แต่ทำไมตอนนี้...ตัวของเธอถึงได้ขึ้นมาอยู่บนรถสปอร์ตคาร์คันหรูของเขาไปเสียได้กันนะ
จันทร์เจ้าได้แต่นั่งเกร็งอยู่บนรถสปอร์ตคาร์คันหรูของเขาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร...ผิดกับเขาลิบลับที่เอาแต่นั่งฮัมเพลงสากลอย่างอารมณ์ดีไปตามเส้นทางเรื่อย ๆ อย่างไม่ได้เร่งรีบ
เธอสบมองนาฬิกาดิจิตอลบนรถยนต์คันหรูด้วยความสงสัย เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ แล้วเห็นจะได้ แต่ทำไมตัวของเธอถึงยังมานั่งอยู่ที่ตรงนี้ทั้ง ๆ ที่ควรจะนอนหลับใหลเพื่อตื่นขึ้นมากับเช้าวันใหม่ที่เธอต้องไปทำงาน...แถมยังนั่งอยู่บนรถข้างกับอดีตคนรักเก่าของตนเองอีกด้วยต่างหาก
ตั้งแต่วันนั้นที่เราเลิกรากันไปเธอก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารของเขาอีกเลยว่าเป็นอย่างไรเพราะส่วนหนึ่งเธอก็กำลังยุ่ง ๆ อยู่กับการหาที่ฝึกงาน และเธอกลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเพราะมันทำให้เธอไม่ต้องฟุ้งซ่านอะไร ซึ่งกลับกลายเป็นเธอเองต่างหากที่ทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดถึงเขา
เขาเองก็ห่างหายไปจากวงจรชีวิตของเธอเนื่องจากว่าเราสองคนไม่ได้เรียนสาขาหรือชั้นเรียนเดียวกันให้ได้พบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ตัวที่เธอบังคับให้เขาลงเรียนกับเธอนั้นเขาเองก็ไม่ได้มาเรียนเหมือนกันมันจึงทำให้เราทั้งสองคนไม่ได้พบเจอหรือว่าติดต่อกันอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เขาเอ่ยปากบอกเลิกราเธอไปในวันนั้น
“หน้านับมีอะไรติดหรือเปล่าคะ...ทำไมจ้องกันขนาดนั้น?”
เขาหันมาสบมองให้เธอต้องเบนสายตาหลีกหนีอย่างไม่กล้าสบสายตาของเขาตรง ๆ
มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเริ่มคบกันที่เธอจะไม่กล้าสบสายตากับเขาตรง ๆ และก็เป็นเพราะลูกอ้อนลูกตื้อของเขานั่นแหละที่ทำให้ชีวิตในช่วงมัธยมปลายของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจนสุดท้ายเขาก็เอาชนะใจเธอได้แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยก็ตาม
เธอเกิดมาในตระกูลคนจีนที่ถูกสั่งสอนเรื่องมารยาทของลูกผู้หญิงมาตั้งแต่ยังจำความได้ ดังนั้นการที่มีเขาเข้ามาวนเวียนขายขนมจีบกับเธอมันจึงกลายเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ...และยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่แล้วตอนนั้นเธอยอมรับตามตรงเลยว่ามองไม่เห็นอนาคตของเราเลยด้วยซ้ำไป
จนวันหนึ่งที่เธอเปิดใจและยอมรับความรู้สึกของตัวเองว่าเธอรู้สึกอย่างไร...คนที่มองไม่เห็นอนาคตของเราสองคนกลับกลายเป็นคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เราไปเสียได้
ความเย็นเริ่มปะทะผิวกายให้เธอได้สติหวนกลับ เธอหันมองด้านข้างของตัวเองก็พลันได้พบว่าตอนนี้นับหนึ่งกำลังเปิดประทุนรถสปอร์ตคาร์คันหรูของเขา ซึ่งมันทำให้รอยยิ้มของเธอประดับขึ้นมาได้ไม่ยากเลยเพราะเธอชื่นชอบการนั่งรถเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นสบายแบบนี้เป็นที่สุด
“พี่ยังชอบนั่งรถเปิดกระจกรับลมเหมือนเดิมเลยนะ”
คนข้างตัวเอ่ยขึ้นมาให้เธอหันหน้าไปสบมองเขา
เขายังคงเป็นเหมือนเดิม...เหมือนดั่งวันแรกที่เราสองคนเคยได้รู้จักกัน
ทั้งผมยาวสีดำขลับ และสไตล์การแต่งตัวของเขาที่มันเรียบง่ายแต่เธอกลับมองว่ามันเป็นสไตล์ที่เพอร์เฟคที่สุดสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่านับหนึ่ง
หรือว่าเธอเอง...ก็ลองปล่อยอิสระให้กับหัวใจของตัวเองบ้างดีไหมนะ?
“นับก็ยังชอบเสื้อยืดสีขาวเหมือนเดิมเลยนะ”
เธอปริปากพูดกับเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เราสองคนได้เจอะเจอกันในค่ำคืนนี้
นับหนึ่งหันหน้ามาสบมองเธอในทันใดที่เธอยอมเปิดปากพูดกับเขา ก่อนที่เขาจะยกยิ้มให้กับเธอจนเต็มใบ และหันหน้ากลับไปประคองรถของตัวเองดังเดิมด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
“อื้ม...นับก็ยังเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“…”
“แล้วนับชอบอะไร...ก็ยังคงชอบแบบนั้นอยู่เหมือนเดิม”
ประโยคที่สองเขาพูดออกมาโดยหันมาสบมองใบหน้าของเธอราวกับบอกเป็นนัย ๆ ถึงความหมายของรูปประโยคนั้น
เธอสบมองใบหน้าของเขานิ่ง ๆ ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรจนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายที่ยอมแพ้และผละสายตาออกจากใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของเขา
เขายังคงมีแววตาที่หวานสวยชวนให้ฝันกลางวันเหมือนดั่ง ลิซ่า แบล็คพิงก์ และเธอกำลังบังคับหัวใจของตนเองไม่ให้หลงรู้สึกไปกับมันอีกครั้งเพราะครั้งหนึ่งมันเคยทำให้เธอต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตา
“พี่กำลังคิดว่าดวงตาของนับ...เหมือนกับลิซ่าใช่หรือเปล่า?”
เธอหันไปสบมองใบหน้าของเขาอีกครั้งหลังจากที่เขาอ่านใจเธอถูก
จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยเพราะเธอชอบสบมองใบหน้าของเขานิ่ง ๆ และก็มักจะบอกเขาเสมอว่าดวงตาของเขาเหมือนกับศิลปินที่เธอโปรดปรานคนหนึ่ง
ดังนั้นหากเขาจะยังคงจดจำสิ่งที่เธอเคยบอกเอาไว้ได้...มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร
“ถ้าพี่คิดแบบนั้นอยู่...”
“…”
“นับก็อยากจะบอกพี่เหมือนเดิมนะ...ว่าลิปสติกสีเชอร์รี่ที่พี่ทาอยู่ตอนนี้มันเหมาะกับพี่มากที่สุด”
ตึกตัก ตึกตัก
ทำไมเขายังต้องจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างเราได้อย่างแม่นยำกันนะ...นั่นน่ะสิแล้วทำไมเธอถึงยังต้องจดจำเรื่องราวระหว่างเราได้อย่างแม่นยำกันด้วยล่ะ
คำถามนั้นถูกถามย้อนกลับมาแก่ตัวของเธอเฉกเช่นเดียวกัน...และใช่ที่เธอเองก็หาคำตอบให้กับคำถามนั้นไม่ได้
ตอนนี้จันทร์เจ้ายกมือขึ้นมากุมหัวใจของตนเองเอาไว้พลางบีบมันแน่นเพื่อให้มันหยุดเต้นเป็นจังหวะที่ไม่สมควรซึ่งมันกำลังเกิดอยู่ ณ เวลานี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถปรับกลับมาเป็นอัตราการเต้นอย่างปกติได้เลย และสิ่งที่เธอทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือการเปลี่ยนเรื่องคุยกับเขาซะเสียเดี๋ยวนี้
“ได้ข่าวว่านับมีแฟนสาวคนใหม่แล้วเหรอ?”
“นี่พี่ติดตามช่องของนับอยู่เหมือนกันเหรอเนี่ย?”
เขาทำหน้าตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีปิดบังให้เธอได้แต่กุมขมับเพราะพูดอะไรออกไปก็มีแต่เธอที่เสียเปรียบ
นับหนึ่งเป็นสตรีมเมอร์ที่มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร เขามีผู้ติดตามในช่องกว่าหลายล้านคน และเธอก็ไม่ได้ติดตามอะไรเขามากเท่าไรเพียงแค่เธอดูคลิปของเขาทุกคลิปแล้วก็โดเนทให้บ้างบางโอกาสก็เพียงเท่านั้น
และเจ้าคนเปิดเผยคนนี้ก็มักจะมีผู้หญิงมาร่วมแจมช่องอยู่บ่อย ๆ มันจึงไม่แปลกเลยที่เธอจะรับรู้เรื่องของเขาบ้างผ่าน ๆ ตา
“ก็มีโอกาสได้ดูบ้าง...แต่ไม่บ่อย”
เธอรีบบอกประโยคหลังเพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด
แต่เขากลับหัวเราะขบขันราวกับกำลังชอบใจอะไรบางอย่างไปเสียอย่างนั้น
“พี่นี่ยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะ”
เธอไม่ได้ตอบอะไรอีกแล้วกับประโยคสุดท้ายของเขา
และก็ได้แต่นั่งเงียบ ๆ มองไปข้างหน้าด้วยความแปลกใจที่ท้องถนนเมืองกรุงมันดูจะเงียบเชียบเกินไปเสียหน่อยผิดปกติที่เวลานี้ก็น่าจะมีรถราอยู่บ้าง
“เรากำลังจะไปไหนกัน?”
เธอเอ่ยถามออกมาเพื่อไขข้อสงสัย...แต่เขากลับหันมายิ้มหวานเจ้าเล่ห์ให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยกับรอยยิ้มของเขาเอาเสียเลย
“ปกติเวลาพี่ทำงาน...พี่จะได้เงินต่อวันเท่าไรเหรอ?”
คำถามของเขาโดยไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเธอจำให้คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยเล็กน้อยว่าเขาจะอยากรู้ไปทำไม
“ตำแหน่งของพี่ก็ตกวันละ 6,500 บาทต่อวันนะถ้าไม่รวมโอที”
แต่เธอก็ตอบกลับไปให้เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและยังคงขับรถต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
นับหนึ่งเอื้อมมือไปยังด้านข้างของรถก่อนที่เขาจะหมุนไฟรถให้ปิดลงจนด้านหน้าของเรานั้นมืดสนิท เธอเริ่มนั่งไม่ติดเบาะอย่างรู้สึกกังวลใจเพราะเขาชอบทำอะไรห่าม ๆ ท้าทายอยู่เสมอ
เราสองคนนิสัยต่างกันลิบลับ...บางทีเธอก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนั้นได้อย่างไร
“นับจะทำ...”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้...นับขอซื้อตัวพี่คืนหนึ่งได้ไหม?”
เขาเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหันมาสบมองใบหน้าของเธอ
สายตาของเขาเว้าวอนเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอเองก็คาดเดาไม่ออกเหมือนกันว่ามันหมายความว่าอย่างไร
และก็เกิดศึกขึ้นระหว่างสมองกับหัวใจของเธออีกครั้งแล้วกับการตัดสินใจในคำถามของเขา...
ลางานมันก็ลาได้อยู่หรอกเพราะเธอทำงานมาตั้งหลายปีจะลางานทั้งทีก็ลาแค่วันตรุษจีนที่ต้องไปหาอากงอาม่าเท่านั้น แต่ตอนนี้ที่ทำให้เธอหนักใจเพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่กับเขาในฐานะอะไร...แล้วไอคำว่าซื้อที่เขาหมายถึงนั่นมันหมายถึงการซื้อแบบไหนกันแน่
แต่จะว่าไปแล้วเขายังไม่ได้ตอบคำถามที่เธอถามไปก่อนหน้านี้เลยนี่น่า...
“แล้วแฟนสาวของนับล่ะ?”
“นี่พี่เห็นนับเป็นคนยังไงเนี่ย คิก!”
เขาหัวเราะขึ้นมาให้เธอเผลอหน้าแดงแจ๋อีกครั้งอย่างทำตัวไม่ถูก
ก็ความหมายของเขามันกำกวมนี่น่า...เธอผิดหรือที่ถามเพื่อความแน่ใจก่อนน่ะ!
“นับยังไม่มีหรอก...แฟนใหม่น่ะ”
“…”
“พี่ยังเป็นแฟนคนแรกและเป็นแฟนคนเดียวของนับอยู่จนถึงทุกวันนี้...และนับก็ยังคิดถึงพี่อยู่ตลอดตั้งแต่วันนั้นที่เราเลิกรากันไป”
ตึกตัก ตึกตัก
หยุดเป็นคนพูดจาอะไรที่มันตรงไปตรงมาแบบนี้สักทีได้ไหม...นับหนึ่ง
“พี่เขินคำพูดของนับจริง ๆ ด้วย”
แล้วก็หยุดทำเป็นรู้ดีเรื่องของเธอเสียที...
“แล้วทีนี้คำตอบของนับล่ะ...พี่ตกลงไหม?”
เพราะนับหนึ่งกำลังจะทำให้เธอ...
“นับขอให้พี่อยู่กับนับคืนนึงนะ...นะคะ”
“แค่คืนนี้คืนเดียวนะ...”
ใจอ่อนและกลับไปคิดถึงอดีตที่มันเคยดีมาก ๆ จนเธอไม่มีวันที่จะลืมเลือนมันไปได้เลย
“แค่คืนเดียวก็เพียงพอแล้ว...”
“…”
“แล้วนับขอจ่ายเงินเพิ่ม...เพื่อทำทุกอย่างให้เหมือนตอนที่เราสองคนเป็นแฟนกันด้วยนะ พี่จันทร์”