ตอนที่ 9

931 Words
          แสงแฟรชวูบวาบพร้อมเสียงโจษขานอื้ออึงของเหล่าไทยมุงที่ต่างมามุงดูสภาพศพผู้ชายที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติกันแน่ เพราะสภาพศพที่ลอยน้ำมาติดอยู่ที่คุ้งน้ำนี้ก็มีสภาพไม่แตกต่างไปจากศพที่แล้วๆ มาเลยสักนิด คือ อยู่ในสภาพที่แห้งราวกับถูกตากแดดจนน้ำหล่อเลี้ยงในร่างกายไม่หลงเหลือ ก่อนจะนำมาทิ้งลงน้ำให้กลายเป็นอาหารของสัตว์น้ำ เพราะหากมีคนพบศพช้าไปกว่านี้อีกแค่เพียงวันเดียว สภาพใบหน้าของศพคงจะไม่เหลือเค้าให้จดจำได้อีกแน่ ใบหน้าของศพที่แสดงความตกใจอย่างสุดขีด ตาเหลือกโพลง อ้าปากค้าง และทั่วทั้งตัวก็เปล่าเปลือยไม่สวมใส่อะไรสักชิ้น ศพที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะไม่พบหลักฐานใดๆ อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเลยสักนิด ทำให้กรามแกร่งของผู้กองกฤษณ์ต้องขบเข้าหากันแน่น เพราะการพบศพที่ 2 ของเดือนก็แปลว่าตลอดสัปดาห์ที่ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจตราทั่วบริเวณแห่งนี้นั้นไม่ได้ผล เพราะฆาตกรก็ยังคงฆ่าและทิ้งศพลงน้ำมาได้อยู่ดี แต่ปัญหาที่ต้องขบคิดก็คือ ที่ใดล่ะที่เป็นจุดฆาตกรรม ในเมื่อตลอดทั้งเส้นทางของคลองขนาดเล็กเลยไปจนถึงคุ้งน้ำด้านในนั้น ไม่มีช่วงไหนเลยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ไปตรวจตรา เพราะตัวเขาเองนั้นก็มาร่วมตรวจตราอยู่ด้วยทุกค่ำคืนด้วย เพราะจุดมุ่งหมายก็คือการมาพบกับใครคนหนึ่ง “มันต้องเป็นผีพรายแน่ๆ อ่ะแก เนี่ยมันเหมือนกับที่ยายฉันเคยเล่าเลยนะ ผีพรายมันจะพาผู้ชายไปร่วมรักกับมัน จากนั้นก็สูบน้ำเชื้อจนหมดตัวก่อนจะทิ้งศพไว้ในน้ำน่ะแก อึ๊ย...” “มันมีเรื่องแบบนี้จริงๆ เหรอแก ฉันคิดว่ามันจะมีแต่ในหนังนะ” “ถ้าไม่ใช่ผีพรายแล้วแกว่าจะเป็นอะไรล่ะ ทำไมศพมันถึงได้แห้งแบบนี้ แก... ฉันกลัวอ่ะ ฉันว่าจะย้ายออกจากซอยนี้แล้ว ไปหาที่อยู่ที่ปลอดภัยกว่านี้ดีกว่า” หญิงสาวสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุเรียกความสนใจจากชาวบ้านในละแวกให้เข้าไปร่วมวงคุยกันด้วย บ้างก็ว่าจะย้ายออกไปหาห้องเช่าที่ซอยอื่น เพราะถึงแม้ราคาจะแพงกว่ากันสักหน่อยแต่ก็ไม่ต้องมาคอยหวาดระแวงว่าผัวจะกลายเป็นศพรายต่อไปที่ลอยมาติดอยู่ที่คุ้งน้ำ บ้างก็ว่าจะไปดูพระดูหมอว่าเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะผีทำ หรือเป็นเพราะฆาตกรต่อเนื่องอย่างที่ตำรวจตั้งข้อสงสัย และบ้างก็ยังย้ายไปจากที่นี่ไม่ได้เพราะยังอยู่บ้านเช่าไม่ครบสัญญาจะไม่ได้ค่ามัดจำคืน “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับทุกคน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ก่อนนะครับ” กฤษณ์เข้ามายุติการพูดคุยเพราะไม่อยากให้คนในชุมชนต้องหวาดผวามากไปกว่านี้                 “คุณตำรวจจะไปหาหมอผีมาปราบนางผีพรายเหรอครับ”                 “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ เพราะผมมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ฝีมือจากผีแน่” กฤษณ์พยายามให้ความเข้าใจกับชาวบ้าน เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขายังไม่เคยเจอผีสักตัวในซอยนี้ เพราะหากมีผีจริง เขาและตำรวจทุกคนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตรวจตราก็ต้องได้เจอผีนั้นก่อนคนอื่นสิ แต่เพราะไม่มีจริงๆ                 “ถ้าไม่ใช่ผี แล้วคนร้ายมันจะรอดพ้นสายตาคุณตำรวจไปได้ยังไงครับ เพราะขนาดคุณตำรวจมาตรวจทั้งคืน ก็ยังมีคนตายอีกจนได้ ผมคงไม่รอหรอกนะครับ บอกตรงๆ ผมกลัว ผมไม่อยากเป็นศพรายต่อไปของเดือนหน้า”                 “ถ้าอย่างนั้นผมขอเวลาจนถึงสิ้นเดือนนะครับ ก็พวกคุณบอกเองว่า ผีพรายมันจะกินคนเดือนละสองคน นี่ก็ครบสองแล้ว แปลว่ามันจะกินอีกทีก็เดือนหน้า ขอเวลาให้ผมถึงสิ้นเดือนนะครับ ถ้าผมหาฆาตกรมาไม่ได้ ผมจะไม่รั้งทุกคนไว้ และผมก็จะพิจารณาขอย้ายตัวเองด้วย”                 ชาวบ้านหันไปปรึกษาหารือกัน ซึ่งมีทั้งคนตั้งใจว่าจะรอจนถึงสิ้นเดือน เพราะการย้ายที่อยู่ใหม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ มีทั้งคนที่ไม่รอ และก็มีทั้งคนที่ย้ายไม่ได้เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดเป็นที่ทำกิน แต่สุดท้ายแล้วชาวบ้านก็แยกย้ายกันกลับเพราะเจ้าหน้าที่มูลนิธิทำการเก็บศพเรียบร้อยแล้ว                 “ไม่พบหลักฐานอะไรในตัวผู้ตายเลยครับผู้กอง และในระยะหนึ่งกิโลเมตรก็ไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติมด้วยครับ” จ่านิกรเข้ามารายงานผล                 “เป็นไปได้มั้ยจ่าที่ศพนี้อาจถูกฆ่ามาจากที่อื่น เหตุไม่ได้เกิดที่นี่”                 “ก็อาจเป็นไปได้ครับ ถ้าผู้กองเชื่อว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องจริง บางทีทุกศพอาจไม่ได้ถูกฆ่าจากบริเวณแถวนี้ก็ได้นะครับ แต่แถวนี้อาจเป็นที่ทิ้งศพก็ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD