ฉันกรีดร้องโวยวายอยู่ในรถกว่าครึ่งชั่วโมง ปาดคราบน้ำตาที่ไหลรินออกจากหัวตาไม่หยุดหย่อน ยิ่งเช็ดยิ่งไหลออกจากดวงตา เสียงข้อความตามตัวจากผู้ชายสารเลวคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ฉันตัวสั่นระริกทั้งโกรธทั้งอึดอัด
ธาม : ไปตายที่ไหนป่านนี้ยังไม่ถึงอีก
“ไอ้...”
แก้มใส : แก้มกำลังจะขึ้นไปค่ะ
ธาม : ดี
ทั้ง ๆ ที่การแต่งงานกับพี่เฟยจะเป็นหนทางหลุดพ้นจากทุกอย่าง
ทำไมฉันรู้สึกถึงความไม่สบายใจแบบนี้นะ
สถานบันเทิงกึ่งปิดขนาดใหญ่ ทางเข้าออกถูกขนาบด้วยการ์ดร่างกำยำ คนที่จะเข้าที่นี่จำเป็นต้องมีบัตรสมาชิกที่เปิดครั้งละหลายล้านเท่านั้น เพียงแต่บัตรนี้ฉันได้มาฟรีหรือแค่เห็นหน้าฉัน ประตูก็ถูกเปิดออกตามด้วยเสียงนินทา ใครมันพูดว่าผู้ชายไม่นินทา ฉันขอเถียงสุดใจขาดดิ้น
“เด็กนายมาอีกแล้วว่ะ มาบ่อยนะช่วงนี้สงสัยร้อนเงิน”
ผู้ชายบางคนปากหมากว่าผู้หญิงเสียอีก
“ว่าไงนะ” ฉันหมุนตัวกลับเลิกคิ้วถามผู้ชายตัวโตทั้งสองคน
“เข้าไปได้เลยจ้ะ เอากับนายเสร็จแล้วจะแอบมาโยกกับพี่ก็ได้นะ ค่าตัวเท่าไหร่พี่ก็จ่าย”
“ฮ่า ๆ เดี๋ยวนายก็เล่นงานเอา” การ์ดอีกคนพูดเตือนแต่น้ำเสียงกลับกลั้วหัวเราะ มองฉันด้วยสายตาเหยียดหยาม ฉันเม้มปากแน่นสะกดดวงตาใต้กรอบแว่นกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
“นายจะไปสนใจอะไรวะแค่อีตัวคนหนึ่ง”
“ไอ้สวะ”
“ปากดีนักนะอีนี่ เป็นแค่กะ...”
ผลัวะ!!!
“กรี๊ดดดดดดดดด” เอวของฉันถูกกระชากไปไว้ในอ้อมแขนหลังจากหมัดหนักกระแทกเข้าใบหน้าการ์ดคนนั้น เสียงร้องดังได้เพียงครึ่งคำรองเท้าราคาแพงก็เตะเสยเข้าไปที่ใบหน้ามันจนสลบคาที่ แค่เพียงไออุ่นกับกลิ่นเหงื่อผสมน้ำหอมอ่อน ๆ เจือกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ก็ทำให้ฉันเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร เจ้าของที่นี่…ธามไทผู้ชายที่ฉันเกลียดที่สุดในโลก
“นะ...นาย”
“กูสั่งให้พวกมึงมาเสือกเรื่องของกูตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่าครับนาย ขอโทษครับ ขอโทษครับคุณผู้หญิง ขอโทษครับนาย” เสียงละล่ำละลักเอ่ยพร้อมกราบลงบนพื้นปลก ๆ แต่ดูเหมือนว่าธามไทเองจะไม่ใช่คนที่เห็นใจใคร ฉันได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจดังก้องที่กกหู พร้อมไอร้อนโลมเลียบนผิวแก้มจนแดงก่ำ
แค่เข้าใกล้ฉันก็ร้อนไปทั้งตัว
เขาเป็นผู้ชายอันตรายที่ฉันไม่อยากเข้าใกล้เลยจริง ๆ
“ฉันบอกให้รีบขึ้นไปหาฉันไม่ใช่รึไง ทำไมถึงมายืนเล่นตรงนี้ ฮึ” ธามไทเอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า เขาลากฝ่ามือร้อนขยำสะโพกฉันรุนแรงก่อนจะเบียดสะโพกเข้ามาจนชิด ฉันกำมือแน่นเมื่อรับรู้ถึงท่อนเนื้อดึงดันเสียดสีบั้นท้าย ทำหน้าท้องร้อนวูบวาบอย่างตกใจ “ไปไหนกับมันมาถึงตัวหอมจัง”
“คุยเรื่องแพลนเนอร์”
“ยังไม่ล่มอีกเหรอ จะดื้อด้านไปถึงไหนครับแก้ม”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ ปล่อยฉันได้แล้ว”
“เพราะคนเยอะเหรอถึงอยากให้ฉันปล่อย แล้วพวกมึงจะมองกูทำไมห้ะ!”
ธามไทยกเท้าขึ้นเหยียบไหล่คนที่ยังนั่งอยู่บนพื้นก่อนจะถีบให้ห่างจากฉัน และเรียกบอดีการ์ดข้างตัวมาลากการ์ดหน้าประตูออกไป
“พวกมึงเอาพวกมันไปทำให้สงบปากสงบคำหน่อย”
“นายครับ! นายยย”
“เอามันไป ส่วนเธอขึ้นไปข้างบนกับฉัน ฉันรอเธอมานานเกินไปแล้ว รู้ใช่ไหมว่าถ้าฉันรอนานมันจะเกิดอะไร”
คำขู่นั้นราบเรียบคล้ายกับคำพูดธรรมดาของเขา แต่ฉันกลับกลัวจนแข้งขาอ่อน ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตา หันไปมองเขาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ปล่อยให้ธามไทโอบเอวฉันออกจากตรงนั้น
เราสองคนอยู่ในสถานะที่ยากเกินกว่าจะอธิบาย ความผิดพลาดครั้งเดียวของเราทำให้ฉันต้องทำผิดกับคู่หมั้นเสมอมา กลายเป็นของเล่นของมาเฟียหนุ่มจนกระทั่งทุกวันนี้
สัญญาของเราจะสิ้นสุดลงในวันที่ฉันแต่งงาน
แต่ทำไมมันยากเย็นขนาดนี้นะ
ตุบ!
“ฉันสั่งให้รีบมา มัวแต่ทำอะไรไม่เข้าท่า”
ฉันกะพริบตาไล่คราบน้ำตาเมื่อถูกเหวี่ยงลงบนโซฟา เขาตามมาคร่อมฉันไว้ใต้อาณัติไม่คิดจะปล่อยช่องว่างให้ฉันได้ขยับตัว ฉันเบี่ยงตัวหลบจุมพิตที่กำลังจะตรงเข้ามาประทับที่ข้างแก้ม สายตาของธามไทเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันไม่มีวันฝืนได้ พอฉันเบี่ยงตัวหลบเขาก็หัวเราะในลำคอ กระชากคอเสื้อให้เปิดลึก กดริมฝีปากดูดดุนลำคอฉันเบา ๆ กัดเกี่ยวผิวอ่อนให้เจ็บแสบ
“อื้อ เดี๋ยวก่อน ขอมาร์ตินีแก้วนึงก่อนได้ไหมคะ”
“มันเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ไม่ได้แต่งกับผู้ชายแบบนั้น ทำใจยากเย็นจังนะ เอากันกี่ครั้งแล้วยังไม่ชินอีกเหรอ” เขาเงยหน้าออกจากลำคอฉันพูดเสียงเย็นเยียบ
สัมผัสเขาทำฉันไม่เคยชินเลย
ธามไทแย่งมือฉันไปขบกัดเบา ๆ ความร้อนผ่าวในโพรงปากอุ่นจนร้อนจัด ไม่ว่าฉันพยายามจะชักออกเท่าไหร่ ดูเหมือนธามไทก็ไม่ยอมแพ้ ไล่กัดเข้ามาลึกเรื่อย ๆ ลิ้นสีแดงฉ่ำตวัดเลียวาบที่นิ้วฉันเรื่อย ๆ ใช้ริมฝีปากครอบดูดซ้ำ ๆ ในขณะที่สายตาเขายังจับจ้องบนใบหน้าฉัน
“นี่หยุดนะธามไท อย่าดูด”
น้ำลายเหนียวของเขาเลอะทั่วมือฉันจนไหลย้อยมาถึงข้อศอก อ้าปากห้ามพยายามสะบัดเขาออก แต่ไม่ว่าจะร้องหรือดิ้นรนเท่าไหร่ เขาก็ยังคงไม่หยุดการกระทำที่สั่นคลอนใจฉันให้เต้นจนเจ็บอก
เขามัน...บ้าไปแล้ว
นิ้วมือใหญ่เขี่ยแว่นตาสีดำออกจากใบหน้าฉัน สายตาเขาดูสะใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใต้ตาฉันแดงช้ำเพราะร้องไห้อย่างหนัก ขวดมาร์ตินีถูกหมุนเกลียวคล้ายได้ยินเสียงแกร๊กจากปากขวด ธามไทกระชากต้นคอฉันขึ้นก่อนจะกรอกเหล้ารสแรงเข้ามาในปาก
“อึก อึก อึก อื้ออออ”
“ดื่มเข้าไปสิ เพราะตอนเธอเมามันเซ็กซี่จนฉันอดใจไม่ไหวเลย”
“ไม่อึก ปล่อยฉันนะ แคกปล่อยยย!” ความร้อนวูบวาบในทรวงอก เหล้าอึกใหญ่ทำให้แรงดิ้นเชื่องช้าลง ยิ่งหนีนิ้วมือของธามไทที่สอดลึกเข้าในปลายกระโปรง มันกลับยิ่งชอนไชเข้ามาใกล้ชิดเนื้ออ่อน ความรู้สึกเห่อร้อนราวกับเลือดไหลเวียนทั่วกลีบสวาททำให้คนบนร่างได้ใจ เมื่อรับรู้ว่าร่างกายฉันไม่เคยปฏิเสธ
ร่างสูงยิ้มกว้างราวกับพึงพอใจ
“ร้อนแบบนี้ ยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ” เขายิ้มเยาะ
ชึบ
“อื๊ออออ ไม่นะคุณไม่มีสิทธิ์ คุณ...คุณบอกจะปล่อยฉันไปอ๊ะ!”
“มาร์ตินีก็ได้แล้ว ทีนี้ก็หมดเรื่องแล้วใช่ไหมแก้มใส”
“คุณจะไปเข้าใจอะไร”
“เข้าใจสิ เข้าใจดีเลยว่าตอนนี้เธอต้องการอะไร อะไรที่ไอ้ผู้ชายหน้าโง่คนนั้นให้เธอไม่ได้” เสียงแหบพร่าเอ่ยชิดริมใบหูทำให้ร่างกายฉันปั่นป่วนเกินจะปฏิเสธ
ขอบกางเกงในถูกเกี่ยวออกหลบ แล้วซุกนิ้วมืออุ่นเข้าไปหยอกล้อกลีบสวาทภายใน ฉันครางในลำคอพยายามกลั้นเสียงร้องครางไม่ให้เขาได้ใจ แต่กลับยิ่งห้ามใจตัวเองไม่อยู่ หน้าอกสะท้านขึ้นชูช่อชวนให้เขาประกบปากลงมาดูดดึง
“อ๊ะ...อื้อ”
“ครางดัง ๆ ได้ไหม เวลาเอากับชู้น่ะ มันจะได้เร้าใจ”
ชึบ ๆ ๆ ๆ
“อื๊ออออออ ยะ...อย่าค่ะ”
“แค่นี้เธอก็เสียวจนเสียงหลงแล้ว ยังอยากจะไปจากฉันอีกเหรอ ทั้งที่เราเข้ากันได้ดีขนาดนี้” เขาว่าอย่างเอาแต่ใจ สบตาที่เต็มไปด้วยน้ำใสคลอของฉัน ความเสียดเสียวจากปลายนิ้วรุกล้ำเข้าไปเล่นกับติ่งอ่อนไหว เร่งความเร็วเรียกน้ำหวานให้ไหลทะลักชโลมนิ้วธามไทให้ชุ่มเพื่อเตรียมความพร้อม
“อะ...อ๊าาา”
เหมือนกำลังตกลงเหวลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนทุก ๆ ครั้งแต่ไม่เคยชินเลย ขาที่เคยดีดดิ้นหนีจากธามไทสั่นระริกไร้เรี่ยวแรงตะเกียกตะกาย ไม่สามารถหนีนิ้วมือร้ายที่สอดเข้าหาความอุ่น ละเลงแอ่งน้ำหวานจนเกิดเสียงน่าอายได้