แต่บังเอิญว่านางมิใช่คนโง่งมสิ้นปัญญาถึงเพียงนั้นจะได้ปลิดชีพตนเองคงมิถูกต้องแล้วสายตาหวานก็จับนิ่งไปที่กายเล็กของน้องสาวต่างมารดา ในหัวก็บังเกิดคำถามตนเองว่าหากให้เลือกระหว่างตนเองจบชีวิตกับสังหารผู้อื่นเอาดีเข้าตัวนางจะเลือกสิ่งใดคำตอบกลับเด่นชัดมิต้องนึกคิดทบทวนให้เปลืองเวลา
...ก็เพียงบุตรคนรองที่เกิดจากอนุภรรยาแถมยังเป็นหญิงหึ!...
ตายเพื่อให้นางที่เป็นพี่สาวได้อยู่อย่างสง่าผ่าเผยก็นับว่าลู่ชิงเยี่ยนนั้นตอบแทนบุญคุณที่มารดาของนางต้องทนป้อนข้าวป้อนน้ำมันมาถึงสิบหกปีแล้วมิถูกหรือไร?
“ชิงเยี่ยนข้าหิวข้าวอีกเพียงหนึ่งตรอกจะถึงหอชุ่ยฟางนี่ฝนก็ใกล้ตกเต็มทีพวกเราแวะไปหาข้าวกินสักมื้อพร้อมหลบฝนไปด้วยคงดีแน่ อาลี่เจ้าเร่งไปตามรถม้าที่จวนมารับพวกเราพี่น้อง เสี่ยวจางเจ้าไปหาร่มมาเตรียมเอาไว้รอพวกเรากินข้าวอิ่ม”
ถึงสองสาวใช้จะลังเลอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็เร่งไปตามรถม้าและไปเตรียมร่มเตรียมเสื้อกันฝนมารับสองคุณหนูนายของพวกตนทันทีก็ผู้ใดจะไปทราบได้ว่าสตรีงดงามกลับใจคออำมหิตคิดสังหารคนได้แม้ว่าคนผู้นั้นจะดีกับตนยกย่องตนไม่เคยครั้งที่ลู่ชิงเยี่ยนจะไม่รักและเคารพพี่สาว แต่ลู่ถิงจือเพียงจะกันไม่ให้ผู้เป็นน้องสาวได้มาแทนที่ตำแหน่งเจ้าสาว
ของตนกับคิดข่มขู่บีบบังคับมิให้หย่งเลี่ยงโหวนั้นปฏิเสธนางกับลูกในครรภ์เพราะคนยิ่งใหญ่เพียงเขาย่อมถอยหนึ่งก้าวเพื่อมิให้ตนเองต้องเสื่อเกียรติเช่นบิดาของนางเป็นแน่ต่อให้การนี้นางต้องทำร้ายน้องสาวหรืออาจถึงขั้นต้องสังหารกันจนสิ้นชีพนางก็พร้อมทำได้ลงคอมิติดขัดสักนิดขอเพียงนางอยู่รอดบุตรของนางปลอดภัยเมื่อใดนางคลอดเด็กออกมาตำแหน่งพระชายาท่านอ๋องสามล้วนมิอาจพ้นมือของนางเป็นแน่
“เสี้ยวเอ่อข้าต้องการห้องบนชั้นสาม”
ตั้งแต่ตัดสินใจจะสังหารน้องสาวลู่ถิงจือก็วางแผนเป็นฉากเป็นขั้นเป็นตอนว่าตนเองจะต้องทำอย่างไร ส่วนคนถูกหมายปองชีวิตกลับไม่รู้ความทั้งสิ้น ลู่ชิงเยี่ยนมีแต่ความกังวลห่วงใยพี่สาวยิ่งอีกฝ่ายสีหน้าไม่ดีนางที่เป็นน้องสาวก็ทุกข์ใจแทนไปก่อนหน้าลู่ถิงจือแล้ว
“มันสูงเช่นนั้นจะดีหรือเจ้าค่ะพี่สาวขึ้นลงบันได ชิงเยี่ยนกังวลว่าจะอันตรายนะเจ้าค่ะ”
ลู่ถิงจือนั้นมองคนที่ตนคิดร้ายที่ใกล้ถูกทำร้ายแต่ลู่ชิงเยี่ยนนั้นกลับคิดห่วงใยว่านางที่กำลังมีครรภ์อ่อนเดินเหินขึ้นบันไดสูงอาจจะมิส่งผลดีวูบหนึ่งที่มีความลังเลบังเกิดในใจของลู่ถิงจือแต่เพียงคิดว่ามารดาของตนจะต้องผิดหวังบิดาของตนจะต้องตำหนิแล้วสุดท้ายตนเองที่เคยงดงามเป็นหนึ่งในจวนไท่เว่ยจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีร่านราคะนอกใจว่าที่สามีความลังเลทั้งหลายกลับปลิวหายไปในสายลมที่กำลังพัดโชยกรรโชกรุนแรงอยู่ที่ด้านนอกในทันที
“อย่าพูดมาก!”
คนถูกพี่สาวตะคอกถึงกับคอหดศีรษะก้มต่ำสายตาตกลงไปที่ปลายเท้าทันทีแต่พอเห็นพี่สาวก้าวมั่นคงนางก็เร่งเดินตามระวังหลังให้อีกฝ่ายด้วยใจห่วงใยเต็มเปี่ยมก็คงเพราะลู่ชิงเยี่ยนนั้นคิดว่าเช่นไรในครรภ์นั้นก็เป็นก้อนแป้งน้อยที่จะคลอดออกมาให้นางเชยชมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าถึงตนเองไม่ชอบเลี้ยงเด็กเท่าใดแต่เป็นหลานนางคิดว่าจะรักเขาได้เช่นที่นางรักน้องสามมิแตกต่าง
“ขอสุราหนึ่งไห่ด้วยนะเสี่ยวเอ่อ”
คิ้วเรียวของลู่ชิงเยี่ยนนั้นพลันกระตุกทันทีเมื่อพี่สาวออกปากสั่งสุราถึงนางยังเป็นเด็กสาวแต่เรื่องสุรานั้นร้อนไม่ส่งผลดีกับหญิงกำลังมีครรภ์ลู่ชิงเยี่ยนย่อมพอจะทราบอยู่บ้างด้วยความกลัวว่าพี่สาวอาจคิดไม่ตกจนอาจคิดทำลายเลือดเนื้อของตนเองเด็กสาวจึงเร่งห้ามปรามทันใด
“พี่สาวสุรานั้น เอ่อ...ไม่เหมาะสมกระมังเจ้าค่ะ”
นางคิดแต่เพียงว่าก้อนแป้งน้อยเขามิได้ผิดอันใดถึงยังไม่รู้วิธีจัดการปัญหาใหญ่ตรงหน้าแต่การจะสังหารเด็กน้อยผู้หนึ่งเพื่อแก้ปัญหานางทำไม่ลงเด็ดขาด
“เงียบเถิดน่า!”
แต่พอถูกดุลู่ชิงเยี่ยนนั้นจึงไม่กล้าปริปากอีก จนเมื่อสุราและอาหารมาเสริมนางที่ห่วงใยไปถึงก้อนแป้งน้อยในครรภ์ที่ยังราบเรียบของพี่สาวจึงตัดสินใจดื่มสุราให้มากหน่อยไม่ห้ามอีกฝ่ายเป็นวาจาคิดเพียงว่านางดื่มให้มากเต็มที่ก็เมามายเท่านั้นแต่หากปล่อยให้พี่สาวดื่มอาจส่งผลร้ายกับเด็กเอาได้จริงๆ
...นางเมามายแล้วช่วยก้อนแป้งได้ก็ช่างเถิดคราวนี้ผิดไปก็คงถูกท่านพ่อตีมากหน่อยนางมิลำบากสักนิด...
โดยมิทราบเลยว่าทั้งสิ้นเข้าทางเป็นไปดังกลอุบายที่ลู่ถิงจือนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่แรก ก็เพราะหากลู่ชิงเยี่ยนเมามายก็ไม่อยากที่ตนเองจะถือโอกาสหลอกให้น้องสาวที่แต่เดิมคออ่อนเกินผู้ใดไปที่หน้าต่างบานนั้นซึ่งด้านล่างเป็นถนนแล้วผลักอีกฝ่ายให้ตกลงไปสูงถึงชั้นสามนั้นหากไม่ตายก็คงพิกลพิการเช่นนี้เจ้าสาวที่จะมาแทนนางก็ไม่มีแล้ว
เช่นนี้เรื่องอับอายของนางที่ตั้งครรภ์ก็จะไม่เปิดเผยนางมั่นใจทีเดียวว่าอย่างน้อยเยี่ยหย่งชุนเขาจะไม่เปิดโปงนาง จนกว่าพิธีสมรสยิ่งใหญ่ในอีกห้าวันจะผ่านพ้นแล้วเป็นแน่ก็เหล่าบุรุษนั้นนางทราบดีพวกเขาเสียหน้าได้แต่จะมิยอมถูกหยามเกียรติเป็นแน่ซึ่งหากข่าวที่นางเกิดตั้งครรภ์ก่อนวิวาห์โดยที่เขามิใช่บิดาคนเช่นหย่งเลี่ยงโหวคงไม่กล้ารังแกศักดิ์ศรีตนเองเด็ดขาด!
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาชนิดไม่ลืมหูลืมตาท้องฟ้าใกล้พลบค่ำก็มืดครึ้มเพิ่มขึ้นอีกสองส่วนแล้วคนซึ่งคออ่อนแล้วยังไม่เจียมตนไปห่วงใยคนตั้งครรภ์เช่นลู่ชิงเยี่ยนก็มึนเมาจนตาลายแต่ก็ยังพอครองสติของตนเองได้อยู่บ้างแต่ลู่ถิงจือนั้นแลเห็นน้องสาวเมามาย มุมปากงดงามนั้นจึงแย้มรอยยิ้มแสนจะอำมหิตออกม่หนึ่งสาย
“พี่สาว...ท่านยิ้มได้แล้ว...ดีจัง...ดียิ่ง”
คนดวงใกล้ถึงฆาตกลับแย้มยิ้มยินดีและไร้เดียงสาส่งให้คนที่นางจำความได้ก็รักอีกฝ่ายมิเคยคิดไม่ดีต่ออีกฝ่ายมีเพียงความเคารพมิจางหายต่อให้เวลายิ่งผ่านลู่ชิงเยี่ยนก็ไม่เคยรักพี่สาวน้อยลงตรงกันข้ามยิ่งรู้ความนางกลับยิ่งรักลู่ถิงจือมากเสียยิ่งกว่ามารดาผู้ลาลับไปทันทีเมื่อนางคลอดเสียอีก
“หากชอบให้พี่สาวยิ้มเจ้าก็กินให้อิ่มแล้วดื่มสุรานี้ให้มากหน่อยก็พอแล้ว”
กล่าวจบคนเมามายก็ยิ้มหวานจ๋อยให้คนใจอำมหิตพลางพึมพำว่า’ ย่อมได้...ย่อมได้’ ดังนั้นยิ่งลู่ถิงจือสั่งสุรามาเพิ่มเท่าใดลู่ชิงเยี่ยนก็ดื่มจนเริ่มแม้นแต่นามของตนเองยังมิได้ สุดท้ายเพียงครึ่งชั่วยามเด็กสาวใกล้ชะตาขาดก็เมาพับหลับไปเสียแล้ว
ลู่ถิงจือยิ้มเหี้ยมเกรียมลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างเปิดมันออกแล้วทอดสายตามองความมืดกับสายฝนที่ยังเทกระหน่ำตกอย่างหนักคล้ายจะเป็นใจให้นางทำการสำเร็จอย่างไรอย่างนั้น แล้วสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นรถม้าจากจวนไท่เว่ยพร้อมสาวใช้ทั้งสองนางมาจอดที่ด้านหน้าหอสุราแห่งนี้เข้าพอดีจึงไม่รอช้าหรือใจเย็นอีกต่อไปตรงเข้าไปฉุดกระชากลากถูคนเมามายไม่ได้สติซึ่งก็ไม่ยากนักด้วยลู่ชิงเยี่ยนนางตัวเล็กว่าลู่ถิงจืออยู่ครึ่งส่วน
“เจ้าทำอันใดน่ะถิงจือ!”
มิคาดกลับเป็นเยี่ยหยุ่งชุนที่เมื่อครู่เจอกับสาวใช้ทั้งสองนางของจวนไท่เว่ยที่หน้าจวนเข้าพอดีจึงทราบว่าสองศรีพี่น้องสกุลลู่ยังไม่กลับจวนทั้งที่มีเรื่องใหญ่ทว่ากลับใจเย็นแวะดื่มกินที่หอชุ่ยฟางเขาจึงร้อนใจเร่งติดตามมาแล้วภาพที่ตนเองกับตาก็ทำเอาบุรุษเช่นเขาตกใจแทบสิ้นสติ!
“เจ้าปล่อยนางเดี๋ยวนี้นะถือจือ นางเป็นน้องสาวของเจ้าหากตกลงไปนางตัวเล็กถึงเพียงนั้นคงถึงตายแน่นอน”
เยี่ยหย่งชุนมิคาดเลยว่าสตรีรูปโฉมงดงามล่มปฐพีเช่นลู่ถิงจือนั้นจะมีจิตใจอำมหิตดำมืดแม้นแต่น้องสาวที่เติบโตมาด้วยกันต่อให้มิใช่มารดาเดียวกันแต่ตลอดมานั้นลู่ชิงเยี่ยนยอมลงให้แก่พี่สาวเสียยิ่งกว่ามารดา แล้วดูเถิด ผู้ที่นางวางใจยิ่งกว่ามารดากำลังจะปลิดชีพตนเองอยู่อย่างไม่คิดลังเลแม้สักน้อย
“ไม่เจ้าค่ะ!...ท่านโหวนั่นแหละจงถอยออกไป!!!”
มาจนถึงขนาดนี้แล้วลู่ถิงจือนั้นมีแต่บอกตนเองว่าต้องเดินต่อไปให้สุดหาไม่หากการในคราวนี้ไม่สำเร็จโทษคิดสังหารคนบิดาหรือฮ่องเต้ก็มิอาจช่วยนางได้!
ทางด้านเยี่ยหย่งชุนนั้นมองสถานการณ์ตรงหน้าก็คาดเดาได้ว่าเจรจาไปก็คงไม่ช่วยจึงมองหาหนทางช่วยคนเสียแทน หันสำรวจจนทั่วก็แอบโมโหตนเองที่สั่งให้คนสนิทรออยู่ด่านล้างเพราะประมาทลู่ถิงจือมากไปเขาจึงเป่าปากเป็นสัญญาณสามครั้งจบลงก็เป็นเวลาเดียวกับที่สตรีสมควรนามลู่ถิงจือใช้กำลังทั้งหมดของตนพยายามจะผลักดันให้คนเมามายไร้สติได้ตกลงไปโดยเร็วเพราะเกรงว่าจะมีคนมาพบเพิ่มขึ้นความลับของนางย่อมแตกเป็น
“อย่า!”
...ครึก!...โครม!...เพล้ง!...
“กรี๊ด!!!”
เพราะนางกะน้ำหนักพลาดและเยี่ยหย่งชุนนั้นรวดเร็วจึงกระโดดเข้าคว้ากายคนเมามายสิ้นสติเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดแต่เพียงสายฝนที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดมาครู่ใหญ่กายอรชรของลู่ถิงจือจึงไถลพลาดพุ่งออกไปนอกหน้าต่างโดยที่ท่านโหวหนุ่มคว้าเอาไว้ได้เพียงข้อมือเรียวของนางหนึ่งข้างเท่านั้น
“จับไว้ให้แน่นนะถิงจือ”
เยี่ยหย่งชุนตะโกนแข่งกับเสียงพายุฝนซึ่งลู่ถิงจือไม่ต้องบอกนางก็กำมือของท่านโหวหนุ่มเอาไว้จนแน่นสุดชีวิต พอนางก้มลงไปมองพื้นด้านล่างหัวใจก็พลันเสียววูบจึงทำให้นางเสียขวัญเผลอปล่อยมือจนเยี่ยหย่งชุนต้องกระโดดคว้าซ้ำอีกครั้ง
คราวนี้สภาพของทั้งสองจึงกลายเป็นคนหนึ่งห่อยต่องแต่งใกล้ตกเต็มทนส่วนอีกคนก็มีเพียงปลายเท้าเท่านั้นที่เกาะยึดอยู่กับขอบหน้าต่าง ต่อให้ฝนตกหนักเพียงใดสองสาวใช้กับหนึ่งคนบังคับรถม้าก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูใหญ่ของพวกตน
ยิ่งพอแหงนเงยขึ้นไปมองแล้วเห็นภาพที่ลู่ถิงจือจะตกมิตกอยู่คร่อมล่อก็ต้องกรีดร้องโวยวายเร่งหาคนมาช่วยแต่คนที่รู้ดีว่าจะรอดหรือตายเกรงว่าจะมีเพียงเยี่ยหย่งชุนกับลู่ถิงจือเท่านั้น!
“ท่านโหว!!!”
ซุนจื่อองครักษ์และคนสนิทของหย่งเลี่ยงโหวที่ถูกเสียงสัญญาณของเยี่ยหย่งชุนเรียกมาก็โผล่มาทันในช่วงเวลาฉิวเฉียดเขากระโดดไปดึงข้อเท้าของท่านโหวหนุ่มเอาไว้แน่นแต่น้ำหนักเขาเพียงคนเดียวมีหรือจะดึงขึ้นมาได้ทั้งสอง แล้วเขาที่มีเจ้านายเพียงผู้เดียวย่อมเลือกช่วยเยี่ยหย่งชุนแล้วคิดจะสลัดลู่ถิงจือทิ้งไป
เขามิได้เหี้ยมโหดแต่องครักษ์เดนตายเช่นพวกเขารู้เพียงช่วยและปกป้องชีวิตของผู้เป็นนายเท่านั้นเกรงว่าหากที่จับยึดท่านโหวหนุ่มเอาไว้เป็นเขาเองซุนจื่อก็จะสลัดปลดตนเองไม่ยอมให้ผู้เป็นนายต้องเสี่ยงชีวิตเด็ดขาด!
“ท่านโหวปล่อยนางไป ข้านั้นมีกำลังแขนช่วยได้เพียงท่านผู้เดียว!”
เสียงที่แทรกมากับสายฝนทำให้ลู่ถิงจือนั้นหมดหวังทันใดแต่เพียงวูบเดียวดวงตาสิ้นหวังก็เผยแววอำมหิตออกมาอีกครั้งหึ!....ก็ในเมื่อนางกับลูกถูกเจ้าคนโง่แซ่เยี่ยขัดขวางจนต้องจบชีวิตลงหากนางคิดดึงมันให้ตายไปรับใช้ตนเองกับลูกน้อยย่อมไม่ผิด!
“โอ๊ะ!/ท่านโหว!”
เยี่ยหย่งชุนที่แต่แรกก็ใจดำปล่อยสตรีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ให้ตายไปต่อหน้าไม่ลงอุทานออกมาได้เพียงหนึ่งคำก็รู้สึกเสียววูบในช่องท้องก่อนที่ความจุกแน่นและเจ็บปวดจะค่อยๆ แทรกลึกเข้ากัดกินสติจนสุดท้ายความมืดก็กลืนกินทุกสิ่ง โดยมีซุนจื่อองครักษ์เดนตายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาเป็นสิบปีตะโกนก้องสุดเสียง!!!