ตอนที่ 6. หรือสามีข้าเป็นชายผู้ชอบตัดแขนเสื้อ/3

1212 Words
ตอนที่ 6. หรือสามีข้าเป็นชายผู้ชอบตัดแขนเสื้อ/3 หลิวชิวเยว่ไหววูบในใจ นึกถึงการกระทำเมื่อคำคืนที่ผ่านมาของเขา หรือว่าสามีของข้าจะเป็น... พวกชอบตัดแขนเสื้อ ! นึกทบทวนดูก็เริ่มมีความรู้สึกโน้มเอียงว่า ข่าวลือนั้นอาจจะมีมูลความจริง เมื่อคืนที่ผ่านมาเสิ่นมู่ฉือไม่แม้แต่แตะต้องเจ้าสาวของตัวเองแม้แต่ปลายก้อย ในจวนบ่าวรับใช้คนสนิทข้างกายล้วนมีแต่บุรุษ หลิวชิวเยว่มองบ่าวรับใช้ทีละคนอย่างสำรวจ เมื่อมองจนครบทุกคนก็ลอบถอนหายใจ บุรุษในจวนนี้ล้วนหน้าตาดียิ่ง! “ท่านพ่อบ้าน ข้าคิดว่าควรจะหาบ่าวผู้หญิงมาทำงานรับใช้เพิ่มอีกสักสามสี่คน งานบางอย่างบุรุษอาจจะทำไม่ได้” หลิวชิวเยว่ลองเกริ่นขึ้นมา สีหน้าของพ่อบ้านหวังเมื่อได้ยินแสดงอาการอึดอัดใจออกมา กล่าวขึ้นว่า “เรียนฮูหยิน งานในจวนไม่ได้มีมากมายจนล้นมือ บ่าวรับใช้ในจวนล้วนมากพอต่องานแล้ว” “เมื่อเช้าพวกเราไม่มีคนช่วยยกถังน้ำเข้าไปในเรือน บ่าวรับใช้ล้วนแต่เป็นบุรุษ ไม่อาจให้เข้าไปในเรือนได้” แม่นมฉีเอ่ยขึ้น พวกนางอยู่ที่จวนคหบดีหลิว หน้าที่ขนน้ำล้วนมีบ่าวรับใช้ผู้หญิงเป็นคนทำหน้าที่นี้ “วันหลังหากแม่นมต้องการคนช่วยขนน้ำ รบกวนบอกข้าก่อน ข้าจะให้บ่าวไปขนน้ำมาเตรียมให้เรียบร้อย” พ่อบ้านหวังหาทางออกให้ แม่นมฉีหันไปสบตาหลิวชิวเยว่ สีหน้าแสดงความไม่พอใจ แต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ พ่อบ้านของจวนแม่ทัพย่อมมีผู้เป็นเจ้านายหนุนหลัง จะให้ใครแตะต้องได้ง่ายๆ หรือ “ช่างเถอะ ทำตามท่านพ่อบ้านหวังเถอะแม่นม” หลิวชิวเยว่ยอมผ่อนปรน “พ่อบ้านหวัง ข้าของดูบัญชีค่าใช้จ่ายในจวนสักหน่อย” “ได้ขอรับ” พ่อบ้านหวังส่งสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายในจวนให้หลิวชิวเยว่ ใบหน้ามีร่องรอยความอึดอัดใจปรากฎอีกครั้ง ด้วยรายรับของจวนนั้นเทียบกับรายจ่ายแล้วเหลือไม่มากนัก ท่านแม่ทัพแม้มีตำแหน่งใหญ่โตแต่กลับตงฉินยิ่ง อีกทั้งยังใช้จ่ายเบี้ยหวัดรายปีของตนไปกับการช่วยเหลือทหารในกองทัพและชาวบ้านผู้ยากไร้ เงินทองร่อยหรอจนน่าหนักใจ “ให้คนอื่นไปทำงานเถอะ ท่านพ่อบ้านท่านมาช่วยข้าตรวจบัญชี” พ่อบ้านหวังโบกมือให้บ่าวรับออกไปทำงานของตน แล้วขยับมาให้คำแนะนำเรื่องบัญชีของจวนแม่ทัพให้หลิวชิวเยว่ฟัง เมื่อตรวจดูจนครบแล้วพ่อบ้านก็นำกุญแจห้องเก็บสมบัติรวมถึงกุญแจห้องต่างๆ มามอบให้ “นี่คือกุญแจห้องเก็บสมบัติ และห้องต่างๆ ในจวน” “ข้าขอกุญแจห้องเก็บสมบัติก็พอ แม่นมฉีนำสินเดิมของข้าไปเก็บไว้” หลิวชิวเยว่ส่งกุญแจให้แม่นมฉี นางมีสินเดิมติดตัวมามากมายล้วนเป็นของมีค่า จึงต้องหาที่เก็บให้ปลอดภัย แม่นมฉีรับกุญแจก็เดินจากไปทำตามคำสั่ง “ท่านพ่อบ้าน นอกจากรายได้จากเบี้ยหวัดรายปีแล้ว หากข้าจะหารายได้เพิ่มจากการค้า จะทำได้หรือไม่” หลิวชิวเยว่ไม่รู้ว่าสมัยโบราณ มีกฎห้ามครอบครัวของขุนนางค้าขายหรือไม่ นางดูบัญชีของจวนแล้วพอจะรู้ว่า สามีของนางนั้นมีเพียงยศตำแหน่งแต่ไร้ซึ่งเงินทอง มิน่าเขาถึงแต่งงานกับสตรีจากตระกูลพ่อค้าเช่นนาง หากเป็นบุตรีของขุนนางด้วยกันอาจจะถูกดูแคลนได้ “แคว้นชิงเป่ยของเรา มิได้มีกฎหมายห้ามขุนนางทำการค้าขอรับ มีเพียงมิให้ใช้อำนาจข่มเหงรังแกผู้อื่น” คำตอบนี้ ทำให้หลิวชิวเยว่ก้มลงมองร่างอันอ้วนพีของตน พลันรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา หากต้องใช้ชีวิตในร่างนี้ต่อไปต้องวางแผนชีวิตดีๆ “สินเดิมของข้ามีร้านค้าอยู่หลายร้าน รายได้จากร้านค้าเหล่านั้น ส่วนหนึ่งข้าจะมอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในจวน” “เรื่องนี้ฮูหยินควรปรึกษาท่านแม่ทัพเสียก่อน ข้าไม่สามารถออกความเห็นได้” หวังไห่รู้จักนิสัยของเจ้านายตนเองดี แม่ทัพเสิ่นนั้นหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี คงไม่ยินยอมรับเงินจากภรรยาแน่ “ข้าจะไปคุยกับท่านพี่เอง เจ้าไปทำงานต่อเถอะ” “เช่นนั้นแล้ว ข้าขอตัวก่อน” พ่อบ้านหวังเดินออกไปแล้ว หลิวชิวเยว่ได้แต่ถอนหายใจ ร่างอ้วนกลมนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กแล้วไม่สบายตัว จึงลุกขึ้นเดิน ท้องร้องออกมาบ่งบอกว่ากำลังหิว นางเพิ่งกินมื้อเช้าไปเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน เหตุใดถึงได้หิวเร็วนัก “หลิงเอ๋อ ข้าหิว...” “ขนมเจ้าค่ะ รองท้องไปก่อน เดี๋ยวบ่าวจะยกอาหารมาให้นะเจ้าคะ” หลิงเอ๋อไม่ได้แปลกใจนัก ด้วยเคยชินกับการกินอยู่ของคุณหนูของตน วันหนึ่งคุณหนูหลิวจะดื่มกินทุกหนึ่งชั่วยาม ตัวนางจึงพกขนมติดตัวไว้ให้เจ้านายรองท้องเสมอ หลิวชิวเยว่หยิบขนมมากิน ขณะเดินไปรอในเรือน แม่นมฉีกับหลิงเอ๋อยกอาหารมาวางบนโต๊ะ กับข้าวประกอบไปด้วยเนื้อสาม ผักสอง น้ำแกงหนึ่ง ข้าวถึงห้าชาม “เหตุใดพวกเจ้า ยกอาหารมามากมายเช่นนี้” “อาหารเหล่านี้ของคุณหนูเจ้าค่ะ” แม่นมฉีส่งชามข้าวพร้อมตะเกียบให้คุณหนูของตน มองร่างเจ้าเนื้อด้วยความรู้สึกวิตกกังวล ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาดูเหมือนคุณหนูของนางจะแปลกไป “ปกติคุณหนูจะกินอาหารวันละหกมื้อเจ้าค่ะ นอกจากยามนอนแล้ว ทุกหนึ่งชั่วยามจะต้องเตรียมอาหารไว้ให้” หลิงเอ๋อคีบน่องไก่วางบนจานข้าวให้ มองดูคุณหนูของตนที่ถือตะเกียบค้างไว้ ไม่ยอมคีบสักทีอย่างแปลกใจ ปกติตะเกียบในมือของคุณหนูจะทำงานว่องไว จนกับข้าวบนโต๊ะหมดเกลี้ยงภายในเวลาหนึ่งเค่อ “กินวันละหกมื้อ มิน่าข้าถึงอ้วนแบบนี้” หลิวชิวเยว่แทบไม่อยากขยับตะเกียบ แต่ท้องก็ร้องคร่ำครวญจำต้องคีบอาหารเข้าปากดับความหิว “หลายวันก่อนคุณหนูไม่กินไม่ดื่มมาหลายมื้อ ถึงได้เป็นลมไป ตอนนี้แต่งเข้าจวนแล้ว ก็ดื่มกินให้อิ่มหนำเถอะเจ้าค่ะ ไม่ต้องเป็นกังวลอันใดแล้ว” แม่นมหลิวเลี้ยงดูหลิวชิวเยว่มาตั้งแต่แรกคลอด รู้ดีว่าอาการหิวโหยของคุณหนูของตนนั้น เป็นมาแต่กำเนิด หากไม่ได้กินอาหารทุกชั่วยามจะทรมานด้วยความหิว ทุกวันต้องสั่งห้องครัวเตรียมอาหารไว้สำหรับคุณหนูโดยเฉพาะ “ต่อไปจัดอาหารให้ข้าเหมือนกับผู้อื่น” หลิวชิวเยว่คิดว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเสียก่อน มิเช่นนั้นแล้วอาจจะตายด้วยโรคไขมันอุดตัน รวมถึงโรคอื่นๆ ของคนอ้วนจะตามมารุมเร้า ชีวิตในยุคอดีตอาจจะไม่แฮปปี้ หากต้องอยู่ในร่างหญิงอ้วนแบบนี้ไปจนตาย ! ////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD