเอง” เถาหนิงลี่ถอนหายใจ นางทำทีเข้าไปซื้อข้าวสารแล้วหนหนึ่งกลับไม่ได้คุยกับเขาเช่นกัน แม้เถ้าแก่เซียงจะหล่อเหลาแต่กลับสู้เสมียนฉินไม่ได้ “อ้อ....คนเช่นนั้นคือพี่ชายของข้า” “เจ้าว่าอะไรนะ?” “เถ้าแก่เซียงผู้นั้น คือ พี่ชายที่ข้ามาตามหาอย่างไรเล่า? แต่ข้ายังเปิดเผยตัวไม่ได้ เพราะเขาจะบังคับให้ข้ากลับบ้าน” นางมองหนิงเถาลี่ “หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วย เจ้าก็ต้องปกปิดตัวตนช่วยข้า ตกลงไหม?” หนิงเถาลี่ได้ยินว่า เซียงฉิงอีจะช่วยตนเองก็ตื่นเต้น “ข้าตกลง” “เช่นนั้น เจ้าต้องทำตามที่ข้าแนะนำ” หนิงเถาลี่ส่งพ่อบ้านคฤหาสน์ตนเองไปรับรองกับเถ้าแก่เซียงว่า ฉีเจียตงเป็นหลานชายที่อยู่หมู่บ้านห่างไกลอยากจะมาทำงานในเมืองหลวง เขาเคยเป็นผู้ช่วยเสมียนมาก่อน ทำให้ฉีเจียตงได้เป็นผู้ช่วยเสมียนในการสมัครครั้งที่สอง เพราะภารกิจในการจับตามองฉินจางหย่งได้รับการไหว้วานเป็นพิเศษจากคุณหนูเถา ที่ว่าเป็นพิเศษเพราะเถาหนิงลี่แอบหย่อนถุงเงินหลายตำลึงใส่ในห่อผ้าวันที่เขาจะออกมาทำงานที่ร้านขายข้าวสารเซียง ทำให้เขาได้ซื้อชุดใหม่ที่เนื้อผ้าดีจากร้านแพรเศรษฐีที่หัวมุมถนนสองชุดใส่แล้วดูภูมิฐานขึ้นมามาก ฉีเจียตงคิดว่า ตนเองไม่ได้หักหลังคุณหนูเซียง ยังคงจับตามองเถ้าแก่เซียงสองพี่น้อง เพียงแต่เสมียนฉินนั้น นั่งโต๊ะใกล้กับเขาจับตามองได้ง่ายกว่า เขารู้สึกว่า เสมียนฉินเป็นคนไม่ชอบพูดกับใคร เขาจะนั่งนิ่งหลับตามือทาบบนสมุดบัญชีอยู่นาน แต่ครั้นทำบัญชีก็รวดเร็วจนมองไม่ทัน แต่ที่แปลกที่สุด เวลาเสมียนฉินเดินออกไปด้านหลังร้าน เขาเดินเร็วมากจนคล้ายกับเหาะไป ยามเช้าตรู่เขาเคยเข้าไปในห้องเสมียนฉินหลายครั้ง กลับไม่มีร่องรอยชายผู้นี้นอนที่เตียงสักคืน ‘หรือว่า เสมียนฉินเป็นโรคนอนไม่หลับในตอนกลางคืน’ ฉีเจียตงรายงานคุณหนูเซียงว่า เห็นเหยี่ยวตาสีฟ้าโฉบมาสองครั้ง คุณชายรองเซียงเอาจดหมายผูกติดกับขาเหยี่ยวไป และได้รับจดหมายตอบในหลายวันต่อมา “จวิ้นอ๋องเอาหลันเซ่อมาด้วยจริงๆ หากข้าจอมยุทธ์หญิงเซียงมีเหยี่ยวสักตัวล่ะก็ย่อมน่าดูน่าเกรงขามในสายตาชาวยุทธ์” “ท่านอย่าซื้อเลยนะเจ้าคะ รอกลับไปขอจวิ้นอ๋องจะดีกว่า” “ทำไมเล่า? เราซื้อมาฝึกตอนนี้ก็ดีนะ ข้าจะได้มีเหยี่ยวสื่อสาร” “มันฝึกยากกว่านกพิราบ แถมวิธีการฝึกเราก็ไม่รู้ สู้ดีรอให้กลับแคว้นหมิงแล้วคุณหนูไปขอกับจวิ้นอ๋องจะมิง่ายกว่าหรือเจ้าคะ?” เมื่อคิดถึงจำนวนเงินที่ตนจะต้องจ่ายเองเพื่อซื้อหาและฝึกเหยี่ยวแล้ว เซียง  ฉิงอีก็พยักหน้าเห็นด้วย ซ่งฮุ่ยจูทำบัญชีให้นางดูว่า แต่ละวันพวกเขาใช้อัฐไปมากน้อยเพียงใด เงินที่คุณหนูนำมาด้วยคงจะพออยู่ได้อีกครึ่งปีเท่านั้น เคราะห์ดีที่ได้อาศัยคฤหาสน์ใต้เท้าเถา จึงมีเรือนนอนและอาหารรับประทานโดยไม่ต้องจ่ายเอง แต่กระนั้นยามออกไปข้างนอกก็ต้องควักอัฐส่วนตัว “คุณหนู ข้าว่า ถ้าเราจะอยู่อย่างนี้ คงต้องคิดหาเงินเพิ่มบ้างแล้ว” “ข้าเป็นจอมยุทธ์ ต้องหาเงินด้วยหรือ?” สีหน้าของซ่งฮุ่ยจูคล้ำลงเล็กน้อย “แล้วท่านจะไม่กินอาหาร ซื้อขนม หรือเสื้อผ้าหรือไร? ถ้าเราไม่ได้พักที่นี่ อย่าว่าแต่หนึ่งปี เพียงสามเดือนอาจจะต้องรีบเดินทางกลับเมืองหมิงแล้ว” มองดูเงินที่กองอยู่เบื้องหน้า และสมุดบัญชีที่ซ่งฮุ่ยจูทำคร่าวๆ คุณหนูเซียงก็พยักหน้ารับ “ดีที่ท่านให้เจ้าโจรภูเขานั่นไปทำงานเป็นผู้ช่วยเสมียน ไม่เช่นนั้นรายจ่ายเราจะเพิ่มขึ้น” ซ่งเหวินฉีมองดูพี่สาวกับคุณหนูปรึกษากันแล้วก็คิดไม่ออกว่า พวกเขาจะทำงานใดถึงจะได้เงิน เถาหนิงลี่เดินมาสมทบ นางร่าเริงยินดีที่ได้รู้เรื่องของคุณชายฉิน เอาไว้ให้      ฉีเจียตงคอยสังเกตก่อนว่า เขาชอบไปที่ใด นางคิดจะไปดักรอ แต่จะให้เอาองครักษ์ของท่านพ่อไปด้วยก็เกรงจะทำให้ความลับรั่วไหล “ซ่งเหวินฉี เจ้ามารับจ้างคุ้มครองข้าก็แล้วกัน”    *****************************  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD