ตอนที่ 8 ลิขิตสวรรค์ชักนำ 1

3604 Words
ในขณะเดียวกัน ภายในท้องพระโรงของแคว้นจ้าวในขณะนี้ บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างถูกเรียกตัวให้มาเข้าเฝ้าเป็นการด่วนเพื่อหารือและวางแผนออกปกป้องแคว้นอย่างเร่งด่วน ด้วยแคว้นเว่ยซึ่งเป็นหนึ่งในแคว้นใหญ่เวลานี้ได้ยกทัพมาตีเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นจ้าวไปเป็นของตนจนแตกพ่ายไปแล้วหลายสิบแคว้น และนั่นหมายถึงแคว้นเว่ยได้ประกาศทำสงครามกับแคว้นจ้าวอย่างเปิดเผย พระโอรสของจางเหว่ยฮ่องเต้ต่างมาเข้าเฝ้าตามพระบัญชากันอย่างครบครัน จะเหลือก็แต่เพียงองค์ชายเก้าจ้าวเฟยหลงเท่านั้นที่ยังเสด็จมาไม่ถึง ท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้ซึ่งกำลังทอดพระเนตรบรรดาพระโอรสของพระองค์ภายในท้องพระโรงอยู่ในขณะนี้ “องค์ชายเก้ายังมาไม่ถึงอีกอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามถึงพระโอรสองค์สุดท้อง บรรดาองค์ชายอื่นๆ ต่างหันกลับมามองลำดับที่ทรงยืนอยู่ในขณะนี้ตามลำดับอาวุโสและฐานันดรที่ทรงได้รับ แม้ว่าองค์ชายจ้าวเฟยหลงจะเป็นพระโอรสองค์ที่เก้าและเป็นองค์สุดท้องก็ตาม แต่ด้วยทรงประสูติจากฮองเฮาจึงทรงมีลำดับฐานันดรศักดิ์อยู่เป็นอันดับแรก และอยู่แถวหน้าพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้ ในจำนวนพระโอรสทั้งหมดที่ประสูติจากบรรดากุ้ยเฟยและเหล่าฟูเหรินต่างๆ ก่อนจะได้ยินสุรเสียงขององค์รัชทายาทมีถ้อยรับสั่งกราบทูลขึ้นมา “กราบทูลเสด็จพ่อ เห็นทีน้องเก้าคงไม่มาร่วมหารือเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ แต่ไหนแต่ไรมาก็มิเคยเข้ามาร่วมปรึกษาและหารือกิจการบ้านเมืองของแคว้นแต่อย่างใดสักครา วันๆ ถ้าไม่ดีดฉินก็ชงชาหรือไม่ก็คิดค้นศาสตราวุธรูปร่างประหลาดอยู่ร่ำไป ลูกคิดว่าพระบิดาอย่าเสียเวลากับความไม่เอาถ่านของน้องเก้าอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ ทรงเปิดข้อหารือการศึกของแคว้นจ้าวที่จะต้องออกปกป้องดินแดนที่กำลังถูกแคว้นเว่ยบุกยึดครองในเวลานี้เลยจะดีกว่า” ถ้อยรับสั่งขององค์รัชทายาทจื่อห้าวทำให้องค์ฮ่องเต้ทรงส่ายพระเศียรไปมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียเลยเจ้าลูกคนนี้” รับสั่งอย่างระอา ก่อนจะได้ยินสุรเสียงทุ้มห้าว ทว่ากลับแฝงเร้นไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ในพระสุรเสียงพลันดังก้องขึ้น “ลูกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สุรเสียงรับสั่งดังขึ้น พระวรกายสูงใหญ่ในฉลองพระองค์สีขาวสะอาดตาปักดิ้นลวดลายอย่างงดงาม วรองค์ช่างน่าเกรงขามกำยำและบึกบึนปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูท้องพระโรง ท่ามกลางสายตาของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่มิค่อยได้เห็นพระโอรสองค์สุดท้องขององค์ฮ่องเต้เสียเท่าใดนัก ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ ในขณะที่ทรงพระดำเนินผ่านไปตลอดทางเดินที่ทอดยาว “โอ้โห! จะว่าไปแล้วองค์ชายเก้าทรงสง่างามยิ่งนัก พระสิริโฉมช่างงดงามเหนือกว่าองค์ชายอื่นๆ เสียนี่กระไร “องอาจ ผึ่งผายเช่นนี้ อัตลักษณ์ตามตำราคือยอดคนชัดๆ” “นั่นน่ะสิ! ข้าก็คิดเช่นนั้น เสียดายตรงที่ในความเป็นจริงแล้วคนละด้านสุดขั้วเลย” เสียงวิจารณ์เอ็ดอึงได้ยินไปทั่วทั้งพระโรง ท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายอื่นๆ ครั้นทรงทอดพระเนตรพระอนุชาองค์สุดท้องอยู่ในขณะนี้ แต่ละพระองค์หมั่นไส้และริษยาในความหล่อเหลาอย่างยิ่งยวดอย่างหาตัวจับยากขององค์ชายเก้าเสียนี่กระไร “มาแล้วอย่างนั้นรึหลงเอ๋อร์” องค์ฮ่องเต้รับสั่งสุรเสียงอ่อนโยนพลางทอดพระเนตรพระโอรสองค์สุดท้องเมื่อได้ทรงทอดพระเนตรความเปลี่ยนแปลงอันโดดเด่นเป็นอย่างมากปรากฏออกมาได้ยลอย่างชัดเจน “ลูกมาช้าขอพระบิดาทรงโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายรูปงามรับสั่งพร้อมยกพระหัตถ์ประสานเข้าหากันพร้อมขอพระราชทานอภัย “เจ้ามาก็ดีแล้ว จะได้ร่วมหารือกันเสียที” องค์ฮ่องเต้รับสั่งพร้อมทรงทอดพระเนตรพระโอรสองค์สุดท้องทรงกำลังพระดำเนินหันหลังกลับไปยืนในจุดที่เป็นตำแหน่งของพระองค์ พร้อมทรงมีรับสั่งถามขึ้น “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยเข้ามาร่วมหารือการประชุมของเหล่าขุนนางและของแคว้นแม้แต่น้อย แต่มาวันนี้เจ้ากลับมาปรากฏให้ข้าเห็นในท้องพระโรง ทำให้อดแปลกใจมิได้ ล่วงรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่จะหารือต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เจ้ามิพึงปรารถนาหากเข้าร่วมหารือ” ถ้อยรับสั่งของจางเหว่ยฮ่องเต้ทำให้พระโอรสองค์อื่นๆ แสยะพระโอษฐ์เหยียดหยันอย่างดูแคลนพระอนุชาออกมาทันที ด้วยทรงล่วงรู้อุปนิสัยส่วนตัวและชื่อเสียงความไม่เอาถ่านขององค์ชายจ้าวเฟยหลงนั่นเอง พระเนตรดั่งน้ำผึ้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ปรายสายพระเนตรไปทางเหล่าพระเชษฐา สายพระเนตรคมกริบสาดแสงกลิ่นอายสังหารออกมาโดยมิรู้พระองค์ เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงแก่ผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก จนเหล่าพระเชษฐาที่กำลังแสยะยิ้มเหยียดอย่างดูแคลนต่างขนหัวลุกตั้งชันขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ละพระองค์รีบปรับสีพระพักตร์ให้สงบนิ่งดั่งเดิมไม่เว้นแม้กระทั่งองค์ไทจื่อก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน “บัดซบสิ้นดี! เหตุใดข้าต้องพรั่นพรึงสายตาเจ้าคนไม่เอาถ่านเช่นนั้นด้วยเล่า น่าเจ็บใจยิ่งนัก เหตุใดต้องหลบสายตาคู่นั้นด้วย” องค์ไทจื่อรำพึงอยู่ภายในพระทัยด้วยความเจ็บพระทัยอย่างยิ่งยวด ที่มีความรู้สึกหวาดกลัวสายพระเนตรของพระอนุชาขึ้นมาอย่างไม่ปี่มีขลุ่ยเช่นนั้น ก่อนจะได้ยินสุรเสียงของพระอนุชาที่แสนชิงชังดังแทรกขึ้น “ลูกล่วงรู้ดีว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาช่างไม่เอาไหนเป็นยิ่งนัก ทำให้พระบิดาต้องทรงกลัดกลุ้มพระทัยมาโดยตลอด แต่ในเมื่อได้มีโอกาสมาร่วมหารือในวันนี้แล้ว ลูกก็จะทำให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายรูปงามรับสั่งตอบกลับไป “เชอะ! เจ้าเด็กเมื่อวานซืน คนไม่เอาถ่านเช่นเจ้าไฉนเลยจะมีความคิดอันเฉียบคมร่วมหารือเกี่ยวกับการทำสงครามระหว่างแคว้นได้ ปัญญาทึบของเจ้ามีหรือจะเทียบชั้นกับข้าได้” องค์รัชทายาทจื่อห้าวรับสั่งดูแคลนพระอนุชาอยู่ในพระทัยรวมไปถึงองค์ชายอื่นๆ ก็ทรงมีความคิดไม่แตกต่างกัน ก่อนจะได้ยินพระสุรเสียงขององค์ฮ่องเต้มีรับสั่งขึ้น “ถ้าเช่นนั้นก็ดี!” จางเหว่ยฮ่องเต้รับสั่งพร้อมพยักพระพักตร์ขึ้นลงอย่างพึงพอพระทัยเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น พร้อมมีรับสั่งสำทับขึ้น “ที่ข้าเรียกบรรดาเหล่าขุนนางรวมไปถึงพระโอรสของข้าทั้งหมดให้เข้าร่วมหารือในวันนี้ ก็เพราะว่าจะต้องจัดกองทหารออกต้านทัพของแคว้นเว่ยที่บุกยึดแคว้นน้อยใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นจ้าวให้นำกลับคืนมาให้ได้ ตอนนี้มีทั้งหมดสิบห้าแคว้นที่ถูกแคว้นเว่ยตีแตกไปแล้วและกำลังจะถูกบุกยึดขยายออกไปเป็นวงกว้าง พวกเจ้าทุกคนใครมีความเห็นจะเสนอบ้าง” องค์ฮ่องเต้รับสั่งถามกลับไป องค์รัชทายาทจื่อห้าวเสด็จก้าวออกมาทันทีเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “ลูกและเหล่าพระเชษฐารวมไปถึงพระอนุชาขออาสานำทัพออกยึดดินแดนที่ถูกแคว้นเว่ยตีแตกกลับคืนมาเองพ่ะย่ะค่ะพระบิดา แต่การทำสงครามครั้งนี้เห็นทีจะนำน้องเก้าไปร่วมรบหาได้ไม่ เพราะนอกจากจะไม่มีประสบการณ์และไม่เชี่ยวชาญการทำสงครามแล้ว ยังจะเป็นตัวถ่วงให้บรรดาพี่น้องต้องคอยเฝ้าระวังและเป็นห่วงเพิ่มขึ้นมาอีก” องค์รัชทายาทรับสั่งอย่างดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด จางเหว่ยฮ่องเต้หันกลับไปทอดพระเนตรพระโอรสองค์สุดท้องเมื่อได้ยินองค์รัชทายาทมีรับสั่งเช่นนั้น หากแต่ยังมิทันจะมีรับสั่ง สุรเสียงขององค์ชายรูปงามพลันดังแทรกขึ้นมาทันที “กราบทูลพระบิดา การทำสงครามระหว่างแคว้นจ้าวและเว่ยครั้งนี้ ขอได้โปรดประทานอนุญาตให้ลูกได้ร่วมรบกับบรรดาเจ้าพี่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าลูกไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำสงครามมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าหากไม่ให้โอกาสลูกได้ออกร่วมรบเพื่อให้มีประสบการณ์เกิดขึ้น ไฉนเลยจะล่วงรู้และมีการพัฒนาเกิดขึ้นกับตัวลูกเองได้เล่า หากแม้นในการไปครั้งนี้มีโอกาสสิ้นชีพในสนามรบก็ตามที แต่คุ้มค่าที่ได้พลีชีพเพื่อแผ่นดิน ถือได้ว่าแม้นตายก็สมศักดิ์ศรีที่ได้ทดแทนบุญคุณแผ่นดินแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ถ้อยกราบทูลของพระโอรสองค์สุดท้องทำให้จางเหว่ยฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ออกมาด้วยความพึงพอพระทัยเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้นก่อนจะได้ยินพระสุรเสียงขององค์ไทจื่อรับสั่งคัดค้านหัวชนฝา “กราบทูลพระบิดา แม้ว่าน้องเก้าจะอาสาเช่นนั้นก็ดี แต่ลูกมิเห็นด้วยแม้แต่น้อยที่จะให้ออกรบในครั้งนี้ เพราะสิ่งที่จะต้องเผชิญคือสนามรบหาใช่สนามเด็กเล่นในอุทยานหลวงแต่อย่างใด เกรงว่าการดื้อดึงของน้องเก้าที่ดึงดันจะไปให้ได้จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีพ่ะย่ะค่ะ” ถ้อยรับสั่งขององค์รัชทายาทเหน็บแนมออกมาเป็นระยะๆ โดยมีสุรเสียงขององค์ชายอื่นๆ สนับสนุนตามความคิดเห็นของพระองค์เช่นเดียวกัน “ขอพระบิดาทรงไตร่ตรองด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” บรรดาองค์ชายอื่นๆ กราบทูลออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “เอาละ! เอาละ! พวกเจ้าไม่ต้องออกความเห็นอะไรกันมากแล้ว ข้าจะตัดสินใจเองว่าควรจะให้อนุชาของพวกเจ้าออกร่วมรบด้วยในครั้งนี้หรือไม่ หากตอบคำถามของข้าได้ถูกต้อง” “พระบิดา!” องค์รัชทายาทรับสั่งขึ้นมาทันที หากแต่พลันต้องเงียบงันเมื่อพระหัตถ์ขององค์ฮ่องเต้ทรงยกขึ้นเป็นสัญญาณห้ามมิให้รับสั่งสิ่งใดอีก องค์รัชทายาทรวมไปถึงเหล่าองค์ชายอื่นๆ จึงต้องสงบปากสงบคำโดยพลัน จางเหว่ยฮ่องเต้ค่อยๆ หันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรพระโอรสองค์สุดท้อง “หลงเอ๋อร์!” รับสั่งกับพระโอรสองค์สุดท้อง “พ่ะย่ะค่ะพระบิดา” องค์ชายรูปงามขานรับสั่งทันที “หากข้าถามเจ้าว่า มีแผนการใดที่จะเอาตัวเองให้รอดชีวิตจากการทำสงครามกับแคว้นเว่ยมาด้วยวิธีใด อีกทั้งยังสามารถเอาชนะได้อีกด้วย เจ้าสามารถตอบได้หรือไม่” รับสั่งถามเพื่อทดสอบความสามารถพระโอรสองค์สุดท้อง องค์ชายรูปงามทรงยืนครุ่นคิดกับถ้อยรับสั่งของพระบิดาทันทีที่ทรงได้ยิน ตำราพิชัยสงครามที่ทรงจดจำได้ทั้งหมด รวมถึงแผนที่ของแคว้นต่างๆ ผุดขึ้นในความทรงจำและรายละเอียดในบันทึกของแคว้นตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อสองร้อยปีก่อนพรั่งพรูขึ้นมาทันที “กราบทูลพระบิดา นี่เป็นการแสดงความคิดเห็นของลูกเป็นครั้งแรก ผิดถูกเช่นไรได้โปรดชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ” รับสั่งออกตัวไปก่อนจะเริ่มวางแผนการตามความคิดของพระองค์ “อืม! มีสิ่งใดผิดหรือถูกข้าจะบอกเจ้าเอง” องค์ฮ่องเต้รับสั่งตอบกลับไป “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายเก้ารับสั่งพร้อมเหลือบสายพระเนตรไปทางพระเชษฐาของพระองค์ ในเวลานี้ทรงครุ่นคิดแผนการที่จะใช้ในสนามรบได้แล้ว และจะต้องออกไปทำสงครามในครั้งนี้ให้ได้ สาเหตุเพราะหากทรงประทับอยู่ภายในแคว้นจะต้องถูกพระนางสิฮัน บังคับให้ร่วมอภิรมย์เหล่าพระสนมมากมายเพื่อสืบสายพระโลหิตเป็นแน่แท้ สู้ออกไปทำศึกสงครามดั่งเช่นบุรุษทุกคนพึงกระทำจะดีเสียยิ่งกว่าต้องประทับอยู่ในแคว้นอย่างไร้ค่าและต้องโดนดูแคลนหยามเหยียดจากเหล่าขุนนางรวมไปถึงเหล่าพระเชษฐา สุรเสียงทุ้มห้าวดังก้องเต็มไปด้วยอำนาจ ซึ่งแฝงเร้นอยู่ในพระวรกายและดวงจิตซึ่งเป็นถึงเทียนจวินผู้ยิ่งใหญ่และมหาเทพแห่งสงครามบนสรวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า “กราบทูลพระบิดา ตามความเห็นของลูกนั้นแคว้นเว่ยเป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ตรงกลางแคว้นใหญ่ รายล้อมไปด้วยแคว้นฉิน ฉู่ ฉีและยังติดแคว้นจ้าว ส่วนแคว้นเหยี่ยนไม่ต้องมานับเพราะอยู่ตอนเหนือสุด ห่างไกลจากแคว้นอื่นๆ ยิ่งนัก ส่วนทางด้านแคว้นฉินในยามนี้ยังอยู่ในระหว่างการก่อตั้งสร้างรากฐานให้กับแคว้น แม้จะมีพื้นที่มากมายแต่ค่อนข้างทุรกันดารพอสมควร” ถ้อยรับสั่งขององค์ชายเก้าทำให้ทุกคนในท้องพระโรงในขณะนี้ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หากเปรียบเทียบกับแคว้นเว่ยแล้วซึ่งเต็มไปด้วยคนเก่งมากมาย อีกทั้งยังอยู่ในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ แต่ก็มีข้อด้อยเรื่องปัญหาขุนนางใหญ่แย่งชิงอำนาจกันจนบ้านเมืองวุ่นวาย ตามความเห็นของข้าควรจะส่งสายแทรกซึมเข้าไปในวังหลวงเพื่อคอยส่งข่าวให้ล่วงรู้เป็นระยะๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคตหากเกี่ยวพันถึงการดำรงอยู่ของแคว้นจ้าว ส่วนการแก้ไขปัญหาในเวลานี้ แม้แคว้นเว่ยจะเต็มไปด้วยคนเก่งมากมายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อนให้เห็น” ถ้อยรับสั่งขององค์ชายเก้าทำให้จางเหว่ยฮ่องเต้รับสั่งถามออกไปทันที “เจ้าเห็นจุดอ่อนใดของแคว้นเว่ยกระนั้นรึ” “พ่ะย่ะค่ะพระบิดา แคว้นเว่ยมีจุดอ่อนตรงที่ตั้งอยู่ในที่พื้นที่ราบของจงหยวน จะถนัดในการทำสงครามในพื้นราบแต่จะไม่ถนัดทำสงครามบนเทือกเขาสูง แคว้นจ้าวเต็มไปด้วยเทือกเขาสูงเสียส่วนใหญ่ หากหลอกล่อกองทัพของแคว้นเว่ยเข้าสู่เทือกเขาหัวซานซึ่งอยู่ติดกับแคว้นหลงอันและแคว้นเจียงซึ่งอยู่ใต้การปกครองของแคว้นจ้าว ลูกคิดว่าเราจะต้องอาศัยกำลังของแคว้นหลงอันช่วยในการรบในครั้งนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ถ้อยรับสั่งของพระโอรสองค์สุดท้องทำให้จางเหว่ยฮ่องเต้คลี่พระโอษฐ์ออกมาบางๆ ด้วยพอจะตามความคิดแผนรบออกมาคร่าวๆ ได้แล้ว พระองค์ทรงตั้งพระทัยฟังโอรสองค์สุดท้องอย่างใจจดใจจ่ออยู่ตลอดเวลา ขณะที่สุรเสียงขององค์ชายเฟยหลงกำลังอธิบายแผนการอย่างละเอียด “แคว้นหลงอันในขณะนี้กำลังถูกกองทัพจากแคว้นเว่ยโอบล้อมเพื่อยึดครองไปเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของตน ซึ่งกองทัพของแคว้นเว่ยตั้งอยู่ไม่ห่างจากแคว้นเจียงและแคว้นหลงอันเสียเท่าใดนักเพราะเป็นพื้นที่ราบ หากแคว้นจ้าวยื่นข้อเสนอให้แคว้นหลงอันช่วยร่วมรบในครั้งนี้ด้วยเพราะเป็นเจ้าของพื้นที่เทือกเขาหัวซานทั้งหมดเพื่อตีกองทัพเว่ยให้แตกพ่ายไปเป็นวิธีที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” “แล้วเจ้าจะใช้วิธีใดให้แคว้นหลงอันส่งกองทหารมาช่วยร่วมรบในครั้งนี้” จางเหว่ยฮ่องเต้รับสั่งถามกลับไปทันที “เป็นวิธีที่ง่ายมากพ่ะย่ะค่ะ โดยแคว้นจ้าวใช้วิธีเชื่อมความสัมพันธ์กับแคว้นหลงอันด้วยการแต่งงานกับพระบิดา ซึ่งจะทำให้แคว้นหลงอันกลายเป็นพันธมิตรเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังให้ความรู้สึกกับแคว้นหลงอันว่าจะได้รับความคุ้มครองจากแคว้นจ้าวและจัดส่งกองกำลังทหารเพื่อช่วยรบ ดังนั้นด้วยข้อด้อยของแคว้นเว่ยดังกล่าวที่ไม่ถนัดในการรบบนเทือกเขา เมื่อกองทหารจากแคว้นหลงอันมาสมทบ ลูกจะขอนำทัพออกต้อนทัพเว่ยเข้าสู่เทือกเขาหัวซานด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ” ถ้อยรับสั่งของพระโอรสองค์สุดท้องทำให้พระเนตรขององค์ฮ่องเต้ในยามนี้เบิกกว้างขึ้นมาทันที สายพระเนตรเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทรงได้ล่วงรู้นั้นก็คือพระโอรสองค์สุดท้องของพระองค์หาใช่เป็นดั่งที่ทรงคิดว่าไม่เอาถ่านเสียแล้ว ก่อนจะได้ยินพระสุรเสียงขององค์ไทจื่อดังแทรกขึ้น “ต้อนทัพเว่ยเข้าเทือกเขาหัวซานเจ้าบ้าไปแล้วกระนั้นรึน้องเก้า! บริเวณนั้นอันตรายอย่างยิ่งยวดเจ้ากำลังทำให้ทหารเป็นเรือนแสนไปตายอยู่บนเทือกเขาสูงล่วงรู้หรือไม่!!!” องค์รัชทายาทรับสั่งดูแคลน “เรื่องนั้นข้าล่วงรู้อยู่แล้ว แต่เพราะอันตรายของเทือกเขาหัวซานอันลือเลื่องจะเป็นสถานที่กลบฝังทัพเว่ยให้จมอยู่ใต้หิมะอันหนาวเหน็บได้เป็นอย่างดี และจะทำให้ทัพเว่ยส่วนที่เหลือถอยทัพกลับแคว้นไปอย่างรวดเร็วเมื่อทัพใหญ่ถูกกลบฝังทุกชีวิตอยู่ภายใต้หิมะบนเทือกเขาเช่นนั้น” แผนการอันแยบยลขององค์ชายรูปงามทำให้ทุกชีวิตในท้องพระโรงต่างพากันยืนนิ่งเงียบไปโดยพลัน ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินแผนการรบออกจากพระโอษฐ์องค์ชายที่ขึ้นชื่อได้ว่าไม่เอาถ่าน หากไม่ได้ยินด้วยตัวเองหามีผู้ใดเชื่ออย่างแน่นอนเป็นแน่แท้ “ดี! ดีมาก!” องค์ฮ่องเต้รับสั่งพร้อมทรงพระสรวลออกมาอย่างพึงพอพระทัย “เพียะ!” พระหัตถ์ทรงตีกระทบเข้ากับพระชานุของพระองค์ดังกระหึ่ม “ช่างเป็นแผนการรบที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินออกจากปากของเจ้าเลยนะหลงเอ๋อร์ ทำให้ข้าทึ่งในตัวเจ้าเสียนี่กระไร คำว่าไม่เอาถ่านใช้กับเจ้าไม่ได้เสียแล้วในตอนนี้” จางเหว่ยฮ่องเต้รับสั่งชื่นชมพระโอรสองค์สุดท้องอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางสายพระเนตรของบรรดาเหล่าองค์ชายอื่นๆ รวมไปถึงองค์ไทจื่อต่างพากันทอดพระเนตรอย่างจะกินเลือดกินเนื้อพระอนุชารูปงามเป็นยิ่งนัก ก่อนจะรีบอาสาเอาหน้าออกไปทันที “ถ้าเช่นนั้นหน้าที่นี้ลูกขออาสาเป็นแม่ทัพออกต้อนกองทหารทัพเว่ยเข้าสู่เทือกเขาหัวซานด้วยตัวเองแทนน้องเก้าพ่ะย่ะค่ะพระบิดา” หากแต่องค์ฮ่องเต้กลับทรงยกพระหัตถ์เป็นสัญญาณห้ามขึ้นมาโดยพลัน “การทำสงครามครั้งนี้ ข้าจะแต่งตั้งเฟยหลงเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมกองทัพทั้งหมด ในฐานะที่เป็นผู้คิดค้นแผนการอันแยบยลนี้ขึ้นมา พวกเจ้าซึ่งเป็นพระเชษฐาคอยเป็นแม่ทัพตีกระหนาบโอบล้อมทั้งแปดทิศและรอฟังแผนการแต่ละขั้นจากเฟยหลงว่าจะต้องทำเช่นไรบ้าง” “แต่ว่า!” องค์รัชทายาทรับสั่งได้เพียงเท่านั้นก็จำต้องเงียบงันเมื่อพระบิดาทรงหันกลับมาทอดพระเนตรเขม็ง “รู้สึกว่าเจ้าจะมีปัญหาเสียเหลือเกินนะกับการออกรบครั้งนี้ เจ้าควรจะดีใจนะจื่อห้าวที่อนุชาของเจ้าแปรเปลี่ยนจากคนไม่เอาถ่าน แต่กลับมีความคิดลึกล้ำได้เช่นนี้ ภายภาคหน้าเมื่อเจ้าขึ้นครองแคว้นต่อจากข้า อนุชาของเจ้าจะแบ่งเบาราชกิจที่มีมากมายไปได้เยอะเลยทีเดียว ดังนั้นควรจะให้การสนับสนุนเพื่อให้ได้เติบใหญ่และมีความสามารถทัดเทียมดั่งเช่นพวกเจ้าจึงจะถูกต้อง” รับสั่งเอ็ดไปตรงๆ “พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทรับพระบัญชาอย่างเสียมิได้หากแต่ภายในพระทัยนั้นเล่า มิทรงยินดีแม้แต่น้อย ก่อนจะได้ยินพระสุรเสียงขององค์ฮ่องเต้รับสั่งถามโอรสองค์สุดท้องกลับไป “แล้วเจ้าจะใช้วิธีใดอย่างนั้นรึหลงเอ๋อร์” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “เรื่องวิธีการลูกจะขอกราบทูลพระบิดาเป็นการส่วนพระองค์จะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้รู้น้อยจะเป็นการดีที่สุดเพราะหากแม้นลูกมีความคิดที่จะส่งสายแทรกซึมเข้าไปในราชสำนักของแต่ละแคว้น เชื่อว่าแคว้นอื่นที่เจริญด้วยปัญญาแล้วไซร้ก็ย่อมมีความคิดเช่นเดียวกันกับลูกเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ในที่นี้ไม่รู้หรอกว่ามีผู้ใดภักดีหรือไม่ภักดี และอาจจะมีสายแทรกซึมจากแคว้นอื่นปะปนอยู่ในนี้ด้วยก็อาจเป็นได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายเก้ากราบทูลตามความเป็นจริงและนั่นทำให้สายที่แทรกซึมอยู่ในขณะนี้ต้องยืนนิ่งไปทันที ไม่คาดคิดว่าองค์ชายที่ขึ้นชื่อความไม่เอาถ่านจะล่วงรู้ว่าภายในท้องพระโรงขณะนี้มีสายแทรกซึมจากแคว้นอื่นปะปนอยู่ด้วย “เจ้ารอบคอบดีมากหลงเอ๋อร์ เพราะข้าเองก็กำลังสงสัยเฉกเช่นเดียวกันว่าในท้องพระโรงอาจมีสายแทรกซึมจากแคว้นอื่นปะปนอยู่ เพราะสามารถล่วงรู้แผนการตั้งรับและแผนรุกจนสามารถยึดครองแคว้นใต้การปกครองของแคว้นจ้าวไปได้ถึงสิบห้าแคว้นเลยทีเดียว... ถ้าเช่นนั้นเลิกประชุม! พอแค่นี้” จางเหว่ยฮ่องเต้รับสั่งปิดประชุมข้อหารือทันที ก่อนจะหันกลับไปมีรับสั่งกับโอรสองค์สุดท้อง “หลงเอ๋อร์ ตามข้าไปที่ตำหนักเมฆคราม” รับสั่งพร้อมลุกจากตั่งที่ประทับอย่างรวดเร็ว เสด็จออกจากท้องพระโรงโดยมีพระโอรสองค์สุดท้องพระดำเนินตามหลังไปติดๆ ท่ามกลางสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยแรงริษยาและความแค้นเคืองของเหล่าพระเชษฐาทอดพระเนตรตามหลังอย่างไม่พอพระทัยอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะองค์รัชทายาทจื่อห้าวทรงเสียพระพักตร์ในครั้งนี้เป็นยิ่งนัก พระองค์เป็นถึงองค์ไทจื่อแต่กลับไม่ได้รับความสำคัญในครั้งนี้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำการออกทำสงครามในครั้งนี้มิได้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ กลับเป็นเพียงแม่ทัพคุมกองทหารรอฟังคำสั่งพระอนุชาที่ทรงคิดว่าไม่เอาถ่านมาโดยตลอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD