ผ่านไปเจ็ดวันแล้วแน่นอนว่าเลยกำหนดพิธีสมรสยิ่งใหญ่แห่งเทียนเฉิงไปแล้วสองวันแต่ทุกผู้ล้วนรู้แจ้งเจ้าสาวตายเจ้าบ่าวก็ยังมิแจ้งใจจุดหมายว่าหย่งเลี่ยงโหวหนุ่มเขานั้นจะเป็นโลกมนุษย์ต่อไปหรืออาจต้องย้ายไปอาศัยดินแดนยมโลกกันแน่แล้วเช่นนี้จะมีงานแต่งไปได้เช่นไร
ในขณะที่ชาวบ้านติฉินนินทาจวนลู่ไท่เว่ยจนไม่มีชิ้นดีจนลู่ฮูหยินเดือดดาลอย่างถึงแก่นแต่เดือดดาลก็ยากจะไปโต้ตอบหรือแก้ไขข่าวร้ายเหล่านั้นไปได้ในเมื่อแปดในสิบส่วนนั้นล้วนเป็นความจริงเสียด้วย ดังนั้นโทสะนี้ต้องมีที่ระบายแล้วผู้ใดจะดีไปกว่าบุตรสาวคนรองของสามีเช่นลู่ชิงเยี่ยนไปได้
“พวกเจ้ามีผู้ใดพบเห็นคุณหนูรองบ้าง”
เพราะนับจากพิธีศพของบุตรสาวของนางผ่านพ้นไปเด็กดื้อด้านนางนั้นก็แทบไม่พบเงาทั้งที่ปกติจะมากินข้าวเช้าแล้วยกน้ำร้อนน้ำชาปรนนิบัติแม่ใหญ่เช่นนางไม่เคยเว้น เห็นทีหลายวันมานี้นางคงละเลยลูกเลี้ยงผู้นั้นมากไปแล้ว
“ช่วงนี้คุณหนูรองถูกทางการเรียกไปสอบสวนแทบทุกวันขอรับหลังจากออกจากกรมอาญานางก็มักไปคลุกอยู่ที่ไร่ชาของเถ้าแก่เนี้ยอวี่กว่าจะกลับจวนก็มืดค่ำทุกวันขอรับ”
เป็นพ่อบ้านจงที่ตอบคำถามเหล่านั้นของลู่ฮูหยินพอสตรียิ่งใหญ่ที่สุดในจวนลู่ไท่เว่ยทราบว่าบุตรสาวคนรองยังต้องไปรายงานตัวที่กรมอาญาทุกวันก็ยิ่งเดือดดาลที่ลูกเลี้ยงผู้นั้นนับวันจะข้าวศีรษะสีดอกเลาของนางอย่างไม่เกรงใจเสียแล้ว
“ดี!วันนี้ต่อให้นางกลับมามืดค่ำเช่นไรเจ้าก็ต้องมารายงานกับข้า”
หากวันนี้นางไม่ได้ลงแส้เฆี่ยนตีคนเกรงว่าคงกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกหลายวันเป็นแน่ ซึ่งลู่ฮูหยินความเป็นจริงแล้วบุตรสาวแท้จริงจากไปหากนางฉลาดสักนิดย่อมคิดแต่จะดีกับลูกเลี้ยงที่ตนเองเลี้ยงคู่มากับลู่ถิงจือให้ดีเพื่อว่าในยามแก่ชรากว่านี้ตนเองยังพอมีคนดูแลในยามสิ้นใจก็ยังมีคนจัดพิธีศพให้
ถึงตลอดสิบหกปีนางจะเลี้ยงลู่ชิงเยี่ยนไม่ต่างจากสาวใช้นางหนึ่งแต่ด้วยเนื้อแท้ที่เด็กสาวเป็นคนกตัญญูรู้จักสำนึกบุญคุณคนย่อมจะไม่ทอดทิ้งมารดาเลี้ยงเป็นแน่หากว่านางถูกปฏิบัติด้วยดีถึงไม่เท่าสายเลือดแท้จริงแต่ข้าวและแกงที่กินมาสิบหกปีเด็กสาวล้วนสำนึกเสมอ แต่ช่างน่าเสียดายที่ลู่ฮูหยินนั้นโง่เขลาเบาปัญญาเกินไปจึงคิดไม่ได้
“กลับมาได้สักครานะนางตัวดี!”
...เฮือก!...
“ท่านแม่ใหญ่...”
“ถูกต้องเป็นข้าเอง”
คนที่เพิ่งเหน็ดเหนื่อยมาจากการฝึกฝนทำอาหารจากหอชุ่ยฟางเพราะสามารถฝากตนเองไปเป็นผู้ช่วยคนครัวได้สำเร็จเมื่อหลายวันก่อนจากการแนะนำของเถ้าแก่เนี้ยอวี่ผู้เป็นเจ้าของร้านชาอู่เซียงที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดติดกับหอชุ่ยฟางถึงกับสะดุ้งสุดตัวใบหน้าเล็กนั้นก็พลันซีดเหลืองเต็มไปด้วยความแตกตื่น เพราะวันที่นางถูกกรมอาญาปล่อยตัวให้กลับจวนได้พร้อมสาวใช้กับคนงานบังคับรถม้า
ก็ถูกลู่ฮูหยินทุบตีจนบัดนี้รอยชอกช้ำตามร่างกายยังมิทันเลือนหายวันนี้มารดาเลี้ยงของนางถึงกับมายืนขวางประตูเข้าเรือนเช่นนี้หากไม่เจ็บตัวอีกเห็นจะไม่ถูกต้องเป็นแน่
“พ่อบ้านจง เสี่ยวเถิงจับนางเด็กอกตัญญูผู้นั้นเอาไว้วันนี้หากข้าไม่ได้อบรมสั่งสอนว่าสิ่งใดสมควรสิ่งใดไม่สมควรก็อย่ามาเรียกข้าว่าลู่ฮูหยินอีกเลยเสี่ยวลี่ไปนำแส้ม้ามาให้ข้า!”
เสี่ยวลี่หน้าซีดขาวแต่ต่อให้นางไม่อยากทำตามทว่าชะตาชีวิตของสาวใช้ที่ผู้เป็นนายเพิ่งตายจากไปย่อมไม่มีทางเลือกสุดท้าย ซึ่งนอกจากลู่ชิงเยี่ยนที่ถูกจับกดลงไปบนพื้นหน้าเรือนนอนแล้วก็ยังมีเสี่ยวจางที่หลายวันมานี้แอบติดตามคุณหนูรองไม่ห่างพลันถูกหางเลขไปด้วย
“ท่านแม่ใหญ่ได้โปรดฟังคำอาชิงสักนิดเถิดเจ้าค่ะ”
“หุบปาก! บุตรอนุเช่นเจ้ามีสิทธิ์พูดโดยที่ข้าไม่ถามตั้งแต่ยามใด เร็วเข้าเสี่ยวลี่!”
เด็กสาวจับจ้องมารดาเลี้ยงด้วยความคับแค้นใจ สตรีสูงวัยนางนี้ไม่รู้แจ้งหรือไรว่าบัดนี้ข้าวในห้องครัวเหลือเลี้ยงคนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน คงไม่ต้องกล่าวถึงเนื้อสัตว์และเครื่องครัวชนิดอื่น นับจากพิธีสมรสถูกยกเลิกก็เหมือนรายจ่ายทั้งหลายหายไปพร้อมกับสายลมยังดีที่นางนั้นมีเงินเก็บส่วนตัวดึงออกมาจับจ่ายสำรองไว้ให้แทน แล้วไฉนลู่ฮูหยินจึงไม่ใส่ใจทว่ามาเอาความผิดกับคนที่ออกไปทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเช่นนี้
...ขวับ!...ตุ๊บ!...ขวับ!...ตุ๊บ!....ขวับ!...ตุ๊บ!...
ทุกแส้ที่ถูกตวัดฟาดลงบนแผ่นหลังไปจนถึงเรียวขานั้นเจ็บไม่น้อยซึ่งยิ่งเจ็บ นางก็ยิ่งมีความคิดดื้อดึงว่านางอยากออกจากสกุลลู่ ทว่าบิดาทำให้นางมิอาจทิ้งขว้าง ยิ่งคนในจวนคุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้ลู่ชิงเยี่ยนยากจะตัดใจ พอคนเราคับแค้นใจมากเข้าดวงตาจึงแข็งกร้าวเช่นคนยากจะยอมลงให้ผู้ใด
“บังอาจ! ข้าเป็นนายหญิงแห่งสกุลลู่เจ้าบังอาจใช้สายตาเช่นนี้กับข้าเชียวหรือ พ่อบ้านจงมาเฆี่ยนนางเด็กดื้อด้านนี้แทนข้าเดี๋ยวนี้!”
พ่อบ้านเก่าแก่เช่นจงเผยนั้นลังเลเพราะย่อมรู้ทุกสิ่งดี พอลู่ฮูหยินเห็นเช่นนั้นจึงตวัดแส้ม้าในมือฟาดเปรี้ยงเข้าใส่พ่อบ้านจงอย่างไม่ออมแรง
...ขวับ...ตุ๊บ...
“หยุดนะ!”
นางปีศาจเฒ่าผู้นี้เสียสติไปแล้วเป็นแน่จึงอาละวาดฟาดแส้ไปทั่วกายเล็กสะบัดกายจนหลุดแล้วตรงไปแย่งแส้ม้าในมือของลู่ฮูหยินอย่างไม่ยอมลงให้อีกแล้ว
“อ๊ะ!...นางเด็กอกตัญญูเจ้ากำเริบเสิบสานเกินไปแล้ววันนี้หากข้าไม่ได้ตีเจ้าให้ตายก็อย่ามาเรียกตู้อี้เจินว่าฮูหยินลู่อีกต่อไป!”
“เช่นกันหากวันนี้ข้าไปได้เรียกสติของสตรีวิปลาสเช่นท่านก็อย่ามาเรียกข้าว่าลู่ชิงเยี่ยน!”
คนที่นางยอมลงให้ตายไปแล้ว คนเช่นตู้อี้เจินผู้นี้ตีมานั้นนางย่อมฟาดคืนตบมาลู่ชิงเยี่ยนก็ถีบคืนไม่กลัวมันแล้ว ฮูหยินเอกอันใดคนทั้งจวนจะอดตายกลับไร้สมองหาแต่เรื่องนางไม่เว้นวัน พอวันนี้คนมันสุดความอดทนยากจะฝืนเก็บมือเก็บเท้าอีกต่อไปแล้วจริงๆ
“อ๊าย...นางเด็ก สารเลว!”
...เผียะ!...เผียะ...ผั๊วะ...ผั๊ว...โครม...
ตู้อี้เจินตบมาสองครั้งฝ่ามือเล็กของลู่ชิงเยี่ยนก็กำหมัดฟาดเข้าใบหน้าไปสามครั้งพลางแถมท้ายถีบใส่ก้นอีกฝ่ายจนล้มหน้าคว่ำไปอีกหนึ่งหน เช่นนั้นหน้าเรือนนอนของบ่าวรับใช้จึงบังเกิดเสียงเฮเสียงโห่และเสียงเชียวราวกับสนามชนไก่ท้ายตลาดก็มิปาน
“ท่านมันสตรีวิปลาส ยายเฒ่าเจ้ามันเป็นพวกคนแก่กะโหลกกะลา ไร้มันสมอง เคยรับรู้หรือไม่ คนทั้งจวนจะอดตายกันอยู่แล้ว ท่านทำอันใดบ้างนอกจากกรีดกรายอวดร่ำอวดรวยทั้งที่ไม่มีจะอวด”
เด็กสาวที่มุมปากแตกได้เลือดผมเผ้ายุ่งเหยิงตะโกนด่ามารดาเลี้ยงชนิดเลิกเคารพเพราะตลอดมาก็ไม่เคยเคารพสำหรับนางหากขาดพี่สาวที่เก่งกาจด้านเจรจาและบริหารเงินที่นางคอยหามาเพิ่มเติมยุ้งฉางก็เกรงว่าจวนลู่ไท่เว่ยนี้คงสิ้นไร้แม้แต่สาวใช้สักคนก็คงยากจะมีไปนานแล้ว
“เจ้า...เจ้า...”
ลู่ฮูหยินที่ถูกถีบลงไปนั่งจุกชี้นิ้วอันสั่นระริกตรงไปที่ลูกเลี้ยงสาวอย่างแค้นเคืองเต็มที่แต่เจอสายตาเหี้ยมโหดกว่าก็มิกล้าจะพุ่งเข้าไปหาให้ถูกตบถูกต่อยและถูกถีบกลับมาอีกครั้ง
“ท่านเคยไปดูเรือนครัวบ้างหรือไม้ข้าวสารใกล้หมดอาหารสดอาหารแห้งแทบไม่เหลือแต่นอกจากท่านจะไม่สนใจยังมัวแต่ไร้สติมาทุบตีข้าหึ...เพราะท่านพ่อมีท่านเป็นฮูหยินเอกจวนลู่ไท่เว่ยจึงตกต่ำถึงเพียงนี้”
เด็กสาวที่ต้องไปวิ่งวุ่นหารายได้มาอุดรอยรั่วมาเติมเต็มปากท้องที่บัดนี้ทั้งบ่าวรับใช้และพ่อบ้านใหญ่กับอนุภรรยากับน้องสาวและน้องชายนับรวมกันแล้วเหลือกันอยู่เพียงสิบสามชีวิตนับรวมลู่ไท่เว่ยและตัวของนางแล้ว
“คุณหนูรองเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวลี่ที่ยามแรกคิดจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากมารดาตนเองเช่นแม่ครัวชุนเหนียงมิคาดกลับต้องไปพบว่าอนุภรรยาคนที่สี่หนีหายทิ้งเอาไว้เพียงเด็กหญิงวัยหกขวบปีกับบุตรชายวัยสามเดือนเอาไว้ในเรือนท้ายจวนร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง!
“เกิดอันใดขึ้นกันหรืออาลี่”
ลู่ชิงเยี่ยนที่แย้งเอาแส้ในมือของลู่ฮูหยินมาได้ก็ม้วนเก็บเอ่ยถามอดีตสาวใช้ของพี่สาวน้ำเสียงหอบเหนื่อยใบหน้าเล็กนั้นหรือก็เต็มไปด้วยฝุ่นดิน
“ฮูหยินสี่เจ้าค่ะ...ฮูหยินสี่นางหอบเสื้อผ้าข้าวของหนีไปกับคนบังคับรถม้าเสียแล้วทิ้งเอาไว้แต่คุณหนูชามกับคุณชายสี่เท่านั้น”
“เจ้าว่าอันใดนะ!?”
ลู่ชิงเยี่ยนคิดว่าตนเองเหนื่อยจนหูแชเชือนไปหรือไม่ทว่าเสียงเด็กที่ร้องคล้ายเสียงแมวน้อยเป็นหวัดในอ้อมแขนของเสี่ยวลี่ก็ยืนยันได้ว่าเด็กสาวฟังไม่ผิด ขาเรียวจึงเร่งวิ่งตรงไปยังเรือนของอนุสี่ทันที
“อาหยา”
ภาพน้องสาวคนที่สามที่ยืนร้องไห้กอดตุ๊กตาผ้าทำเอาลู่ชิงเยี่ยนเริ่มใจคอไม่ดี ด้วยเริ่มไม่มั่นใจว่าอนุรองนั้นจะคิดหนีจากไปอีกคนหรือไม่?
“ไยจึงมาอยู่ที่เรือนนี้แล้วมารดาของเจ้าเล่า?”
ถามน้องสาวลำดับที่สามไปพลางก็เร่งซอยเท้าตรงไปในเรือนนอนภายในของอนุสี่ เสียงเด็กหญิงนั้นร้องไห้พลางเริ่มสูดน้ำมูกฟืดฟาดทำให้นางต้องหันกลับมาแล้วทรุดกายลงคุกเข่าให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของลู่เฟยหยาเด็กน้อยวัยหกปี
“ว่าอย่างไรบอกพี่รองมาเร็วคนดี”
นางใช้สองนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้เฟยหยา แต่ยิ่งเช็ดน้ำตาเม็ดโตก็พลันยิ่งพรั่งพรูราวฝนห่าใหญ่สาดกระหน่ำลงบนพื้นพิภพก็มิปาน
“ทะ...ท่านแม่...จะ...จากไปแล้ว...ฮือ...”
แล้วมือเล็กก็ส่งจดหมายมาให้หนึ่งฉบับ ใจความที่อ่านได้มีเพียงอนุรองจากไปตายเอาดาบหน้ากับคนสนิทของบิดาของนางแล้วจึงขอฝากบุตรสาวให้นางที่เป็นบุตรคนรองช่วยดูแลต่อ
...ประเสริฐยิ่ง!...
แต่ยังไม่ทันได้ปลอบโยนลู่เฟยหยาเสี่ยวลี่ก็อุ้มเด็กชายลู่ฟ่านเย่วัยยังไม่เต็มสามเดือนดีมาส่งมอบให้ ครั้นจะไม่รับมาโอบอุ้มเสียงร้องจนแหบแห้งก็เขย่าหัวใจเด็กสาวไม่น้อยสุดท้ายก็ต้องมาคิดอีกว่าเด็กวัยเท่านี้นอกจากนมของมารดายังจะกิน อันใดได้อีก
“ท่านป้าชุนเหนียงน้องสี่นอกจากน้ำนมของอนุสี่เขายังพอจะกินสิ่งใดได้อีกบ้าง”
สุดท้ายก็ต้องหันไปพึ่งพิงคนที่เคยมีลูกมาแล้วถึงสามคนเช่นหัวหน้าแม่ครัวชุนเหนียงเป็นหลักสุดท้ายเพราะเด็กสาววัยเพียงสิบหกปีเช่นตนเองอย่าว่าแต่เด็กอ่อนหนึ่งคนแม้แต่ลูกสุนัขนางก็ยังไม่กล้าเลี้ยงด้วยเกรงจะทำให้พวกมันอดตายนั่นเอง
“คงต้องเป็นน้ำนมแพะแล้วเจ้าค่ะคุณหนูรอง เพียงแต่ว่าบัดนี้ในจวนคงมีเพียงน้ำซุปข้าวแล้วเจ้าค่ะน้ำนมแพะเงินไม่เพียงพอจะไปซื้อแล้ว”
น้ำซุปข้าวก็น้ำซุปข้าเถิดนางเองมืดค่ำป่านนี้ไม่ทราบเช่นกันว่าจะไปหาซื้อนมแพะได้จากที่ใด “เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านป้าชุนเหนียงแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นคุณหนูรองเช็ดตัวทำความสะอาดให้คุณชายน้อยไปก่อนนะเจ้าค่ะท่านป้าจะเร่งไปเคี่ยวน้ำซุปข้าวมาให้ ที่ร้องไห้หนักสำหรับเด็กอ่อนหนึ่งย่อมหิวกับอีกหนึ่งอาจอึหรือฉี่เจ้าค่ะเขาไม่สบายตัวจึงร้อง”
ดีเสียจริง สามียังไม่ทันแต่งนางก็มีลูกถึงสองมาให้เลี้ยง สวรรค์ทรงเมตตาและเอ็นดูนางเกินไปแล้วจริงๆ ลู่ชิงเยี่ยนไม่มีเวลาได้คิดมากเร่งเรียกหาน้ำอุ่นจากเสี่ยวลี่แล้วสั่งเสี่ยวจางให้ไปหาเสื้อผ้าของลู่ฟ่านเย่มา แล้วหลอกล่อเฟยหยาให้หยุดร้อง แผนหลังที่แตกจนปวดแสบปวดร้อนถูกละเลยเพราะสองชีวิตน้อยๆ มาพรากเวลาทั้งหมดไปจากเด็กสาวจนสิ้น
กว่าลู่ฟ่านเย่จะสบายตัวและสบายท้องก็ดึกมากโขแล้วพอนางรู้สึกเจ็บปวดร้าวรานไปทั่วแผนหลังจึงต้องเอี้ยวลำคอหันไปอีกครั้งก็พบว่าเด็กน้อยลู่เฟยหยากลับกอดเอวอาศัยแผนหลังที่ระบมของตนเองต่างเบาะรองนอนหลับไปเสียแล้ว ตกลงราตรีนี้ลู่ชิงเยี่ยนก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียอยู่ตรงกลางระหว่างเด็กสองคนที่เรือนท้ายจวนของอนุลำดับสี่ของบิดานั่นเองโดยมิทราบเลยว่ามารดาเลี้ยงไปรอบิดาของเด็กสาวจนสว่างเพื่อฟ้องร้องเรียกหาความยุติธรรมว่าตนเองถูกลูกเลี้ยงอกตัญญูตบตีทำร้ายร่างกายโดยมีหลักฐานมัดแน่นเป็นร่องรอยชอกช้ำตามร่างกายและใบหน้าให้ลู่ไท่เว่ยได้เชยชมเป็นขวัญตาตั้งแต่รุ่งอรุณมาเยือน
“บัดซบ!...แล้วนี่นางลูกอกตัญญูมันไปมุดศีรษะอยู่ที่ใดกัน!?
คนที่เพิ่งเสียพนันมาจนหมดตัวไม่พอยังติดหนี้บ่อนมาไม่น้อยพอได้ฟังความเท็จโดยมีใบหน้าชอกช้ำของภรรยาเอกเป็นหลักฐานบุรุษวัยสี่สิบห้าหนาวก็โกรธจนเคราดกดำสั่นระริก เห็นแล้วตู้อี้เจินก็ยิ้มร้ายสาแก่ใจรอเลยทีเดียว
...หึ!...เจ้าตายแน่นางเด็กตัวแสบชิงเยี่ยน!!!...