“อื้ออออ” ห้องมืด ๆ ถูกเปิดม่านออกโดยคนบางคน เงาตะคุ่มเลื่อนผ้าไหมสีดำจากชั้นบนสุดของตึกออกให้แสงแดดอุ่นเล็ดลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้อง ฉันขยี้ตาพยายามลืมตาตื่นหลังจากแฮ้งอย่างหนัก มาร์ตินีโจมตีจนเกิดอาการปวดหัวรุนแรงและทำให้ฉันรู้สึกแย่ขึ้นทุกที
เมื่อวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปของเวดดิ้งแพลนเนอร์เลย
“ปวดหัวอื้อออ”
“ตื่นแล้วก็ลืมตาได้แล้ว” น้ำเสียงนุ่มทุ้มดึงให้ฉันเงยหน้าที่กำลังซุกหมอนหอม ๆ ขึ้นมองเจ้าของเสียง
พอเห็นเจ้าของดวงตาแข็งกร้าวที่สวมสูทหรูหรา ฉันก็กะพริบตาก่อนจะมุดเข้าใต้ผ้าห่มกลิ่นคุ้นเคยทันที กลิ่นกายฉันและธามไทอบอวลอยู่ในผ้าห่ม พานให้ใจฉันกระตุกวูบแล้วสั่นไหวด้วยความบ้าคลั่ง
ฉันเกลียดความรู้สึกแบบนี้
“ถ้ายังหลับต่อฉันจะโยนเธอลงไปชั้นล่างเดี๋ยวนี้แหละ”
“ตื่นมาเจอหน้าคุณ วันดี ๆ ของฉันป่นปี้หมดแล้ว” น้ำเสียงงัวเงียของฉันเอ่ยออกไป
“ดูสภาพหน้าตัวเองก่อนพูดซะด้วย รีบลุกไปอาบน้ำแล้วไปทานข้าวได้แล้ว ฉันต้องไปธุระต่อ” ธามไททำหน้ายุ่งยากเมื่อฉันชักสีหน้าใส่ เขากระชากข้อเท้าฉันลากลงเตียงอย่างไม่ไยดี แน่นอนคนอย่างเขาไม่ยอมให้ใครขัดคำสั่ง ทำให้ฉันต้องพยักหน้ารับจำใจทำตามคำพูดเขา
ไม่กวนประสาทฉันตอนทานข้าวแล้วจะไม่เจริญอาหารหรือยังไง
หน้าที่เดียวที่ทำให้ฉันยิ้มได้คือมื้ออาหารหลังตื่นจากเซ็กซ์ที่แสนทรมาน ร่างกายเมื่อยล้าถูกบรรเทาด้วยอาหารอร่อย ๆ
“วันนี้อาหารไทยครับ”
ฉันมองบอดีการ์ดส่วนตัวของธามไทอย่างพยัคฆ์ด้วยสีหน้าเฉยเมย ในขณะที่มือยังกดดูแชตที่หวังว่าพี่เฟยจะติดต่อกลับมาบ้าง
“สภาพดีขึ้นแล้วนี่”
เขาคงหมายถึงคราบมาสคาร่าใต้ตาเมื่อเช้าสินะ ส่วนลิปสติกที่เลอะก็เพราะเขาขยี้ปากฉันด้วยปากเขาไม่ใช่รึไง
ฉันบ่นในใจ
ฟอดดด
“เอ๊ะ! นี่คุณ” หนวดสากข่วนแก้มฉันจากการขโมยหอมแก้มของธามไท ผู้ชายที่ฉันเกลียดที่สุด ใบหน้าฉันร้อนผ่าวพลางเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่หัวขโมยกลับยิ้มกริ่มชอบใจแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างตั้งใจที่จะกวนประสาท
“มัวแต่กดมือถืออยู่ได้ เอามานี่”
ธามไทแย่งโทรศัพท์มือถือในมือฉันไปเลื่อนดูอย่างถือวิสาสะ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาทำตลอดในการรุกล้ำเข้ามาในชีวิตฉัน ที่หอมก็เพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจสินะ เขาเองก็ไม่ได้พิศวาสอะไรฉันนักหรอก ผู้ชายอย่างเขาไม่สนใจผู้หญิงอย่างฉันอยู่แล้ว
“เอาคืนมาได้แล้วค่ะ”
เขาปรายตาก่อนยอมส่งมันคืนมา
“ชอบมันนักเหรอ เสิร์ฟอาหารได้แล้ว” เขาคุยกับฉันส่วนประโยคหลังหันไปสั่งสาวรับใช้ ใบหน้าเขาจ้องตรงมาที่ฉันราวกับบอกว่าต้องการคำตอบที่จริงจัง ถ้าล้อเล่นฉันฆ่าเธอแน่
“ฉันชอบพี่เฟยมากกว่าคุณ”
“เมื่อคืนไม่ได้พูดแบบนี้นี่”
“เลิกพูดเรื่องแบบนี้หน้าตาเฉยสักทีเถอะค่ะ” ฉันร้องขอด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เซ็กซ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติ หรือเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องพิเศษ ถ้าเธอชอบมันขนาดนั้นฉันเพิ่มรอบให้ก็ได้นะ”
“คุณมัน...พี่เฟยเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าคุณแล้วกัน”
“เหอะ! ชอบอะไรมันนักหนา หรือแค่จะหลุดพ้นจากฉัน มีแค่หมาสักตัวเข้ามาให้แต่งก็จะแต่งงั้นเหรอ” ประโยคแดกดันจากเขาเป็นสิ่งที่ฉันชินชาเกินทน
แต่มันก็ไม่ผิดนัก
“ก็ถ้ามันทำให้สัญญาเราสิ้นสุดลง ไม่ว่าใครเข้ามาฉันก็แต่งทั้งนั้นแหละค่ะ” ฉันย้อนเขาด้วยความเจ็บแสบ
“คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกตกถังข้าวสารเจ้าสัว มีพระเอกมาช่วยจากตัวร้ายหรือไง รู้ตัวรึเปล่าว่าเธอมันนางร้ายตัวประกอบ ยัยหนูท่อ”
ป๊อก!
“คุณธาม!!!”
มือใหญ่ที่กำลังใช้ช้อนกะเทาะไข่ลวก เปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันมาเคาะหน้าผากฉันแทน ตอกย้ำคำพูดเจ็บแสบราดลงหัว ตั้งแต่รู้จักเขานอกจากเซ็กซ์ดี ๆ คนตรงหน้าก็ไม่เหลืออะไรดีแล้ว
แต่คำพูดนั้นก็ทำเอาฉันที่พยายามจะยื้องานแต่งทั้งเพื่อชีวิตตัวเองและครอบครัวสะอึกจนพูดไม่ออก เหตุการณ์เมื่อวานทำให้ฉันกำช้อนแน่น
“ตกลงรางวัลของฉันล่ะคะ”
“รางวัลอะไร”
มาเฟียสัญญาแล้วกลับคำหน้าตาเฉยงั้นเหรอ
“คุณบอกว่าถ้าฉันทำให้คุณพอใจคุณจะบอกเหตุผลของพี่เฟย”
“ฉันไม่พอใจน่ะสิ”
“คุณธาม คุณนี่มัน” เขามันปลิ้นปล้อนกลับกลอก
“นัดเวดดิ้งไว้วันไหน”
“เย็นวันนี้ค่ะ”
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา
“เลื่อนไปก่อนฉันไม่ว่าง”
เอ๊ะ!
“งานแต่งฉันไม่ใช่งานแต่งคุณสักหน่อย”
“เลื่อนไปก่อน” เขาย้ำอีกรอบ ก่อนจะเช็ดปากลุกขึ้นจากโต๊ะไม่วายส่งประโยคขู่ทิ้งท้ายไว้ต่างหน้า “ถ้าไม่เลื่อนรู้นะว่าเธอต้องโดนอะไร”
“นี่คุณ”
เขาทิ้งฉันอ้าปากค้างไม่ทันได้ปฏิเสธ
ให้ตายเถอะฉันเกลียดเขามากขึ้นทุกทีสิน่า!