PLAYBOY : 8

2051 Words
Chris Part . “เป็นไงบ้างวะ” ผมลุกขึ้นยืนเมื่อมาเฟียเปิดประตูเข้ามาหลังจากไปคุยกับคุณย่าเกือบสามสิบนาที มันปรายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาแฟนตัวเองที่ยังนั่งนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน “นับดาว รอฉันก่อนนะ” “จะไปไหนเหรอ” “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคริส” “คุยกับกู” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงุนงง คนที่มันควรคุยด้วยตอนนี้คือนับดาวไม่ใช่เหรอ “เออ” มันตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนจะหันไปคุยกับแฟนตัวเองด้วยเสียงที่อ่อนลง “รอหน่อยนะ ไม่นาน” “อือ” นับดาวพยักหน้ารับ มาเฟียยื่นมือไปลูบหัวเล็กของแฟนสองสามครั้ง ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาที่แข็งกร้าวขึ้น “ส่วนมึงออกไปกับกู” . . “มีอะไรวะ” “มึง...ที่นอนกับพรีม ได้ป้องกันหรือเปล่า” ที่มาเฟียรู้ว่าผมเคยนอนกับพรีมเพราะผมบอกมันเอง ตอนนั้นมันทำท่าว่าจะแต่งงานกับพรีมและเลิกกับนับดาว ผมรู้ว่านับดาวรักมันและมันก็ยังรักนับดาวอยู่เต็มหัวใจ สิ่งที่มันกำลังทำอยู่ไม่ต่างอะไรจากการประชดและทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลง ผมเถียงกับมันและพลั้งปากเรื่องที่เคยนอนกับพรีมออกไป... ได้ยินแบบนั้นมันก็โกรธและต่อยผมจนปากแตก ก่อนจะถูกยามแยกตัวพวกเราออกจากกัน ไม่กี่วันให้หลังผมก็รู้ว่ามันก็กลับไปคืนดีกับนับดาวแล้วโดยที่พรีมไม่ได้ว่าอะไร หลายครั้งที่ผมไปเยี่ยมคุณย่าแล้วเจอว่าทั้งมาเฟีย นับดาว และพรีมนั่งคุยกันอยู่ ก็เลยมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดคงจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งแล้ว พอเห็นแบบนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับมัน แต่อีกใจก็อยากย้อนเวลากลับไป เพราะผมไม่น่าเอาเรื่องแบบนี้ไปบอกต่อใครเลย คนที่เสียหายมีแค่พรีมคนเดียว ดีที่มาเฟียไม่ใช่ผู้ชายปากสว่าง มันไม่เคยแสดงท่าทีไม่ดีหรือพูดเรื่องนั้นออกไปเลย จนกระทั่งวันนี้... “มึงก็รู้ว่ากูซีเรียสกับเรื่องพวกนี้มาก ต่อให้เมาเป็นหมากูก็ไม่มีทางลืม” ผมเอ่ยด้วยความมั่นใจ วันนั้นผมใส่ถุงยางด้วยมือตัวเอง และถอดด้วยมือตัวเอง ผมแน่ใจว่าผมป้องกันทุกรอบไม่มีพลาด “กูไม่เคยนอนกับพรีม ลูกของพรีมไม่ใช่ลูกกู” “กูรู้” “พรีมไม่ประวัติเรื่องพวกนี้ ครอบครัวเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ แม่เขาหัวโบราณมาก ขนาดไปเรียนที่ออสเตรเลียยังให้ญาติจับตามองทุกฝีก้าวเลย” “อืม” ผมพยักหน้ารับ เพราะนี้ผมถึงได้เป็นคนแรกของเธอสินะ วันนั้นเห็นไปนั่งดื่มคนเดียว แถมชวนผมไปต่ออีก ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอคงผ่านมาพอสมควร จนได้พิสูจน์ด้วยตัวเองนั่นแหละ “มึงแน่ใจใช่ไหมว่ามึงไม่ได้พลาด ได้เช็กถุงยางตอนเสร็จหรือเปล่าว่ามันรั่วหรือขาดไหม” “กู...” ผมชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ ปกติแล้วผมจะเช็กถุงยางหลังจากใช้แล้วทุกครั้งว่ามีการชำรุดหรือเปล่า เพราะถ้าเกิดมันขาดหรือรั่วเพราะแรงเสียดสีผมจะได้ให้ฝ่ายหญิงกินยาคุมได้ทัน แต่วันนั้น... เพราะมัวแต่ภูมิใจที่ได้กินของดี และไม่รู้ว่าผีหื่นตัวไหนมาเข้าสิง พอเสร็จรอบแรกแล้วผมก็ถอดออกและใส่ใหม่เพื่อต่อรอบสองทันที ไม่ได้เอาถุงยางไปแกว่งน้ำเพื่อเช็กเหมือนเคย และไม่ใช่แค่รอบเดียว วันนั้นผมนอนกับพรีมสามครั้ง และทั้งสามครั้งผมไม่ได้เช็กอะไรเลย หมายความว่าถ้าพรีมท้องกับผม อาจจะเกิดจากถุงยางที่รั่วหรือขาดแค่เพียงเล็กน้อยโดยที่ผมเห็น ผมรู้ดีว่าการป้องกันมันไม่มีทางไหนที่กันได้ร้อยเปอร์เซ็น แต่ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดที่ได้นอนกับผู้หญิงครั้งแรกจนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ไม่เคยพลาด ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่พลาด... “ว่ายังไง” “กูไม่ได้เช็ก” “ไอ้คริส...” เกิดความเงียบจนได้ยินเสียงลมยามบ่ายแก่ ๆ ที่พัดไปมาเบา ๆ ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สายตาที่เพื่อนสนิทมองมาเหมือนกำลังต้องการรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่หัวสมองผมกลับว่างเปล่าไปหมด “ลูกของพรีม คือลูกกูหรือเปล่าวะมาเฟีย” “กูไม่รู้” มาเฟียตอบเสียงเรียบ แต่ท่าทีของมันคงโกรธไม่น้อย เพราะเรื่องนี้คนที่เดือดร้อนที่สุดคือมัน ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้ทำอะไรเลย แถมเรื่องนี้ยังทำให้คนที่มันรักเสียใจอีก เป็นผมผมก็โกรธ... “แต่ที่กูมั่นใจคือตั้งแต่ที่ย่ากูเข้าโรงพยาบาล พรีมก็สละเวลาว่างทั้งหมดมาอยู่กับย่ากูตลอด เวลานอนแทบไม่มี เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปนอนกับคนอื่นวะ” . . ผมจอดรถลงหน้าบ้านตัวเอง ความคิดของผมยังคงล่องลอยไปไกล หลังจากที่คุยกับมาเฟียเสร็จผมก็ขอตัวกลับทันทีไม่ได้เอ่ยลาใคร ผมอยากใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง ซองยาที่แม่ของพรีมปาใส่หน้ามาเฟียตอนนี้อยู่ในมือของผม โรงพยาบาลที่พรีมไปใช้บริการเป็นโรงพยาบาลของครอบครัวเควิล เพื่อนสนิทอีกคนของผม ผมลูบซองนั้นอย่างชั่งใจ อยากรู้ว่าพรีมท้องได้กี่เดือนแล้วเพื่อให้แน่ใจ แต่ไม่รู้ว่าเควิลจะช่วยได้แค่ไหน เพราะปกติแล้วโรงพยาบาลต้องเก็บรักษาความลับของผู้ใช้บริการให้ดีที่สุด ยิ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ขนาดนั้นด้วย...ถ้าพลาดโดนฟ้องขึ้นมามันไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่เสียไปเลย แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ผมแค่อยากรู้ระยะเวลาตั้งครรภ์ของพรีมให้แน่นอน ไม่ได้คิดจะเอาข้อมูลไปบอกใครต่อ คงไม่มีปัญหาอะไร สุดท้ายผมก็ตัดสินใจผมหยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะกดโทรออกหาเพื่อนที่ตอนนี้คงยุ่งยิ่งกว่าอะไร อนาคตหมอฟันแบบมันไม่ได้เรียนจบสี่ปีแบบพวกผม แต่เพราะเป็นสิ่งที่มันรัก แม้จะมีเวลาน้อยและเรียนหนักแค่ไหนมันก็ยังมีความสุขกับทางที่มันเลือก ‘ว่าไงมึง’ “วิล ว่างเปล่าวะ” ผมบีบพวงมาลัยด้วยความกังวล หัวใจเต้นรัว เหงื่อไหลซึมออกมาทั้ง ๆ ที่อยู่ในรถที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ ‘ว่างแต่ไม่นาน มีอะไร’ “ช่วยอะไรกูหน่อยได้ไหมวะ” ‘ถ้าช่วยได้นะ’ “มึงช่วยได้แน่นอนถ้ามึงจะช่วย” ‘เออ เรื่องอะไรก็ว่ามา อย่าลีลากูต้องอ่านหนังสือต่อ’ เสียงของเควิลติดรำคาญน้อย ๆ แต่เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงพบรักแฟนของมันดังแว่ว ๆ เข้ามา คงไม่ได้จะอ่านหนังสืออย่างที่มันอ้างหรอก ถึงจะรู้แบบนั้นแต่ผมก็ไม่มีอารมณ์มาจับผิดเพื่อนเหมือนเคย เพราะปัญหาของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย “กูอยากรู้ข้อมูลคนไข้ในโรงพยาบาลของพ่อมึง” ‘เห้ย!! ไม่ได้ จรรยาบรรณของโรงพยาบาลและบุคลากรทุกคนคือต้องรักษาความลับของคนไข้ให้ดีที่สุด!’ เควิลตะโกนเสียงดัง ผมคิดไว้แล้วว่ามันต้องปฏิเสธ ถึงมันจะบ้า ๆ บอ ๆ ไปบ้างแต่มันก็มีความรักผิดชอบมากกว่าใคร ไม่อย่างนั้นคงเรียนหมอไม่ได้ ‘อย่ามาทำให้กูผิดจรรยาบรรณนะไอ้เพื่อนชั่ว!!’ “แต่ถ้ากูจะบอกว่า... กูกำลังสงสัยว่าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังท้องกับกูล่ะ มึงจะยอมช่วยหรือเปล่า” ‘ว่ายังไงนะ!!’ “ไว้กูจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้กูแค่อยากรู้ว่าเขาท้องกี่เดือนแล้ว กูจะได้มั่นใจว่าเขาท้องกับกูจริง ๆ” ‘มึงนี่มัน... ทำอะไรไม่ระวังเลยหรือไงวะ ถ้าเขาไม่ได้ท้องแต่มีโรคร้ายแรงล่ะ กูบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ป้องกันดี ๆ หาแต่เรื่อง...’ “อย่าเพิ่งด่ากู รอให้กูมั่นใจก่อนค่อยด่าก็ไม่สาย ตอนนี้กูแค่อยากรู้ว่าเธอท้องกี่เดือน ช่วยเพื่อนได้ไหมวะ ครั้งเดียว” ถ้าอยู่ต่อหน้าผมคงก้มลงกราบมันไปแล้ว เพราะตอนนี้มีแค่เควิลคนเดียวที่จะสามารถยืนยันความจริงกับผมได้ ถ้ามันไม่ช่วยผมคงจนปัญญาจริง ๆ ‘ถ้ากูไม่ช่วยกูต้องกลายเป็นเพื่อนใจยักษ์ใช่ไหม’ “ไม่หรอก แต่กูก็ไม่กล้ารับผิดชอบเด็ก เพราะไม่มั่นใจว่าลูกตัวเองหรือเปล่า และถ้าผู้หญิงคนนั้นท้องกับกูจริง ๆ เด็กก็จะเกิดมาไม่มีพ่อ” ‘เออ ๆ ไม่ต้องพูดจนกูเป็นคนใจร้ายขนาดนี้ก็ได้ปะวะ ชื่ออะไรล่ะผู้หญิงคนนั้น’ ผมรีบบอกชื่อและนามสกุลของพรีมให้มันทันทีเพราะกลัวว่ามันจะเปลี่ยนใจ ‘เดี๋ยวนะ...ชื่อนี้ นามสกุลนี้…’ “เออ อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ” ‘มึงแม่งล้วงคองูเห่าไม่กลัวตายเลยนะ แล้วนี่ผู้หญิงคนนี้มันอดีตคู่หมั้นไอ้มาเฟียไม่ใช่เหรอ มึงนะมึง เตรียมคำตอบไว้ให้กูดี ๆ ก็แล้วกัน อีกยี่สิบนาทีกูโทรหา แค่นี้’ “ขอบใจมากนะเว้ย” ‘FxxK YOU’ เควิลวางสายทันทีเมื่อได้ด่าผมแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลยแม้จะโดนด่าแบบนั้น หัวสมองมันโล่งไปหมด ร่างกายก็เหมือนชาจนไม่รู้สึกอะไร ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงให้คนอื่นเข้าใจ อีกยี่สิบนาทีหลังจากนี้ผมคงได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่าเธอท้องกับผมหรือไม่ ผมใช้เวลาที่รอสายจากเพื่อนสนิทเดินเข้าไปในบ้าน ป๊าและหม่าม้าน่าจะกลับมาแล้ว ผมจึงเดินเลี่ยงนั่งไปที่สวนหลังบ้านแทน ยังไม่พร้อมเจอหน้าใครตอนนี้จริง ๆ นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยซักพักมือถือที่ถืออยู่ก็สั่น บ่งบอกว่ากำลังมีสายเรียกเข้า ซึ่งชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็ทำให้ผมมือสั่นน้อย ๆ อย่างประหม่า แต่สุดท้ายก็กดรับเพราะอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดอยู่ดี ผมไม่มีทางหนีมันพ้นอยู่แล้ว “ฮัลโหล” “ได้ข้อมูลที่มึงต้องการแล้วนะ” “อะ...อืม” “พริมาตามาหาหมอเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนั้นหมอตรวจพบว่าเธอตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์กับอีกสามวัน แต่ถ้านับจนถึงตอนนี้คงสิบสัปดาห์แล้ว และก่อนมาหาหมอเธอไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง” “แน่ใจใช่ไหมวะ” ผมถามเควิลย้ำอีกครั้ง เพราะถ้าพรีมท้องสิบสัปดาห์จริง ๆ ก็จะเป็นช่วงเดียวกับที่ผมมีอะไรกับเธอวันนั้น และนั่นก็แปลว่าผมเป็นพ่อของเด็กจริง ๆ นอกจากเธอจะไปมีอะไรกับใครต่อหลังจากนั้น ซึ่งผมไม่คิดว่าเธอจะทำ เพราะคืนนั้นผมรู้ดีว่าเธอบอบช้ำแค่ไหน ครั้งแรกและมาเจอผม แถมผมยังจัดเต็มตั้งสามครั้ง ถ้าเธอยังสามารถนอนกับคนอื่นได้ภายในสามวันก็แกร่งเกินไปแล้ว “เออ โรงพยาบาลกูไม่เคยตรวจพลาด” ไอ้เควิลเอ่ยย้ำให้ผมมั่นใจ ผมหลับตาลงอย่างยอมรับความจริง ตั้งใจจะวางสายเพื่อนเพื่อใช้เวลากับตัวเองซักหน่อย แต่เสียงของปลายสายที่ดังขึ้นทำให้ผมหยุดการกระทำนั้นลง “และที่สำคัญ” “...” “พริมาตาตั้งท้องลูกแฝด” “ฝะ...แฝด” “เออ แฝด ถ้าเขาท้องลูกมึงจริง ๆ แปลว่ามึงกำลังจะมีลูกสองคน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD