อิทธิพัทธ์หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วต่อสายหาเพื่อนรักหลังจากตรวจงานที่สาขาเสร็จ
“เออรุจตอนนี้มึงอยู่บ้านปะ”
“กูจะเข้าไปหา”
“บ้านสวนเหรอ?”
“โอเค เดี๋ยวเข้าไปอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
เขากดวางสายก่อนจะขับรถออกจากสาขาแล้วตรงไปที่บ้านสวนของเพื่อน นพรุจมีบ้านอยู่สองหลัง หลังหนึ่งเป็นของพี่ชายอยู่ในเขตอำเภอเมืองสร้างไว้ให้ลูกสาวคนเดียวคือลดาวัลย์ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่กับปู่กับย่า ส่วนอีกหลังเป็นบ้านสวนที่อิทธิพัทธ์กำลังจะเข้าไปตอนนี้
เพื่อนมีลูกจนเรียนอยู่มัธยมปลายแต่ตัวเองยังหาคนที่จะอยู่ข้างกายไม่ได้สักคน อิทธิพัทธ์นั่งคิดไปตลอดทางไปสวนอันคดเคี้ยว สองข้างทางเล็กเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวน้ำหอมและดอกทองอุไรเหลืองอร่าม บรรยากาศดีมากแต่ถ้าใครไม่เคยมายังไงก็หลงทางเพราะหน้าตาแต่ละโค้งมันเหมือนกันยังกับแกะ จะหวังพึ่งกูเกิลแมพน่ะเหรอ ไม่มีทางซะหรอก ทางแถวนี้โดนสิริหลอกกันเป็นประจำ ขับเข้าไปลึกหน่อยก็จะเป็นสวนฝรั่ง สวนมะละกอและผักอีกหลายชนิด
เขาชอบบรรยากาศแถวนี้มันดูร่มรื่นดี ซึ่งที่ราชบุรีเขาก็ซื้อไว้หลายแปลงเผื่อเก็บไว้ทำโครงการอื่นๆเมื่อมีเวลาว่าง เพราะคุณย่าของเขาเองก็มีสวนปาล์มอยู่ที่อำเภอสวนผึ้งหลายสิบไร่อิทธิพัทธ์แวะไปดูให้อยู่บ่อยครั้ง
อิทธิพัทธ์มาถึงบ้านสวนเกือบสี่โมงเย็นซึ่งเพื่อนยังไม่เลิกงานเขานั่งรออยู่ที่ซุ้มไม้ระแนงมีกุหลาบเลื้อยสีชมพูสีขาวส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตกแต่งไว้คล้ายคาเฟ่ ด้านข้างมีคลองน้ำไหลผ่านฝั่งตรงข้ามเป็นสวนดาวเรืองตัดดอกซึ่งตอนนี้กำลังทยอยออกดอกสีเหลืองทองไปทั่ว บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ร้านกาแฟหรูก็ไม่ปาน ส่วนตัวบ้านนั้นเป็นเรือนไม้สองชั้นขนาดใหญ่ใต้ถุนยกสูงมีระเบียงกว้างที่ใช้เป็นส่วนเอนกประสงค์ รอบบ้านมีต้นไม้หลายชนิดปลูกอยู่และตัดแต่งไว้เพื่อให้ร่มเงา เขามาที่นี่ทีไรรู้สึกสบายใจทุกที
“มาซื้อที่อีกเหรอ” เสียงนพรุจเอ่ยทักหลังจากขึ้นมาจากสวนฝรั่ง นพรุจทำสวนชมพู่ ฝรั่ง และมะนาว อีกแปลงก็จะมีลองกอง มะละกอ พริก และไผ่รวกซึ่งไผ่รวกเขาทำให้มันสามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี และทำรายได้ต่อเดือนหลายบาทเลยทีเดียว
“ไม่หรอก มาดูสาขาที่จะเปิดใหม่น่ะ ก็เลยแวะมา” คนพูดน้ำเสียงปกติแต่ดูท่าทางไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่
“มึงมีอะไรปิดบังกู” เพื่อนคนนี้รู้ทันไปหมดเสียทุกอย่าง อายุก็ปูนนี้แล้วเพื่อนแท้ก็เหลืออยู่แค่นี้ แล้วก็ยังมีธันยารัตน์อีกคนที่เป็นภรรยาของนพรุจนั่นเอง ธันยารัตน์เป็นแฟนรุ่นน้องของนพรุจตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีด้วยกันก็เลยทำให้สนิทกับอิทธิพัทธ์ไปด้วย
“มีเรื่องคิดไม่ตกนิดหน่อยว่ะ”
“เรื่อง?”
“อย่ารู้เลย รู้ไปมึงช่วยกูไม่ได้หรอก” ความจริงที่มาหาเพื่อนวันนี้ก็เพราะเครียดเรื่องนี้ ขอแค่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาอาการเขาอาจจะดีขึ้น ถ้าไม่กดดันเรื่องริสาเขาก็คงไม่หนักใจถึงเพียงนี้
“บอกมาก่อนดิ มันคงเป็นเรื่องใหญ่มาก จนถึงกับมึงแก้ไม่ได้”
“อือ จะว่าใหญ่ก็ใหญ่” เรื่องนี้ถ้าครอบครัวอื่นอาจจะเป็นเรื่องเล็กแต่สำหรับครอบครัวเขาแล้วมันคือเรื่องใหญ่มาก นพรุจเดินขึ้นไปบนบ้านก่อนจะยกทั้งน้ำเปล่าและน้ำสีเหลืองอำพันออกมาด้วยพร้อมกับโถใส่น้ำแข็งจนล้นเพราะปกติบ้านหลังนี้เขาเตรียมน้ำแข็งหลอดไว้สำหรับคนงานตลอด และขวดที่เป็นส่วนผสมอีกสามสี่ขวด
“อ้าวดื่มน้ำเย็นๆก่อนเผื่อมึงอยากจะเล่าให้กูฟัง”
“นี่เมียมึงไปไหน”
“อยู่กับคนงาน ใกล้ขึ้นมาแล้วมั้ง” นพรุจจ้างคนงานราวยี่สิบคนเพื่อช่วยดูแลสวนทั้งสองที่ ซึ่งจะต้องจ่ายค่าแรงทุกวัน ปกติวันหยุดจะมีหลานสาวอย่าลดาวัลย์มาคอยช่วยตลอด
“คุณย่ากับคุณพ่อบังคับให้กูแต่งงานอีกรอบว่ะ” อิทธิพัทธ์เปิดปากออกมาพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ที่จริงแล้วเขาไม่อยากจะปิดบังเพื่อนแต่ด้วยความที่มันคือเรื่องไร้สาระสำหรับเขา อิทธิพัทธ์จึงไม่อยากเล่าให้ใครฟัง
“ฮ่า ฮ่า จะมาบังคับมึงแต่งงานตอนอายุจะสี่สิบเนี่ยนะ” นพรุจหัวเราะร่วนออกมาเสียงดัง เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่เพื่อนยังนั่งนิ่งทำขมวดคิ้วมุ่น
“อือ...”
“แล้วมันไม่ดีรึไง จะได้มีคนอ้อนไง”
“อ้อนกับผีอะไรล่ะ ประเด็นคือเขาให้เวลากูหาเมียแค่สองเดือน”
“หาเมียภายในสองเดือน? บรรลัยละ” นพรุจรู้ดีว่าตั้งแต่เขาหย่าร้างกับภรรยาเก่าไปอิทธิพัทธ์ก็ไม่เคยมีใครอีกเลยและไม่มีทางที่เพื่อนคนนี้จะหาใครมาแทนภรรยาเก่าของเขาได้
“อือ...ถ้าหาไม่ได้จะให้กูแต่งกับยายคุณหนูริสาข้างบ้าน มึงยังจำได้ปะ”
“อือ จำได้ๆ” นพรุจทำท่าคิดก่อนจะตอบออกไป เขาเคยได้ยินคุณย่าบงกชพูดถึงบ่อยๆสมัยที่ไปเที่ยวบ้านอิทธิพัทธ์ เธอชอบโผล่หน้ามาเจรจาเจื้อยแจ้วกับหนุ่มๆอยู่บ่อยครั้ง เสียงดังแว้ดๆ เธอเป็นผู้หญิงช่างเลือก ทำตัวไฮโซติดหรู และดูท่าทางน่าจะจิกเก่งเหมือนไก่
“ขนลุกแทนเลยว่ะ ก็น่าเครียดอยู่หรอก” น้ำสีเหลืองถูกรินใส่แก้วทั้งสองใบ ต่างคนต่างยกขึ้นมาชนแก้วแล้วกระดกเข้าปาก ดีที่ทั้งสองคนไม่สูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ก็นานๆดื่มทีแต่นพรุจจะมีติดบ้านตลอด เอาไว้เผื่อมีแขกคนสำคัญมาบ้าน
“แล้วมึงไม่คิดจะมีใครจริงๆเหรอวะ มึงก็หย่ากับขวัญมาตั้งหลายปีแล้วมึงยังไม่ลืมเขาอีกเหรอวะ” นพรุจถามย้ำกับเพื่อนอีกที เพราะความจริงเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนอยู่เป็นโสดแบบนี้ตลอดไปเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
“ไม่อะ กูคงรักใครไม่ได้อีกแล้วว่ะ” อิทธิพัทธ์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสายตาดูหม่นลงมองต่ำไปที่แก้วที่ถืออยู่ในมือ เขารู้ตัวเองว่าคงเอาใครมาแทนขวัญตาที่คบกันมาเป็นสิบปีไม่ได้อย่างแน่นอน และในใจอิทธิพัทธ์ก็ยังคงรอขวัญตากลับมาอยู่เสมอ ถึงความหวังนั้นมันจะริบหรี่ตั้งแต่วันที่เธอจากไปแล้วก็ตาม
“แต่ขวัญก็ทำให้มึงเห็นแล้วนี่ว่ามึงไม่ได้สำคัญอะไรกับเธอ” หลังจากที่ขวัญตาขอหย่ากับอิทธิพัทธ์เขาพยายามง้อทุกวิถีทางแต่เธอก็ยังยืนยันที่จะไป ต่อมาไม่ถึงสองเดือนอิทธิพัทธ์ก็ยอมไปเซ็นใบหย่าให้ซึ่งในวันนั้นเธอพาคนรักใหม่มาด้วย อิทธิพัทธ์จึงเป็นฝ่ายรอขวัญตาอยู่แบบเงียบๆ