“ลู่ชิงเยี่ยน!”
เสียงเกรี้ยวกราดแสนคุ้นเคยดังแว่วเข้าหูปลุกคนที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานให้ผวาตื่นดวงตากลมโตขยับเปิดขึ้นเนิบช้าปรับม่านตารับกับแสงสว่างของวันใหม่ได้ไม่ถึงอึดใจเสียงเอ็ดอึงก็ดังใกล้เข้ามาทุกทีขนกายจิ๋วของน้องชายคนเล็กผวามือเล็กจึงส่งไปตบก้นอีกฝ่ายปลอบขวัญให้เด็กน้อยหลับต่อไปอีกหน่อย
...โครม!...ตึง!...แง...
ความพยายามอยากให้น้องชายหลับต่อสูญสลายลงพลันเมื่อบิดาใช้เท้าแกร่งถีบหนึ่งครั้งประตูก็หลุดพังลงทั้งบ้าน ลู่ชิงเยี่ยนก็ว่องไวนักดันกายน้องสามคนที่สามและน้องชายคนที่สี่เข้าหามุมเตียงส่วนตนเองกางแขนออกหันหลังรอรับแส้ม้าในมือของบิดาอย่างรู้ทางกันดี
...ขวับ...เผียะ...ขวับ...เผียะ...
เรียวปากอิ่มถูกฟันเล็กเป็นระเบียบกัดจนได้กลิ่นคาวเลือดแต่เด็กสาวก็ไม่ร้องวิงวอนขอความเมตตาปรานีแม้นเพียงครึ่งคำ!
...กรี๊ด...แง...
กลับเป็นน้องสาวกับน้องสาวที่ส่งเสียงร้องไห้กระจองอแงออกมาเมื่อพวกเขาต่างตกใจตื่นจากเสียงเอ็ดอึงด่าทอของผู้เป็นบิดา
“นายท่าน!”
เป็นท่านพ่อบ้านจงที่วิ่งมาขวางทางของแส้ม้าเส้นโตเอาไว้ถัดไปเป็นท่านป้าชุนเหนียง เสี่ยวจางเสี่ยวลี่และถงซานบุตรชายและบุตรสาวทั้งสามของสองผัวเมียคนเก่าคนแก่แห่งจวนไท่เว่ยแห่งนี้
“อย่าตีคุณหนูเลยเมื่อวานนี้ฮูหยินก็ตีนางไปหลายยกแล้ว เมตตาคุณหนูรองด้วยเถิด เมื่อคืนนางก็เลี้ยงดูคุณหนูสามกับคุณชายสี่แทบไม่ได้นอนแล้ว”
น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งตกจากดวงตากลมของลู่ชิงเยี่ยนเด็กสาวเร่งเช็ดมันออกไปทันทีด้วยจำฝังใจบิดานั้นเกลียดชังที่สุดก็คือน้ำตาของสตรีต่อให้สตรีนางนั้นจะเป็นบุตรสาวของเขาก็ตามแต่ลู่ไท่เว่ยประกาศกร้าวเป็นบุตรีของทหารจะอ่อนแอมิได้จะฟูมฟายนอกจากลู่ไท่เว่ยจะไม่ปลอบโยนนางจะถูกฟาดด้วยแส้ม้าในมือซ้ำอีกนับสิบเท่านั้น
...ร้องไห้ไปก็มิเกิดประโยชน์มีแต่โทษมหันต์เพียงเท่านั้น...
นั่นคือสิ่งที่ลู่ชิงเยี่ยนนางท่องจำมาตลอดนับจากจำความได้และรู้จักแส้ม้าในมือของบิดาว่ามันแสนจะทรมานเพียงใดหากฟากลงมาบาดผิวกาย
“แล้วมารดาของพวกมันไปตายเสียทีใดกันหมดเล่า? !”
ลู่เว่ยถิงตวาดถามด้วยอารมณ์ที่ยังเดือดดาลมาจากบ่อนภายในเมืองหลวงจึงมาระบายลงกับลูกสาวคนรองที่เป็นคนเดียวที่เขาตีได้อย่างสบายใจเพราะนับจากแปดหนาวลู่ชิงเยี่ยนถูกตีกี่ครั้งนางก็ไม่เคยมีน้ำหูน้ำตาให้เขาเสียอารมณ์เพิ่มไม่เหมือนบุตรสาวคนโตที่เขาเพียงขยับแส้ม้าก็ต้องมีปากเสียงกับภรรยาเอกเข้าแล้วทุกครั้งไป
“แล้วหลายวันมานี้จวนของพวกเรากำลังวุ่นวายลำบากลำบนท่านพ่อหายไปอยู่ที่ใด?”
นางหาได้กล่าวประชดบิดาแต่ลู่ชิงเยี่ยนถามมาจากใจจริงสี่วันผ่านมาหลังจากพิธีฝังศพลู่ถิงจือสิ้นบิดาของนางก็หายไปไม่กลับจวนปล่อยให้นางต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายมากมายทั้งช่วงที่เตรียมงานแต่งงานยิ่งใหญ่แล้วยังเป็นงานศพอีกที่อดตายไม่ว่าแต่ห้ามขายหน้าเด็ดขาด
เช่นนี้จะมิให้อนุภรรยารองและอนุสี่พวกนางกลัวอดตายจนทิ้งลูกแล้วพากันหนีหายทิ้งไปเสียทั้งคู่ได้อย่างไรขนาดนางที่เป็นบุตรสาวยังอยากทิ้งจวนเส็งเคร็งวันละสามเวลาแล้วหญิงสาวนางหนึ่งอายุสิบเก้าอีกนางอายุยี่สิบสามจะไม่คิดจากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือไรกัน?
“บังอาจ!”
...ขวับ!...เผียะ!...จี๊ด...
เจ็บจนคล้ายกระดูกของแผ่นหลังจะแตกหักแต่ลู่ชิงเยี่ยนก็ไปปริปากร้องนอกจากกอดลู่ฟ่านเย่เอาไว้แน่นเกรงว่าเด็กน้อยอาจถูกปลายแส้ม้าของบิดาเอาได้นางเจ็บจนหนังหนาแล้วแต่เด็กวัยยังไม่ครบสามเดือนคงมิอาจทนพิษร้ายของการถูกแส้ม้าเฆี่ยนเสียงเป็นแน่
...บิดา...เขาคือบิดาผู้ให้กำเนิดนะอาชิงเจ้าจะลุกขึ้นต่อสู้กับเขามิได้...
เด็กสาวท่องในใจพลางกัดฟันจนแทบแหลกหมดปากในชีวิตนี้นอกจากลู่ถิงจือก็มีบิดาเท่านั้นที่นางไม่คิดจะสู้จำยอมถูกเขาระบายโทสะคล้ายคนโง่งมเช่นทุกวัน ทว่าผู้ใดมิมาเป็นนางคงยากจะเข้าใจเพราะเติบโตมาก็ไม่มีมารดาเหมือนเด็กคนอื่นลู่ชิงเยี่ยนจึงยึดติดกับความรักของบิดามากต่อให้แท้จริงเขาคงไม่รักนาง ทว่าไม่เป็นไรนางจะยอมเป็นนางโง่หลอกตนเองต่อไปเช่นนี้
“นายท่านอย่าเฆี่ยนตีคุณหนูรองอีกเลยขอรับหากนายท่านอยากระบายโทสะก็ตีข้าน้อยเถิด”
พ่อบ้านใหญ่คุกเข่าแล้วขวางทางแส้ม้าทั้งภรรยาและบุตรชายหญิงทั้งสี่ชีวิตจึงทำตาม เพราะบัดนี้ทั้งจวนลู่ไท่เว่ยเหลือเพียงครอบครัวท่านพ่อบ้านใหญ่เท่านั้นส่วนสาวใช้และบ่าวชายพอทราบว่าอนุภรรยารองกับอนุภรรยาสี่หนีเอาตัวรอดไปตั้งแต่เมื่อวานก็เก็บข้าวของจากไปเช่นกัน
ช่างน่าอนาถใจยิ่งนักสกุลลู่อันรุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคนนับได้เกือบสามร้อยปีบัดนี้ล่มสลายกลายเป็นจวนร้างจากคนหลายร้อยชีวิตทั้งบ่าวชายหญิงและทาสไปจนถึงทหารรับใช้แต่บัดนี้เหลือเพียงสิบชีวิตเท่านั้นหากไม่อนาถใจจะเรียกว่าอันใดไปได้อีก
“พวกเจ้า!”
ลู่ไท่เว่ยที่คิดว่าจะมาเฆี่ยนตีบุตรสาวคนรองระบายโทสะกลับเพิ่มเพลิงร้ายของอารมณ์โกรธรุนแรงดำมืดอีกหลายส่วนที่คนเก่าแก่ดังญาติผู้หนึ่งมาออกหน้าปกป้องเด็กอกตัญญูตรงหน้าจริงจังเช่นนี้
“แล้วผู้อื่นไปมุดหัวอยู่ที่ใดกันหมด”
“เรียนนายท่านตามจริงบัดนี้ทุกคนเก็บข้าวของหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับบัดนี้ที่จวนก็เหลือเพียงพวกเราห้าชีวิตเท่านั้นไม่มีผู้อื่นอีกแล้ว”
กายสูงใหญ่ที่ผ่ายผอมไม่สง่าผ่าเผยเช่นในอดีตสั่นไหวไปด้วยเพลิงโทสะสุดท้ายเขาก็สะบัดแส้ม้ากวาดเอาพวกแจกันกับข้าวของที่ไม่มีค่าอันได้ตกแตกกระจายจนเด็กทั้งสองคนเสียขวัญร้องไห้จ้า
“บัดซบ!เจ้าดูแลจวนเช่นไรอี้เจินทั้งบ่าวทั้งสาวใช้จึงหนีไปจนเช่นนี้”
ฝ่ามือแกร่งยกขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงไปบนใบหน้าของหญิงอันเป็นที่รักสุดท้ายลู่ไท่เว่ยก็ลงมือกับลู่ฮูหยินไม่ลงจริง เลยสะบัดชายแขนเสื้อตึงตังจากไปอีกครั้ง
“ท่านพี่...ท่านพี่เดี๋ยวสิเจ้าค่ะ ท่านจะไปที่ใด ท่านพี่แล้วที่จวนจะทำอย่างไรท่านพี่!”
ตู้อี้เจินเร่งถลกกระโปรงยาวหรูหราวิ่งตามสามีไปอย่างลืมรักษากิริยา ลู่ชิงเยี่ยนนั้นได้แค่เพียงทอดสายตามองตามไปแล้วปวดร้าวในอกยิ่งกว่าเจ็บปวดกับบาดแผลภายในอกที่ถูกเฆี่ยนตีเสียอีก
...มันยามใดกัน? ...
ยามใดกันที่บิดาผู้องอาจหาญกล้าจนเอาชนะศึกใหญ่ของต้าหยวนและเผ่าฝู๋อย่างหมดจด ภาพท่านพ่อที่อยู่บนหลังอาชาสีหมอกยังติดตานางมิรู้เลือนหาย ทว่าบัดนี้...บัดนี้ลู่ไท่เว่ยเหลือเพียงสภาพของบุรุษผู้ติดสุราและการพนันอย่างหนักไปเสียสิ้น
“ก่อนอื่นคงต้องลำบากเสี่ยวลี่ไปหาซื้อนมแพะมาให้เย่เอ๋อร์ก่อนแล้วอย่างอื่นเราจึงค่อยมาคิดกันว่าจะจัดการจวนกว้างใหญ่แต่ร้างผู้คนอย่างไรดี”
...เพียงแปดวันเท่านั้น...
เพียงแปดวันที่งานสมรสต้องล่มสลายกลับเหมือนจวนสกุลลู่ก็จะสูญสิ้นไปด้วยเด็กสาวถอนหายใจทิ้งหลายครั้งอย่างหนักอกแต่ต้องตัดทุกปัญหาวางเอาไว้ก่อนเพราะบัดนี้มีหนึ่งก้อนแป้งน้อยกับหนึ่งสาวน้อยแก้มกลมรอให้นางดูแล
“มานี่มาอาหยาไปอาบน้ำล้างหน้าบ้วนปากกันก่อนเดี๋ยวพี่รองจึงค่อยหาโจ๊กให้กิน ส่วนเจ้าเสี่ยวหลงเปาของเจ่เจ๊ไปอาบน้ำล้างอึกันก่อนพอเสร็จแล้วเสี่ยวลี่คงได้นมแพะกลับมาให้เจ้าแล้ว”
เด็กน้อยในห่อผ้าที่มีกลิ่นอึลอยกรุ่นเข้าจมูกโด่งร้อง’ แอ๊ะ’ ออกมาหนึ่งคำแล้วยิ้มทั้งที่น้ำตายังขังเต็มสองตาจึงเป็นอีกครั้งที่ลู่ชิงเยี่ยนถอนหายใจแรง ก็นางเพียงสิบหกปีต้องมาเลี้ยงเด็กอ่อนหนึ่งเด็กกำลังซนอีกหนึ่งชีวิตนางจากที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วคงยิ่งยับยุ่งเพิ่มขึ้นหลายพันเท่า
“เป็นบุรุษช่างดีเสียจริง เพียงสืบพันธุ์พอสตรีตั้งครรภ์ก็ปล่อยทุกสิ่งให้เป็นหน้าที่ของพวกนางไปจนสิ้นส่วนตนเองก็ออกไปสนุกอยู่นอกเรือนพอกลับมาสตรีของตนมัววุ่นวายกับบุตรจนหลงลืมหน้าที่ปรนนิบัติสามีไปบ้างพวกเขาก็เอาความผิดนั้นมาอ้างแล้วตบแต่งอนุภรรยาใหม่เฮ้อ!...สุดท้ายกรรมหนักจึงมาตกใส่ศีรษะข้าเช่นนี้อย่างไรเล่า...เหอะ...ข้าสมควรจะเกิดมาเป็นบุรุษเช่นเจ้าจะเย่เอ๋อร์”
อาบน้ำให้น้องไปตัวของลู่ชิงเยี่ยนนางก็บ่นระบายความหนักใจไปส่วนเด็กทั้งสองจะรับรู้หรือไม่นางไม่รู้ นางรู้เพียงอึดอัดใจแทบระเบิดจึงขอบ่นระบายออกมาบ้าง พอตกสายหาโจ๊กให้ลู่เฟยหยากินจนอิ่มป้อนนมแพะแล้วจับลู่ฟ่านเย่พาดบ่าดังคำแนะนำของท่านป้าชุนเหนียงว่าเด็กยังเล็กพอกินนมอิ่มก็ต้องจับเขาพาดบ่าเพื่อให้เขาได้เรอเอาลมในต้องออกมานั่นจึงจะทำให้เด็กน้อยสบายท้องหลับไปโดยง่าย
“ท่านพ่อบ้านถงบัดนี้เงินที่ตัวข้าเก็บออมมาหลายปีแทบไม่เหลือแล้วหากพวกท่านต้องการจากไปชิงเยี่ยนคงมีเงินก้อนนี้มอบให้พวกท่านไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เท่านี้”
นางนับตรวจทานดูแล้วเงินก้อนสุดท้ายเหลือเพียงสามร้อยตำลึงก่อนที่จะมีเจ้าหนี้มายึดทรัพย์หรือทวงถามเพิ่มลู่ชิงเยี่ยนจึงเร่งกันมาจ่ายให้ครอบครัวสกุลถงก่อน
“คุณหนูรอง”
ท่านป้าชุนเหนียงตรงเข้ามาโอบกอดตนที่กำลังอุ้มเด็กตัวกลมพาดบ่าจนดวงตาเรียวนั้นค่อยๆ เคลิ้มหลับไปพอรับรู้สัมผัสของคนอื่นเขาจึงลืมตาเล็กน้อยพอเห็นเป็นคนคุ้นหน้าเด็กชายจึงคลี่ยิ้มหวานแล้วหลับต่อไป
“พวกเราเกิดจะเติบโตจนบัดนี้แก่เฒ่าแล้วจึงขอตายกลายเป็นผีของสกุลลู่มิคิดหนีจากไปที่ใดเด็ดขาดขอรับ”
ถงเซียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือสองตาก็แดงก่ำ ทั้งถงเสี่ยวจางและถงเสี่ยวลี่กับถงซานต่างก็คุกเข่าลงตรงหน้าเด็กสาว ท่านพ่อบ้านใหญ่มีวูบหนึ่งที่อยากให้คุณหนูรองเป็นบุรุษเพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว
ด้วยนิสัยเที่ยงธรรมและใจกว้างรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาไปตามสถานการณ์คล้ายนายท่านผู้เฒ่าที่ลาลับสกุลลู่คงไม่ใกล้ล่มสลายเช่นวันนี้เป็นแน่ ยังดีที่นายท่านลู่ยังมีความคิด พอวิวาห์ล่มก็เร่งส่งสินสอดคืนจวนโหวไปหาไม่เกรงว่าขายจวนกับที่ไร่ที่นาทั้งหมดก็อาจไม่พอใช้หนี้สินก็เป็นได้
“แต่ข้าไม่เงินแล้วนะเดือนหน้าคงไม่มีเงินเดือนจ่ายให้ทุกคนเป็นแน่ไหนจะเด็กสองคนนี้อีก การเป็นผู้ช่วยพ่อครัวในหอชุ่ยฟางวันละไม่กี่อีแปะคงพอแค่ค่านมแพะกับโจ๊กเปล่าให้อาหยาอิ่มท้องเท่านั้น”
เด็กสาวกล่าวความจริงไม่ปิดบังนี่บิดาก็กลับไปบ่อนอีกแล้วส่วนลู่ฮูหยินผู้นั้นพอขาดคนรับใช้ก็จ้างรถม้ามาขนข้าวของกลับสกุลเดิมไปเสียแล้ว
...ดียิ่ง!...
พวกเขาช่างเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตนอย่างถึงแก่นโดยแท้ที่ทิ้งจวนยิ่งใหญ่อันว่างเปล่ากับเด็กน้อยสองคนให้เด็กสาวตัวเล็กเท่ามดเช่นนางต้องเลี้ยงดูแต่เพียงผู้เดียวกันอย่างสบายใจไร้กังวลกันทั้งคู่คิดแท้ก็เพลียใจอย่างยิ่ง
“ถึงมีเงินก็ช่างไม่มีเงินพวกเราก็ไม่สนยินดีร่วมต่อสู้อยู่กับคุณรองไม่เช่นนี้แหละเจ้าค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ดวงใจของลู่ชิงเยี่ยนอิ่มเอมหลังจากแห้งแล้งมาหลายวันนางเปิดยิ้มสายแรกของวันส่งมอบให้แก่ห้าชีวิตที่ไม่คิดทอดทิ้งนางไปในยามที่อับจนสิ้นหนทางเช่นนี้
“อาหยาก็จะไม่ทิ้งพี่รองเจ้าค่ะ”
เด็กน้อยแก้มกลมตรงเข้ามากอดเอวซบใบหน้าสีชมพูระเรื่อของตนเองกับต้นขาเรียวเล็กของพี่สาวคนรองดังรู้ชะตากรรมว่าบัดนี้นางมีที่พึ่งเดียวก็คือลู่ชิงเยี่ยนเท่านั้น
“เด็กโง่เอ๊ย”
ลู่ชิงเยี่ยนนั้นแลเห็นน้องน้อยออดอ้อนคล้ายฝากเนื้อฝากตัวก็เร่งทรุดกายลงนั่งมือหนึ่งกอดเด็กอ้วนบนหัวไหล่จนมั่นคงอีกมือเอื้อมไปจับต้นคอเล็กของลู่เฟยหยาเพื่อจะจุมพิตตรงหน้าผากเล็กนั้น วันนี้อย่างน้อยนางก็ยังมีทั้งมือและสองเท้ายังมีสองตายังมีสมองและกำลังที่มองเห็นจะให้ยอมจำนนฟ้าดินเกรงว่าจะอับอายสุนัขข้างถนนเกิดไปแล้ว