PLAYBOY : 9

2321 Words
Chris Part . "ถ้าเขาท้องลูกมึงจริง ๆ แปลว่ามึงกำลังจะมีลูกสองคน" “ระ...เรื่องจริงเหรอวะไอ้วิล” เป็นอีกครั้งที่ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ เควิลจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดที่ผมเอาแต่ซักไม่เลิก “จริง!! กูส่งรูปอัลตร้าซาวด์ไปให้มึงในไลน์แล้ว เปิดดูซะ และหลังจากนี้มึงต้องมีคำตอบเรื่องนี้กับพวกกูด้วย” เควิลเอ่ยสั่งก่อนจะวางสายไปทันที ผมถือมือถือค้างไว้แบบนั้นด้วยความช็อคจนสติแทบหลุดหาย . . นี่มันเรื่องจริงเหรอวะ แม้จะพยายามหลอกตัวเองแค่ไหนแต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็เป็นความจริงอยู่ดี ผมรวบรวมลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะกดเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นสีเขียวยอดฮิต แชทของเควิลที่ขึ้นแจ้งเตือนทำให้ผมมือสั่นอีกครั้ง “เป็นไงเป็นกัน” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะกดเข้าไปที่แชทนั้น รอเพียงไม่ถึงสองวินาทีรูปก็โหลดขึ้นมา นี่...ลูกของผมกับพรีมเหรอ วันนั้นที่ได้เห็นมันไม่ชัดเท่ากับตอนนี้ ผมเผลอแตะปลายนิ้วลงบนอะไรบางอย่างที่คล้ายช่องสองช่องเบา ๆ ตรงนี้คือที่ที่มีเด็กสองคนอยู่ใช่ไหม... “คริส ทำอะไรไม่เข้าบ้าน” “ป๊า” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว่ำมือถือลงกับโต๊ะและหันไปยิ้มให้ป๊า หรือพ่อแท้ ๆ ของผมที่เดินเข้ามาหา “เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนั้น” “หน้าผมซีดมากเลยเหรอครับ” “มาก ป่วยหรือเปล่า” ป๊าถามก่อนจะใช้หลังมือแตะเข้าที่หน้าผากของผมเบา ๆ ไม่ว่าจะโตแค่ไหนแต่ป๊าก็ยังทำเหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่วันยันค่ำ ผมเองก็ไม่อยากขัดใจ แค่ทุกวันนี้ทำตัวไหลไปไหลมาให้ป๊าคอยเป็นห่วงก็แย่อยู่แล้ว “ตัวไม่ร้อนนะ” “ผมไม่ได้ป่วยครับ” “ดีแล้ว งั้นเข้าบ้านเถอะ ม้าเราอยากให้ไปลองชิมขนม” ป๊ายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินเข้าบ้าน แต่ผมกลับคว้ามือของท่านไว้เสียก่อน ป๊าหันกลับมาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ปะ...ป๊า” “มีอะไรหรือเปล่า” “นั่งคุยกันแปปนึงได้ไหมครับ” “เอาสิ” ท่านพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับผม ผมมองหน้าป๊าที่ค่อนข้างแตกต่างจากผม ป๊าเป็นผู้ชายหน้าตี๋ตามแบบฉบับจีนแท้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ผมมีเครื่องหน้าที่ชัดเจนแม้ผิวจะขาวแค่ไหน ตาสองชั้น คิ้วเข้ม ๆ และลักยิ้มคือสิ่งที่ผมได้มาจากหม่าม้า ส่วนปาก จมูก สีผิว และส่วนสูงผมได้มาจากป๊าเต็ม ๆ “ป๊า...” “เรียกแต่ป๊าอยู่นั่นแหละ มีอะไรทำไมไม่พูด” “คริสไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ผมเริ่มแทนตัวเองด้วยชื่อ เป็นโค๊ดลับที่รู้กันในครอบครัวว่าถ้าแทนตัวเองแบบนี้เมื่อไหร่แปลว่ากำลังอยากจะได้อะไร หรือไปทำอะไรผิดมา “ก็แค่พูดมันออกมา ไม่ต้องอ้อมค้อมอะไร” “ป๊า...” ผมมองหน้าผู้ให้กำเนิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ปกติแล้วผมจะสนิทกับป๊ามากจนคุยได้ทุกเรื่องตามประสาผู้ชาย ป๊าสอนผมตั้งแต่เรื่องทั่วไปยันเรื่องที่ไม่มีสอนในวิชาเรียน เรื่องผู้หญิงป๊าก็รับรู้มาตลอด แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ ผมกลัวว่าถ้าพูดออกไปจะทำให้ป๊าเสียใจ “คริส มีปัญหาอะไรใช่ไหม” ป๊าคงจับสีหน้าผมออกถึงได้ถามมาแบบนั้น ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่จากการที่ไม่กล้าสบตาผู้ให้กำเนิดก็คงจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว “มีปัญหาก็บอกป๊า บอกครอบครัว เราสามารถผ่านมันไปด้วยกันได้นะ ขอแค่คริสพูดออกมาให้ป๊ารู้ แต่ถ้าคริสไม่บอกแล้วเก็บเอาไปเครียดคนเดียวป๊าคงรู้สึกแย่ที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย” “...” ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวตี๋ของป๊าที่เต็มไปด้วยความกังวล ผมนี่เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ทำให้ป๊าเครียดจนได้ “ป๊า...” ผมเลื่อนมือถือของตัวเองไปให้ป๊า “อย่าเกลียดคริสนะ” “ใครจะเกลียดลูกตัวเองได้ลง” ป๊าตอบก่อนจะหยิบมือถือเครื่องบางขึ้นไปดู ก่อนที่ดวงตาที่เคยตี่เล็กจะเบิกกว้างขึ้นจนผมกลัวว่ามันจะถลนออกมา “ไอ้คริส!” “ป๊า! ป๊าบอกแล้วนะว่าจะไม่เกลียดคริส” “ไม่เกลียดไม่ได้แปลว่าไม่โกรธโว้ย! นี่มันอะไร!!” ป๊าลุกขึ้นยืน หน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงด้วยความโกรธ ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองป๊าเลย ปกติป๊าเป็นคนใจดี แต่คนในบ้านรู้ดีว่าถ้าป๊าโกรธ ใครก็ห้ามไม่ได้ “ป๊า มีอะไร ทำไมเสียงดังแบบนี้” “ม๊า มาดูผลงานของลูกชายตัวเองเลย!” ผมเหลือบตามองก็เห็นว่าร่างอวบ ๆ ของหม่าม้า และร่างเล็ก ๆ ของครีม น้องสาววัยสิบแปดปีกำลังเดินเร็ว ๆ เข้ามาหา ก่อนจะหยิบเอามือถือเครื่องนั้นไปดู “นี่มัน...” “รูปอะไรอะม้า” เสียงเจือยแจ้วของยัยครีมดังขึ้นอย่างสอดรู้ หม่าม้าไม่ได้ตอบคำถามของลูกสาว แต่กลับหันมาเล่นงานผมแทน “เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้!” “มะ...ม้า” “ไม่ต้องมาเสียงสั่น!” ผมสะดุ้งเมื่อหม่าม้าตะคอกเสียงดัง ถ้าป๊าเป็นคนที่ดุมากแล้ว หม่าม้าดุมากกว่าป๊าร้อยเท่า ไม่ต้องพูดถึงเวลาโกรธเลย บ้านทั้งหลังสามารถพังลงมาได้ด้วยซ้ำ “ตอบ!!” “กะ...ก็ตามที่ทุกคนเห็นนั่นแหละ คริสทำผู้หญิงท้อง” “ฉันจะเป็นลม หยุด!! ไม่ต้องลุกขึ้นมา นั่งอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ได้จะเป็นลมจริง ๆ” หม่าม้าชี้หน้าผมเมื่อผมทำท่าจะลุกขึ้นไปดูอาการท่าน ผมนั่งลงที่เดิมพร้อมก้มหน้าลงเตรียมรอรับเสียงบ่นและบทลงโทษแต่โดยดี “ผู้หญิงคนนั้นคือใคร” “เธอชื่อพรีมครับ” “พรีมไหนล่ะ บอกแค่นี้ฉันจะรู้จักไหม!!” “ม้าอย่าตะคอกซี่” “มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรด้วยหรือไง แค่ตอบคำถามมาให้หมด!” หม่าม้าไม่ปราณีอะไรทั้งนั้น แขนอวบเท้าสะเอวหนา ๆ ของตัวเองพร้อมทำหน้าขึงขัง ตอนนี้ผมเหมือนนักโทษที่กำลังถูกล้อมสอบสวนก็ไม่ปาน “เธอชื่อพริมาตา ลูกสาวคนเดียวของคุณพิมพ์นภากับคุณวัลลภ ป๊ากับม๊าน่าจะรู้จัก “พิมพ์นภา ใช่แม่ผู้ดีคนนั้นหรือเปล่าป๊า” หม่าม๊าหันไปถามป๊า ดูจากการเรียกแล้วผมว่าม๊าอาจจะไม่ถูกกับคุณพิมพ์นภาเท่าไหร่ ดูท่าปัญหานี้น่าจะไม่ได้มีแค่อย่างเดียวซะแล้ว “พิมพ์นภาที่มีสามีชื่อวัลลภก็มีแค่คนเดียวนั่นแหละ” เพี๊ยะ!! “โอ้ย!! ม้าตีคริสทำไม” ผมลูบแขนตัวเองป้อย ๆ เมื่อถูกตี มือหม่าม้าของผมมือหนักอย่าบอกใคร ตีแค่ทีเดียวก็แสบจนอยากร้องไห้ “อยากจะตีให้มากกว่านี้อีก มีลูกไม่ได้เรื่อง ทำผู้หญิงท้องว่าแย่แล้ว ดันไปทำลูกบ้านนั้นท้องอีก!” “ไม่ใช่ว่าลูกสาวเขาอยู่เมืองนอกเหรอคะ” ครีมเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้ป๊ากับหม่าม้าหันไปมองด้วยความสนใจ “รู้ได้ยังไง” “ลูกสาวป๊ากับม้าเก่ง” “ไม่ใช่เพราะยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่วหรอกเหรอถึงรู้” เพี๊ยะ!! “ม้า! ตีคริสอีกแล้วนะ” ความเจ็บเดิมยังไม่ทันหาย ความเจ็บใหม่ก็เข้ามาเพิ่ม หม่าม้าตีลงบนที่เดิมด้วยแรงที่มากกว่าเดิมจนแสบไปหมด “ไปว่าน้องมัน เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อน ว่ายังไง เด็กคนนั้นอยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคริสถึงบอกว่าทำเขาท้องได้” “เมื่อสองเดือนที่แล้วเขากลับมาไทยครับ เจอกันที่ผับ ก็เลย...” “อ๋อ ที่แท้ก็เด็กใจแตก” “ม้า ไม่ใช่นะครับ พรีมไม่ใช่คนแบบนั้น” ผมรีบเอ่ยท้วงทันทีเมื่อหม่าม้าเข้าใจพรีมไปในทางที่ผิด ผมไม่รู้ว่าทำไมวันนั้นพรีมถึงไปสถานที่แบบนั้น แถมยังเป็นคนชวนผมไปต่อจนเกิดเรื่องอย่างว่าขึ้น แต่พรีมไม่ใช่เด็กใจแตกแน่นอน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอทั้ง ๆ ที่เธอไปอยู่เมืองนอกมาตั้งหลายปีแบบนั้นหรอก “ปกป้องแบบนี้ รักเขาใช่ไหมคะ” “ไม่ได้รัก” ผมปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิดทันที ต้องคิดอะไรอีก ในเมื่อผมไม่ได้รักเธอจริง ๆ “แค่ไม่อยากให้หม่าม้าเข้าใจพรีมผิด แค่นี้เธอคงอยู่ในช่วงเวลาที่แย่มากพอแล้ว” “มั่นใจใช่ไหมว่าเป็นลูกของตัวเอง” “นับเวลาที่เธอตั้งท้องกับคืนนั้นแล้วมันตรงกันครับม้า ผมเลยมั่นใจว่าพวกเขาเป็นลูกของผม” “พวกเขา?” ป๊าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยกับสรรพนามที่ผมใช้ ผมยังไม่ได้บอกทุกคนสินะว่ากำลังจะมีหลาน ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสอง “พรีมท้องแฝดครับ” “แฝด!!!!?” สามเสียงประสานกันดังลั่นจนแก้วหูผมแทบแตก แต่ละคนมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไป หม่าม้ายกมือขึ้นพัดลมเข้าหน้าตัวเอง ไม่รู้เพราะจะเป็นลมหรืออยากดับหัวร้อน ป๊ายืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ส่วนยัยครีม... “แฝดเหรอคะ ผู้ชายหรือผู้หญิง แฝดชายก็น่ารักดีนะคะ แต่ถ้าเป็นแฝดหญิงครีมต้องหลงหลานมากแน่ ๆ ครีมติดตามพี่พรีมในอินสตราแกรมอยู่ พี่เขาสวยยังกะนางฟ้า ถ้ามีแฝดผู้หญิงต้องมีแต่เด็กน่ารัก ๆ วิ่งเต็มบ้านไปหมด ครีม...” “ครีม เลิกเพ้อเจ้อ พาม้าเข้าบ้าน” หม่าม้าเอ่ยขึ้นดับฝันของครีมจนยัยนั่นทำหน้าหงอย แต่ก็ยอมเข้าไปจับแขนอวบนั้นไว้แต่โดยดี “ป๊าคุยกับลูกเองก็แล้วกัน ม้าไม่อยากยุ่งแล้ว จะเอายังไงก็เอาเถอะ” “ม้า...” หม่าม้าปรายตามองผม ก่อนจะทำเหมือนผมเป็นแค่นกแค่กาที่ไม่น่าสนใจและเดินกลับเข้าบ้านไป ปล่อยให้ผมอยู่กับป๊าตามลำพัง “คริส...เรามาคุยแบบลูกผู้ชายเลยนะ” ป๊าทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม สีหน้าของท่านจริงจังกว่าตอนแรกมาก “ป๊าสอนคริสว่ายังไง จำได้บ้างไหม” “จำได้ครับ วันนั้นคริสก็ป้องกัน แต่มันน่าจะรั่วหรือขาด เพราะคริสลืมเช็กก่อนทิ้ง” “แล้วคริสรู้ได้ยังไงว่าเขาท้อง” “เรื่องมันยาวมากครับป๊า เอาเป็นว่าคริสรู้จากแม่ของเขา เพราะตัวเขาหอบลูกหนีไปออสเตรเลียแล้ว” ผมตอบเลี่ยง ๆ ไป ถ้าบอกป๊าไปตรง ๆ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงคงคุยกันวันเดียวไม่จบ ความสัมพันธ์ทุกอย่างมันซับซ้อนจนบางทีผมเองก็ไม่เข้าใจ “หนีไปแบบนั้นแปลว่าเขาไม่อยากให้คริสรับผิดชอบ” “คริสก็คิดว่าแบบนั้นครับ” “แล้วทีนี้คิดไว้หรือยังว่าจะทำยังไงต่อ” ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อป๊าถามแบบนั้น ผมเองก็รู้เรื่องนี้ก่อนที่ป๊าจะออกมาเจอไม่นาน อย่าว่าแต่ทางแก้ปัญหาเลย ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกยังไงดีกับการที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน “ผมยังคิดไม่ออกเลยครับ” “จำที่ป๊าสอนตอนเด็ก ๆ ได้ไหม เป็นลูกผู้ชาย กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นก็อย่าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย” “แต่...คริสไม่ได้รักเขา” “ป๊าเชื่อว่าเขาเองก็ไม่ได้รักคริส ไม่อย่างนั้นคงไม่หนีไปแบบนั้น” ผมพยักหน้ารับ เราสองคนไม่ได้รักกัน ไม่มีแม้แต่ความผูกพันต่อกันเลยด้วยซ้ำ “แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญความยากลำบากเพียงลำพัง ต้องแบกทั้งท้อง ทั้งความอับอายที่ท้องไม่มีพ่อ แล้วยังต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอีก คริสว่าผู้หญิงคนหนึ่งควรได้รับอะไรแบบหรือเปล่า” “ไม่ควรครับ” “ใช่ไหม การมีลูกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ป๊ากับม้ามีคริสกับครีมห่างกันตั้งเกือบสี่ปี เราช่วยกันเลี้ยงแถมมีพี่เลี้ยงอีกหนึ่งคนยังแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วเธอคนนั้นที่ต้องเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวเองในอนาคตล่ะ” ผมนิ่งและคิดตามที่ป๊าพูด เรื่องการสร้างครอบครัวไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน หรือถ้าอย่างน้อยจะต้องแต่งงานกับใครก็อยากให้เลยสามสิบไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมีปัจจัยที่สำคัญเข้ามาทำให้ผมต้องคิดใหม่ เด็กสองคนที่กำลังจะเกิดมาไม่ผิดอะไรเลย เรื่องความรู้สึกมันสำคัญก็จริง แต่ความรับผิดชอบก็สำคัญไม่แพ้กัน ตอนนี้พรีมแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวอย่างกล้าหาญ และผมล่ะ กำลังลังเลเพียงเพราะหวงชีวิตโสดของตัวเองอย่างนั้นเหรอ? ”คิดให้ดี ๆ นะคริส จะเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งและกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว หรือจะทำหน้าที่ลูกผู้ชายและพ่อที่ดีคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้ป๊าเชื่อว่าคริสตัดสินใจได้เองอยู่แล้ว” “ครับป๊า ผมตัดสินใจได้แล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD