หลังจากจัดการปีศาจตาเดียวได้แล้ว โคลินก็ได้รับความดีความชอบจากยมทูตเงาและทูตสวรรค์ทั้งสามคน
พวกเขาจึงเชิญโคลินไปดื่มน้ำชารักษาอาการบาดเจ็บแบบเร่งด่วนที่แดนปรโลก
โคลินมองน้ำชากลิ่นกุหลาบผสมคาโมมายล์สีชมพูเข้มอยู่ครู่หนึ่ง สองจิตสองใจว่าจะดื่มชาเพื่อรักษาหรือกลับไปทาเบตาดีนที่บ้านดีกว่ากัน ถึงจะหายช้ากว่าแต่ก็น่าจะดูดีกว่าน้ำประหลาดจากแดนปรโลกก็แล้วกัน
“เอ่อ คือ...” โคลินกำลังจะพูดปฏิเสธแต่เห็นหน้าของเอวาผู้เป็นเจ้าของร้านน้ำชาแดนปรโลกแล้วก็ไม่กล้าหือ กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งก่อนยกแก้วชาขึ้นมาดื่มรวดเดียว
“เอ่อ...” เซนอ้าปากค้างคิดจะห้ามแต่ไม่ทันการ
มาริอุสยิ้มแป้นที่เห็นเช่นนั้น เขากลั้นหัวเราะไว้แทบไม่อยู่ ส่วนสกาเล็ตถอนหายใจเฮือกใหญ่
โคลินมองหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น เริ่มตาลาย ภาพที่เห็นหมุนวนเป็นวงกลมเหมือนแคนดี้
“ทำไม ผม...” โคลินภาพตัดกระทันหันจนเซนต้องรีบเอามือรองศีรษะของเขาไม่ให้โขกโต๊ะ
“เอวา คุณก็ทำหน้าจริงจังไปได้” เซนหันไปเอ็ดเพราะนิสัยชอบแกล้งคนของเธอ
จริง ๆ แล้วเอวาคือผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งในแดนปรโลกแห่งนี้ ร้านน้ำชาของเธอมีไว้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากต่อสู้กับปีศาจ ทั้งยังเป็นที่พักระหว่างทางของเหล่าวิญญาณที่จะเดินเข้าไปในแดนพิพากษา
ดื่มชาเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่หวาดกลับยามต้องเผชิญหน้ากับผู้พิพากษาชีวิตในโลกหลังความตาย
“ฉันจะไปส่งเขาที่บ้าน” เซนบอกกับทุกคนก่อนจะอุ้มร่างของโคลิน
“ไปด้วย” เสียงของมาริอุสดังขึ้น
“ไม่ต้อง” เซนห้ามเขาเพราะพักนี้เห็นหน้าอีกฝ่ายจนเบื่อแล้ว
“ปะ!” มาริอุสพูดแค่นั้นก็พาคนทั้งคู่หายวับไปในพริบตาโดยที่คนห้ามไม่อาจปฏิเสธได้ทัน
มาริอุสและเซนพาโคลินมาส่งที่บ้าน น้ำชาที่เขาดื่มเข้าไปจะมีผลต่อร่างกายมนุษย์มากกว่าวิญญาณหรือพวกเหนือมนุษย์อย่างพวกเขา โคลินจึงนอนสลบไสลไปสามวันเป็นอย่างต่ำ
นับตั้งแต่นั้นมาเขาจึงระมัดระวังไม่ดื่มของแปลก ๆ จากที่ไหนอีกเลย
หลังจากนั้นไม่นาน โคลินก็เรียนจบและเข้าทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนเซนต์เซเวียร์ใจกลางเมืองเลนอร์ ประจำวอร์ดผู้ป่วยในชั้นสี่
------------------------------------------------------------------
งานเลี้ยงวันเกิดของไอรีนซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของโคลินจัดขึ้นไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก โคลินตั้งใจไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนฝูงพักหนึ่งก่อนจะขอตัวกลับบ้านมาพักผ่อนร่างกายที่ยังคงบาดเจ็บเล็กน้อย
ทว่า คืนนั้นเป็นคืนที่ช่วงคาบเกี่ยวเกิดก่อนเวลา ทำให้ปีศาจหลั่งไหลเข้ามาในโลกมนุษย์จำนวนมาก เขาจึงต้องปะทะกับพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจ
โคลินใช้เวลาตลอดช่วงเช้าของอีกวันนอนพักผ่อนร่างกายจากการปะทะกับปีศาจเมื่อคืนนี้จนบาดแผลต่าง ๆ กลับมาหายเป็นปกติ
ต้องขอบคุณน้ำชาจากร้านเอวาที่เขาสาบานว่าจะไม่ดื่มมันแล้วแต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากคนที่เชื่อใจได้อย่างเซน เขาจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย
จากนั้นไม่นาน โคลินก็เตรียมตัวไปทำงานเวรบ่ายตามตารางสัปดาห์นี้ ครั้นมาถึงวอร์ดชั้นสี่แล้ว โคลินก็ดูชาร์ตบันทึกอาการของคนไข้แล้วเริ่มตระเตรียมยาหลังอาหารเย็นตามคำสั่งของแพทย์
“พี่ครับ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว มีเรื่องอื่นให้ผมยืมไหม” นีโอที่เป็นคนไข้ประจำวอร์ดถามเขาทันที่ได้เห็นหน้าพยาบาลคนโปรด
“ทำไมนายอ่านเร็วจัง ตอนกลางคืนไม่ยอมนอนใช่ไหม” โคลินเลิกคิ้ว พลางตรวจชีพจรเด็กหนุ่มวัยสิบแปด
“ช่วยไม่ได้ นิยายเรื่องที่พี่เอามาให้สนุกทุกเรื่องเลย” นีโอยิ้มแป้นมองหน้าโคลิน
หากเขาจะรู้สึกผูกพันกับโคลินคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อสองสามเดือนก่อน นีโอเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนที่หาร่างของตัวเองไม่เจอ
วันนั้นโคลินตามล่าวิญญาณร้ายตัวหนึ่งมาที่แถวสวนสาธารณะถัดไปหนึ่งสถานีจากโรงพยาบาล บังเอิญเจอเขากำลังนั่งเขี่ยต้นหญ้าริมถนนเพียงลำพัง
ดูเผิน ๆ คิดว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่วิญญาณร้ายที่เขาไล่ตามกลับกระโดดเกาะหลังนีโอพยายามจะดูดกลืนวิญญาณของเขามาเพิ่มพลังให้ตัวเอง
ตอนแรกโคลินตั้งใจจะไว้ชีวิตวิญญาณร้ายตัวนั้นเผื่อว่ามันจะกลับตัวกลับใจยอมรับการพิพากษา แต่รูปร่างของมันเปลี่ยนไปมากเพียงชั่ววินาที ซ้ำยังตั้งใจทำร้ายวิญญาณบริสุทธิ์อีก โคลินจึงไม่อาจปล่อยไว้ได้
เขาปาดาบเงินของตัวเองแบบจงใจให้มันทะลุร่างวิญญาณของนีโอแล้วโผล่ไปสังหารร่างวิญญาณร้าย
วิญญาณทั้งสองมองหน้าโคลินอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้ ก่อนที่ร่างวิญญาณร้ายจะสลายไปกับสายลม
นีโอทรุดเข่าลงกับพื้นคิดว่าตัวเองต้องตายอีกรอบ รำพึงรำพันอยู่นานจนโคลินต้องเข้ามาปลอบ
กระบวนท่าเมื่อครู่เป็นหนึ่งในทักษะใหม่ที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้ตอนที่ฝึกต่อสู้กับเซนและมาริอุส และคงจะกะทันหันไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า หน้าตาของวิญญาณเด็กหนุ่มจึงซีดเหมือนไก่ต้ม
“อ๋า พี่ขอโทษ ไม่เป็นไรนะ” โคลินลูบหลังปลอบใจนีโอ
“...” เขาเงยหน้ามองโคลิน เมื่อครู่ไม่ทันได้เห็นว่าใครเป็นคนปาดาบเล่มนั้นมาหาเขาเพราะมัวแต่ตกใจที่วิญญาณร้ายมาเกาะหลัง
“เอาน่า ๆ ดูสิ นายยังอยู่ดีนี่นา ไม่มีรอยแผลขีดข่วนเลยด้วย” โคลินจิ้มไปที่แขนของเขาแล้วยิ้มให้
“...”
“ตกใจจนพูดไม่ได้เลยเหรอ”
“เมื่อกี้ มีตัวอะไรไม่รู้มาเกาะที่หลังผมด้วยอ่ะ หน้าตามันงี้เหมือนผีในหนังสยองขวัญเลย” นีโอเบ้ปาก ที่แท้ยังคงตกใจไม่หาย
“พี่ไล่มันไปแล้ว นายไม่ต้องห่วง” โคลินลุกขึ้นยืน แล้วถามเขา “นายชื่ออะไร ทำไมถึงมานั่งคนเดียวตรงนี้แล้วยมทูตของนายหายไปไหน”
“หืม ยมทูตของผมเหรอ พี่หมายความว่ายังไง” นีโอเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่โคลินพูด หน้าตาดูสับสนไม่น้อย
“ใช่ไง ยมทูตที่จะนำทางนายไปแดนปรโลก” โคลินกำลังจะพูดต่อแล้วนึกขึ้นได้ว่าวิญญาณของนีโอมีแสงสีขาวจาง ๆ โอบล้อมไว้อยู่
“เอ๊ะ หรือว่านายแค่วิญญาณหลุดออกจากร่าง”
“หืม วิญญาณหลุดออกจากร่าง นี่พี่พูดอะไรเพ้อเจ้อตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ สติพี่ยังดีอยู่ดีไหม” นีโอชักจะเข้าใจว่าตัวเองกำลังพูดกับคนบ้าเสียแล้ว
“เป็นอย่างนี้เองสินะ” เขาพยักหน้า เข้าใจแล้วว่านีโอเป็นวิญญาณหลุดออกจากร่าง คงจะเกิดอุบัติเหตุอะไรสักอย่างกับเขาจนหาร่างตัวเองไม่เจอ “นี่นาย ตั้งใจฟังฉันนะ”
ต่อจากนั้นโคลินก็อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้นีโอฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ช่วยเขาหาข้อมูลว่าตัวเองเป็นใครเพราะนีโอจำอะไรไม่ได้เลย
ความทรงจำสุดท้ายที่เหลืออยู่คือสี่แยกไฟแดงสถานีรถไฟใต้ดินปาร์กที่เขากำลังเดินข้ามทางม้าลายตอนสัญญาณคนเดินเป็นสีเขียวแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไป
โคลินใช้เวลาสืบหาข้อมูลของนีโออยู่หลายอาทิตย์ ต่างคนต่างช่วยงานกันจนรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น
ในที่สุด นีโอก็ได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เขาคือเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ในห้องไอซียูโรงพยาบาลเดียวกับที่โคลินทำงานอยู่
“พี่ ถ้าผมเข้าร่างแล้ว ผมจะจำพี่ได้ไหม” เขาถามโคลิน สีหน้าเป็นกังวลไม่อยากลืมเรื่องราวที่ได้พบเจอกัน
“อืม ไม่รู้สิ แต่นีโอ แค่นายฟื้นขึ้นมา ฉันก็ดีใจมากแล้ว ถึงนายจะจำฉันไม่ได้ แต่ฉันไม่เคยลืมนายหรอกนะ” โคลินลูบศีรษะของคนตรงหน้าที่พยายามออดอ้อน
“พี่สัญญานะว่าจะไม่ลืมผม” นีโอรอคำตอบจากเขา
“อื้ม” โคลินยิ้มให้นีโอแล้วบอกให้เขารีบเข้าร่างตัวเองก่อนที่วิญญาณจะอ่อนแอไปมากกว่านี้
ไม่กี่วันต่อมา นีโอก็ฟื้นได้สติ ครอบครัวของเขาดีใจมากที่ได้ลูกชายของตนเองกลับมา ก้มหัวขอบคุณหมอพยาบาลที่ดูแลเป็นอย่างดี
สุดท้ายแล้วหมอก็สั่งให้เขาพักฟื้นต่ออีกสองสามอาทิตย์เพื่อดูอาการ แล้วเตียงของเขาก็ถูกย้ายขึ้นมาที่วอร์ดชั้นสี่ของโคลิน
ตอนที่นีโอเห็นโคลินเป็นครั้งแรก เขาจำพี่ชายคนนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกได้ว่าผูกพันมากนัก เขายิ้มให้โคลินที่กำลังเดินมาหาเขาที่เตียงเพื่อตรวจชีพจร
นับแต่นั้น ทั้งคู่ก็กลายเป็นพี่น้องที่สนิทกันประจำวอร์ดชั้นสี่จนเพื่อนร่วมงานถึงกับแซวโคลินว่ามีน้องชายคนใหม่
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดเรื่องนิยายเรื่องใหม่ จู่ ๆ โคลินก็รู้สึกขนลุก สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา พลางเห็นเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินบินเข้ามาใกล้ตึกโรงพยาบาล
สงสัยมีคนไข้ฉุกเฉินล่ะมั้ง โคลินคิดในใจแล้วหันไปพูดคุยกับนีโอต่อ