ฟางไทเฮาปรี่เข้ามาที่หานรั่วหลาน อย่างไม่มีผู้ใดจะทันได้คาดคิดและครั้งนี้เฉินหลิวหยางเพียงจ้องมองการกระทำของผู้เป็นมารดา โดยไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาขวาง แต่ก่อนที่พระนางจะทันได้ถึงตัวของหญิงสาว หานรั่วหลานก็สามารถพลิกตัวหลบไปได้อย่างที่ไม่มีผู้ใดจะทันได้คาดคิด 'ขยะที่ไม่มีแม้แต่ปราณธาตุ เหตุใดถึงสามารถดิ้นหลุดจากเงื้อมมือของไทเฮาได้' นี่คือคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคน
"นี่เจ้า…!? "
"อย่าลืมว่าพระองค์ตอนนี้คือไทเฮาของแผ่นดิน การจะสั่งลงโทษผู้ใดสักคน ควรที่จะมีหลักฐานอย่าทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ หาว่าพระองค์เป็นยายแก่ที่แก่ไปวันๆ ไร้ซึ่งเหตุผล ที่อยากทำร้ายใคร ก็บังคับขู่เข็ญด้วยอำนาจ เช่นนั้นความศรัทธาในตัวพระองค์จะไม่หลงเหลืออีก ไหนล่ะเพคะหลักฐาน ที่ว่าหม่อมฉันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง"
หานรั่วหลานหรี่ตา "และที่สำคัญ น้องสาวของหม่อมฉัน ตั้งครรภ์จริงหรือไม่… หรือว่าแท้จริงแล้วนางเพียงหลอกลวงผู้อื่นอยู่"
"ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังคิดจะใส่ร้ายอี้เอ๋อร์อีกหรือเจ้านี่มันขยะที่ไร้ซึ่งคุณค่าจริงๆ แม้แต่ขอทานข้างถนนยังมีปราณธาตุ แล้วตัวเจ้าล่ะเป็นอะไร ด้อยค่ายิ่งกว่าสัตว์ตัวหนึ่งด้วยซ้ำ"
"เพราะหม่อมฉันไม่มีปราณธาตุ ถึงไม่สามารถวัดค่าความเป็นมนุษย์ได้เลยหรือ การกล่าวเช่นนี้ของพระองค์ ทำให้รู้ถึงจิตใจที่แท้จริงเหลือเกิน พระองค์มองคุณค่าของชีวิตมนุษย์คนหนึ่งแค่เพียงว่าคนผู้นั้นสามารถทำอะไรให้กับพระองค์ได้ ชื่อเสียงอำนาจเกียรติยศเหล่านั้นก็พอหรือ ในเมื่อหม่อมฉันไม่มีปราณธาตุที่จะสามารถเชิดชู หรือทำประโยชน์อันใดให้กับพระองค์ได้ ก็เลยถูกเกลียดชังใช่หรือไม่"
"เจ้า…!!! ราชองครักษ์ยืนเฉยอยู่ทำไมมาจับนางไป ประหารบัดเดี๋ยวนี้"
"ช้าก่อน… ก่อนหน้านี้ลูกถามว่าหลักฐานคือสิ่งใด เสด็จแม่ยังทรงไม่ตอบลูกอยู่ อย่างที่นางกล่าวการจะเอาผิดผู้ใดควรจะมีหลักฐาน" เฉินหลิวหยางก้าวออกมาขวางราชองครักษ์เหล่านั้นเอาไว้
"นี่เจ้ายังต้องการจะปกป้องนางจิ้งจอกผู้นี้อยู่อีกหรือ สตรีไร้ค่าผู้นี้ไม่คู่ควรที่เจ้าจะปกป้องนางหรอก"
"ลูกเพียงกำลังรู้สึกว่าเสด็จแม่ไม่ทรงมีเหตุผลเอาเสียเลย หากมีหลักฐานลูกก็พร้อมที่จะเอาผิดนาง ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้างที่ผู้ใดก็มายัดเยียดทำร้ายผู้อื่นได้เช่นนี้"
หานรั่วหลานทอดมอง เฉินหลิวหยางด้วยแววตาปลาบปลื้มชั่วครู่ สิ่งที่นางหลงใหลในตัวบุรุษผู้นี้ อีกข้อหนึ่งก็คือ เพราะเขาเป็นคนมีหลักการ ไม่ใช่ไร้สมองเชื่อฟังมารดาอย่างไร้เหตุผล นางเชื่อว่าด้วยคุณสมบัติข้อนี้ เขาจะสามารถปกป้องนางได้
"ตอนนี้ยังไม่มี แต่ให้เวลาแม่อีกสักนิด แน่นอนว่าย่อมต้องหาหลักฐานมาเอาผิดนางจิ้งจอกนี้ได้ หากไม่ใช่นางจะยังเป็นผู้ใดได้อีก ที่คิดจะทำร้ายลูกในครรภ์ของอี้เอ๋อร์ นางเป็นสตรีที่มีจิตใจดี ผู้ใดย่อมต้องปรารถนาดีกับนาง จะมีเพียงแค่นางจิ้งจอกเก้าหางผู้นี้ ที่รู้สึกเคียดแค้นชิงชังน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง ถึงขนาดเอ่ยปากให้เจ้าเป็นคนกำจัดลูกในครรภ์ของอี้เอ๋อร์ออก นอกจากนางแม่ก็ไม่สามารถคิดว่าจะมีผู้อื่นได้อีก"
"ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ ที่ข้าจะกล่าวเช่นนั้นคำว่าสตรีที่แพศยาควรจะใช้กับน้องรองมากกว่า ถึงจะเหมาะสม มาพึ่งใบบุญของผู้อื่น เพื่อหลบลมแดดลมฝน แต่กลับฉี่รดบนเรือน ทำลายครอบครัวของข้าจนแปลกแยกเช่นนี้ หม่อมฉันก็มีสิทธิ์ที่จะโกรธเคืองนาง หากไทเฮาทรงถูกคนที่ไว้ใจได้ทั้งสองคนหักหลัง พระองค์จะรู้สึกเช่นไรบ้าง ทั้งสามีและน้องสาวที่หม่อมฉันรัก ยังอยากจะมองหน้าและพูดดีกับพวกเขาอยู่อีกหรือไม่"
หานรั่วหลานมีดวงหน้าที่เย็นชามากขึ้น หญิงสาวกวาดมองทุกคนที่อยู่ภายในห้อง "พวกนางสองแม่ลูกร่วมกันวางแผนนี้มาตั้งแต่แรก โดยมีพระองค์ร่วมเป็นพยาน เพราะรู้สึกว่าสะใภ้อย่างหม่อมฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นสะใภ้หลวง ส่วนสามีที่หม่อมฉันไว้ใจ ก็หักหลังหม่อมฉันได้อย่างเลือดเย็น มีเหตุผลใดบ้าง ที่หม่อมฉันไม่ควรที่จะโกรธเคือง แต่ก็เอาเถอะ ต่อให้พูดไปเสียยืดยาว พวกท่านก็มองว่า หม่อมฉัน ใจคอคับแคบอยู่ดี แต่การจะกำจัดหม่อมฉันทิ้งด้วยวิธีตื้นเขินเช่นนี้ ดูจะไม่สมเป็นไทเฮา ที่ผ่านขวากหนามมาอย่างโชกโชนจนถึงทุกวันนี้ได้เลยนะเพคะ หากจะเล่นงานหม่อมฉันจริงๆ ควรจะหาวิธีที่แยบยลกว่านี้ในครั้งหน้า"
เมื่อนางกล่าวเสร็จดวงหน้าก็ไปหยุดลงที่ เฉินหลิวหยาง นางสบตาเขานิ่ง "ตอนนี้ท่านคงลืมทุกอย่างระหว่างเราไปเสียสิ้น แต่ข้าเชื่อเสมอ ว่าในความรู้สึกลึกๆ " นางเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้นพร้อมใช้นิ้วมือจิ้มเข้าที่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่าย "บริเวณนี้ท่านยังคงมีข้าอยู่ ก่อนที่ท่านจะลืมเรื่องราวของเราทั้งหมด ก่อนหน้านี้ท่านบอกข้าว่าท่านรักข้า ให้เชื่อในตัวท่านอีกสักครั้ง เมื่อครู่ขอบคุณมากที่จะลงมือกับไทเฮาเพื่อข้า แต่หลังจากนี้ไม่จำเป็นแล้ว เพราะข้าดูแลตนเองได้"
นางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นหม่นแสงลง "ตอนนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ความรู้สึกที่ท่านมีกับข้าในตอนนี้ คงเป็นเพียงสตรีแปลกหน้า และความรู้สึกที่ข้ามีให้ท่านตอนนี้คือความผิดหวังที่ถูกหักหลัง หากเป็นในตอนที่ท่านยังไม่ร่วมเตียงกับนาง ข้าคงยินดีจะบอกกับท่านเสมอว่าข้ายินดีที่จะรอและเชื่อในตัวท่านเสมอ ป๋อเหวินการที่ข้าเป็นสตรีไร้ค่า มันทำให้ชีวิตของพวกเรามีอุปสรรคมากมาย งั้นต่อจากนี้ท่านรออยู่ตรงนั้น ข้าจะเป็นฝ่ายเดินขึ้นไปอยู่เคียงข้างท่านเอง หากท่านสามารถพิสูจน์ได้ว่าท่านคู่ควรกับความรักที่ข้ามีให้ ในเมื่อท่านขอการให้อภัยจากข้า งั้นข้าจะลองพิจารณาดู แต่มันต้องขึ้นอยู่กับตัวท่าน ที่จะสามารถพิสูจน์ได้เช่นไรทั้งที่ท่านลืมข้าไปแล้ว เสียจนหมดสิ้นเช่นนี้"
"หยางเอ๋อร์เจ้าอย่าให้คำพูดของนางจิ้งจอกนี้มาหลอกลวงเจ้าอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าที่เจ็บปวดกับการกระทำของนางมาก จนขอให้แม่เป็นผู้ลบความทรงจำของเจ้าเอง"
"ข้าก็เคยได้ยินถึงปราณธาตุเกี่ยวกับการลบความทรงจำนี้อยู่บ้าง แต่มิคิดว่ามันจะมีอยู่จริง เมื่อสักครู่นี้ ฟางไทเฮาคงจะใช้พลังนั้นเพื่อลดความทรงจำของผู้คนในตำหนักนี้ทั้งหมด หากท่านอยากรู้ความจริง ข้าคิดว่าฝ่าบาทคงจะให้คำตอบแก่ท่านอ๋องได้ และอาจจะมีองครักษ์เงาบางส่วน ที่ท่านส่งออกไปสืบความบางอย่างด้วย ที่จะสามารถตอบคำถามนี้แก่ท่านได้ตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด"
เฉินหลิวหยางมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น สายตาของเขาเริ่มวูบไหว นี่นางถึงขนาดรู้ว่าตนเองมีองครักษ์เงาข้างกายอย่างนั้นหรือ ไหนว่านางเป็นขยะที่ไร้ซึ่งปราณธาตุ เช่นนั้นก็ต้องเป็นตัวเขาเองที่บอกเรื่องนี้กับนางใช่หรือไม่ ชายหนุ่มเกิดความสับสนขึ้นมา การที่เขาจะบอกความลับนี้แก่ผู้ใดสักคน แสดงว่าเขาจะต้องเชื่อใจคนผู้นั้นมาก ตอนนี้เขาสามารถเชื่อคำพูดของผู้ใดได้บ้าง
ฟางไทเฮามีดวงหน้าที่ขาวซีดขึ้น ท่าทีร้อนรนนั้นทำให้เฉินหลิวหยางต้องหรี่ตาลง ฟางไทเฮากำหมัดแน่น ก่อนหน้านี้พระนางบันดาลโทสะ ที่โอรสเพียงพระองค์เดียวถึงขนาดจะลงมือกับตนเอง จนลืมคิดไปว่า ถึงแม้จะสามารถลบความทรงจำเกี่ยวกับสตรีผู้นี้ออกไปได้ แต่ความทรงจำที่ๆ ผู้อื่นรับรู้ โดยเฉพาะฝ่าบาท ที่ทรงรับรู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาเป็นอย่างดีมิเท่ากับว่าตอนนี้พระนางลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ
"หยางเอ๋อร์แม่ไม่รู้ว่าเจ้าหลงใหลอันใดในตัวนางจิ้งจอกนี้ แต่ทุกคนรับรู้ว่าเจ้า ปฏิบัติกับนางอย่างดีเสมอ หากไปถามความจากผู้อื่น ความจริงข้อนี้ก็จะทำให้ปรากฏขึ้นโดยไร้ซึ่งข้อเท็จจริง แต่หลังจากที่เจ้าได้รับรู้ว่าอี้เอ๋อร์กำลังจะให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า เจ้าก็ดีใจมาก เพราะตัวเจ้าเองก็คาดหวังที่จะมีทายาท แต่ นางจิ้งจอกตัวนี้ไม่สามารถทำให้กับเจ้าได้ เมื่อรู้ว่าสตรีอันเป็นที่รักของตนเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า เจ้าจึงรู้สึกผิดหวัง จนไม่สามารถลงมือกับนางได้ จึงขอให้แม่ลบความทรงจำที่เกี่ยวกับนางทั้งหมด แม่หาได้โกหกเจ้าแต่อย่างใด ทุกอย่างล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เจ้ากระทำการโดยอารมณ์ชั่ววูบเพราะรู้สึกผิดหวัง"
ในที่สุดหานรั่วหลานก็หัวเราะออกมา คล้ายกับได้ฟังเรื่องตลก "เมื่อฟางไทเฮาทรงทราบว่านี่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่พระองค์ก็ไม่ลังเลแม้สักนิดที่จะสละพลังครึ่งหนึ่ง เพื่อทำตามคำขอของพระโอรสเลยหรือ คำกล่าวนี้ ฟังดูแล้วให้รู้สึกขัดแย้งยิ่งนัก"
"เจ้า…!!!" ฟางไทเฮาชี้หน้าหานรั่วหลานอย่างเคียดแค้นชิงชัง พระวรกายสั่นเทาจนยากจะระงับ
"ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว หลักฐานเอาผิดหม่อมฉันก็ไม่มี งั้นหม่อมฉันขอตัวนะเพคะ"
หานรั่วหลานกล่าวเสร็จ ก็ไม่รอให้ผู้ใดอนุญาต นางได้ยินเพียง เสียงตะโกนด่าไล่หลังของฟางไทเฮา "เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะนางจิ้งจอก"
หญิงสาวจึงได้หันกลับมา พร้อมทั้งเอ่ยว่า "ฟางไทเฮาหยุดเสียทีเถิดเพคะ ยิ่งทำเช่นนี้ยิ่งมีพิรุธ จนหม่อมฉันแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ทรงอุตส่าห์สละปราณธาตุไปถึงครึ่งหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมากลับเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกขบขันเช่นนี้"
กว่าที่พระนางจะตั้งสติได้ หานรั่วหลานก็เดินออกมาจนถึงลานกว้างของตำหนักแล้ว พระนางจึงรีบ สั่งทหารราชองครักษ์ที่นำมาด้วยว่า "ไปจับนางจิ้งจอกนั่นกลับมา อย่างน้อยๆ วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนนางให้รู้สึกสำนึกเสียบ้าง"
เฉินหลิวหยางเองก็ตามออกมา เพื่อหมายจะปกป้องนางจากราชองครักษ์เหล่านั้น เขารู้สึก ว่าการกระทำของมารดาดูจะไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ก็พอดีกันกับที่เห็นหญิงสาวจุดพลุขึ้นไปบนท้องฟ้า จนเกิดประกายไฟสีแดงสว่างวาบไปทั่ว
"นั่นเจ้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากผู้ใด ขยะเช่นเจ้าจะมีพันธมิตรพอที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้หรือ ขยะก็ต้องคบกันกับพวกขยะ"
หานรั่วหลานยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก แววตาของนางทอดมองอีกฝ่ายคล้ายกับกำลังกดข่มอารมณ์ของตนเองให้สงบลง
"พันธมิตรของหม่อมฉันเป็นผู้ที่แม้นแต่ไทเฮาเองก็ไม่ทรงจะคาดถึงเลยล่ะเพคะ ในเมื่อฟางไทเฮาทรงดูถูกหม่อมฉัน ว่าเป็นขยะไร้ค่า งั้นหม่อมฉันก็จะแสดงให้พระองค์ดูว่าขยะเช่นหม่อมฉันสามารถทำให้ทั้งห้าแคว้นนี้สะเทือนเลื่อนลั่นได้ถึงเพียงใด"
ฟางไทเฮาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พระนางทอดมองหานรั่วหลานด้วยสายตาสมเพชเวทนา "อย่างเจ้านะหรือ เจ้ากำลังละเมออยู่หรือไร คิดว่าตนเองมีอำนาจอันใดถึงจะสามารถทำให้ทั้งห้าแคว้นเกิดการสั่นคลอนได้ แค่เพียงสู้กับขอทานข้างถนน เจ้ายังไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยซ้ำ ช่างไม่ดู ความสามารถของตนเองเอาเสียเลย"
.............................