bc

Just one night กับแฟน(ไม่)เก่า

book_age16+
2
FOLLOW
1K
READ
family
HE
sweet
like
intro-logo
Blurb

เธอยังคงไว้ผมยาวสีดำขลับ สวมเสื้อยืดสีขาวตามสไตล์เดิม ๆ ที่เธอชอบใส่เพราะฉันบอกว่ามันเข้ากันกับเธอ

ส่วนฉันก็ยังใช้ลิปสติกสีชมพูคลาสสิคยี่ห้อที่เธอชอบ แถมยังชอบไปในจุดนัดพบเดิม ๆ ของเราในตอนที่ยังคบกั

แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็เป็นได้แค่แฟนเก่าของกันและกันแต่เพียงเท่านั้น

จนกระทั่งในคืนหนึ่ง...

เธอขับรถมาหาฉันในตอนเที่ยงคืนและกลับมาบอกให้เราสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน...โดยขอแค่เพียงคืนนี้คืนเดียวเท่านั้น

และน่าแปลก...ที่ฉันกลับรอให้เธอมาพูดประโยคนี้กับฉันตลอดระยะเวลากว่าหลายปีที่เรานั้นห่างกันไป

เพราะพวกเราไม่เคยเปลี่ยนสไตล์ไปเลย...และเธอเองก็เพอร์เฟคที่สุดสำหรับฉัน

แต่แค่เพียงคืนเดียว...มันจะเพียงพอสำหรับพวกเราจริง ๆ น่ะหรือ?

Just one night กับแฟน(ไม่)เก่า

#กับแฟนไม่เก่า

chap-preview
Free preview
Just night : Intro
เพล้ง! “เห้ย! เสียงไรวะ?” “เดี๋ยวกูไปดูแปป มึงเล่นไปก่อนเลย” “เออ ๆ รีบมานะเว้ย” “เออ” ร่างสูงถอดหูฟังออกจากศีรษะ ก่อนที่เธอจะหันมองไปที่ประตูห้องและก็พลันต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกท้อแท้ เพราะเธอคิดอยู่แล้วร้อยทั้งร้อยว่าเสียงดังที่เกิดขึ้นมาที่ด้านนอกห้องของเธอนั้นมันเกิดมาจากเหตุผลอะไร ร่างสูงในชุดเสื้อนักศึกษากางเกงขาสั้นหลับตาลงเล็กน้อยอย่างรวบรวมสมาธิ ก่อนที่มือของเธอนั้นจะเอื้อมไปหมุนลูกบิดและก็พาร่างของตนเองออกไปจากห้องนอน เศษแจกันที่ตกแตกกระจายกับร่างของหญิงสาวที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีปรากฏแก่สายตา และเธอคาดคิดไม่ผิดเลยจริง ๆ ว่ามันเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนี้ “นี่พี่ทำอะไร?” เจ้าหล่อนละความสนใจออกจากแจกันและเงยหน้าขึ้นมาสบมองเธอ ดวงตาของเจ้าหล่อนมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสำรวจ ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าของเธอนั้นจะแสยะยิ้มออกมา และยกมือกอดอกอย่างวางมาดให้เธอได้แต่ขมวดคิ้วฉงนเพราะเจ้าหล่อนไม่มีความสำนึกผิดใด ๆ ที่แสดงออกมาให้เธอได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย “ไม่ไปเรียน?” เธอไหวไหล่อย่างไม่ได้สนใจในคำถามนั้น “นับหนึ่ง...เมื่อไรเธอจะเลิกทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ แบบนี้สักที!” เจ้าหล่อนตะคอกใส่กันเสียงดังลั่นด้วยความเหลืออดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน...และมันทำให้เธอที่พยายามเก็บกลั้นอารมณ์ของตนเองก็เริ่มที่จะทนไม่ไหวกับความไม่เข้าใจอะไรเลยของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนสาวเหมือนกัน “อ๋อ...แล้วที่พี่มาประชดให้นับสนใจพี่ด้วยการขว้างแจกันให้แตก มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลยดิ!” “นับหนึ่ง!” “เคยเข้าใจอะไรกันบ้างไหม วัน ๆ พี่ก็เอาแต่เรียน ทำงานมหาลัยฯ ทำงานคณะ แถมยังให้ปิดคนอื่นอีกว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน พี่ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่านับก็มีความรู้สึก!” “นับหนึ่ง!” “นับต้องเป็นดั่งใจพี่ ต้องเรียนเก่งให้ได้เหมือนพี่ ต้องทำทุกอย่างให้เหมาะสมกับพี่ ทั้ง ๆ ที่นับก็อยากจะใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนกัน...พี่ยังมีหน้ามาบอกว่านับทำเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ!” เธอตวาดใส่หญิงสาวตรงหน้าไปด้วยความเหลืออดจากทุกเรื่องที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลากว่าห้าปีที่เราคบกันมา นับหนึ่งรู้ดีว่าเธอไม่เหมาะสมกับเจ้าหล่อนเลยด้วยซ้ำแต่เจ้าหล่อนก็ยังยอมรับและให้สถานะกับเธอ เธอจึงอยู่ในเงามืดไม่เปิดเผยตัวตนมาโดยตลอดตั้งแต่มัธยมปลาย และพยายามจะเข้าใจกับทุกเรื่องของเจ้าหล่อน...แต่ตอนนี้เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว “ก็เป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือไงว่ารับได้ รับได้ทุกอย่าง...” “แล้วพี่คิดจริง ๆ เหรอวะ...ว่าคนเรามันจะรับได้ทุกอย่างอย่างที่ปากพูดจริง ๆ อะ!” เธอน้ำตาไหลพราก...แต่มันกลับรู้สึกดีฉิบหายที่ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นในใจตลอดหลายปีออกไป เป็นไงเป็นกัน วันนี้ให้มันรู้กันไปเลยว่าเจ้าหล่อนจะเลือกเธอและปรับเปลี่ยนความคิดของตนเองใหม่...หรือเจ้าหล่อนจะยังคงยึดมั่นในความเหมาะสมบ้า ๆ บอ ๆ ของตนเองอยู่ “ถ้าเป็นแบบนั้น...เราก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้” “นี่พี่ว่าไงนะ...” น้ำตาของนับหนึ่งรินไหลลงมาเป็นสายอย่างกลั้นมันไม่ไหวอีกต่อไป... สุดท้ายแล้วสิ่งที่เจ้าหล่อนเลือกก็คือความเหมาะสมบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนั้นน่ะหรือ...เจ้าหล่อนจะทิ้งเธอไปทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อเจ้าหล่อนมาตั้งมากมายขนาดนี้น่ะนะ? ห้าปีที่ผ่านมาของเรามันไม่มีความหมายเลยหรืออย่างไร... “บางทีพวกเรา...เป็นพี่น้องกันอาจจะเหมาะสมกว่า” “พี่น้อง?” นับหนึ่งหัวเราะหึออกมาอย่างรู้สึกสมเพช “พี่น้องที่ไหนมันเอากันมาตั้งห้าปีวะ!” เจ้าหล่อนก้มหน้าหลุบตาลงต่ำไม่ปริปากพูดสิ่งใดต่อ ตามประสาลูกผู้ดีที่ไม่กล้าพูดแม้กระทั่งคำหยาบคาย...และเราสองคนต่างกันมากโข “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็เชิญไปหาคนอื่นที่พี่ต้องการเถอะ นับคงทนเป็นคนแบบนั้นให้พี่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว” “…” “เราเลิกกัน!” และเธอก็หันหลังให้กับเจ้าหล่อนในทันใดด้วยความผิดหวังที่ก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจ ปัง! เธอปิดประตูห้องนอนลงอย่างรุนแรงแสดงถึงพฤติกรรมก้าวร้าวที่เธอไม่เคยกระทำต่อเจ้าหล่อนเลยแม้เพียงสักครั้งตลอดระยะเวลาเกือบหกปีที่เราสองคนนั้นคบกันมา นับหนึ่งพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏโปรแกรมเกมเด่นหรา ก่อนที่เธอจะกลับไปนั่งประจำที่ สวมใส่หูฟังกลับเข้าไปดังเดิมโดยไม่วายเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทที่เธอรับรู้ดีว่ามันคงจะได้ยินทุกบทสนทนาของเธอจนหมดสิ้น “หนึ่ง มึงเป็นไร...” “อย่าพูดมาก...” “...” “ทีมต้องการพวกเรา!” กึก! คนหน้าหวานที่กำลังนอนหลับใหลขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างที่รบกวนแต่เธอก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสบมองดูมันแต่อย่างใด กึก! เสียงนั้นยังคงเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เธอก็เหนื่อยล้ากับการทำงานมาตลอดทั้งวันจึงทำให้ยังไม่คิดที่จะสนใจและลืมตาขึ้นมาสบมองดูเลยว่ามันเป็นเสียงของอะไรกันแน่ กึก! แต่ถ้าหากเสียงยังดังอย่างต่อเนื่องแบบนี้...คนหลับยากอย่างเธอคงข่มตาลงนอนไม่ได้เป็นแน่แท้! สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกที่จะลุกขึ้นมานั่งด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยตามประสาคนหลับยาก เธอหันไปสบมองประตูระเบียงที่มีม่านปิดเอาไว้อย่างมิดชิด และก็ได้เห็นอีกครั้งว่ามันมีบางสิ่งมากระทบเข้ากับประตูระเบียงของเธออีกครั้งแล้ว ซึ่งดูจากลักษณะแล้วมันคือก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ไม่ผิดแน่ เธอค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นจนเต็มความสูงและเดินตรงไปทางระเบียงอย่างระแวดระวัง มือของเธอค่อย ๆ แง้มเปิดผ้าม่านออกจนพอจะมองเห็นอะไรได้บ้าง แต่ความมืดมิดด้านนอกก็ทำให้เธอเริ่มขนลุกเพราะเธอยังมองไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากรถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ที่หน้าบ้านเท่านั้น รถยนต์ที่น่าจะไม่มีคนอยู่ด้านใน เพราะแม้กระทั่งไฟหน้ารถเจ้าของยังไม่คิดที่จะเปิดมันเลยแม้เพียงแต่น้อย... เธอหมุนตัวออกมาจากระเบียงเตรียมจะโทรไปหาเพื่อนสนิทเพราะกำลังรับรู้ถึงความไม่ปลอดภัย “จันทร์เจ้า! แกได้ดูเวลาไหมว่านี่มันกี่โมง!” “อย่าพึ่งดุ...ฉันรู้สึกว่ามีคนมาขว้างก้อนหินใส่ประตูระเบียง” เธอได้ยินเสียงกุกกักจากฝั่งของทางเพื่อนสนิท แอบได้ยินเสียงผู้หญิงงัวเงียจากปลายสายตามมาอีกด้วยแผ่วเบา เดาได้ว่าหล่อนคงปลุกภรรยาให้ลุกขึ้นมาเตรียมตัวที่จะมาหาเธอแล้วในอีกไม่ช้านานนี้ “แกอยู่ในบ้านห้ามเปิดประตูออกไปเด็ดขาดเลยนะเจ้า อย่าวางสายด้วยฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน!” คนร้อนรนในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เธอแล้วล่ะ เธอยอมทำตามคำบอกกล่าวของเพื่อนสนิททุกประการแต่เธอก็ยังดื้อดึงอยากจะรู้ว่าคนด้านนอกนั้นเป็นใครกันแน่เธอจึงเลือกจะลุกขึ้นไปดูที่บานกระจกอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเลือกที่จะเปิดผ้าม่านให้กว้างขึ้นอีกหน่อยเพื่อที่จะได้มองเห็นวิสัยทัศน์ที่มันกว้างขึ้น เสียงก้อนหินที่กระทบกับกระจกก็เงียบลงไปแล้วตอนนี้เธอจึงกำลังชั่งใจว่าควรที่จะเปิดประตูออกไปดูดีไหมเผื่อมีคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ “จันทร์เจ้า...แกยังอยู่ไหม?” “อยู่ ๆ ฉันยังไม่ได้ออกไป” เธอร้อนรนรีบบอกออกไปแบบนั้น “ตอบแบบนี้แสดงว่ากำลังลังเลว่าจะออกไปดีไหมใช่หรือเปล่า อย่าทำอะไรบ้า ๆ แล้วเดินกลับมารอในห้องเลยนะ ฉันกับผัวออกมาแล้วและกำลังจะไปหา” ความสนิทสนมไม่ได้ทำให้ปลายสายกระดากอายกับการเรียกภรรยาของตนเองว่าผัวแม้ว่าภรรยาของจันจิจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน และเธอก็ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรด้วยเพราะครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยคบกับผู้หญิง...และในรัฐบาลสมัยนี้ก็มีกฎหมายของประเทศไทยอย่างสมรสเท่าเทียมแล้วอีกด้วยต่างหาก อาจจะเป็นแค่คนบางส่วนเท่านั้น...ที่ยังไม่ยอมเปิดใจรับมัน โทรศัพท์ยังคงอยู่ที่หูของเธอแต่สายตาของเธอกำลังจดจ้องมองไปรอบ ๆ บ้านอย่างคนใคร่รู้ เธอพยายามสอดส่องมองหาไปรอบสารทิศ แต่แล้วคน ๆ หนึ่งที่ปรากฏออกมาก็ทำให้ดวงตาของเธอเบิกโพล่งอย่างตื่นตระหนก... “นับหนึ่ง...” “แกว่าไงนะ?” เป็นเสียงของปลายสายที่ดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างตั้งคำถาม หัวใจของเธอเต้นระส่ำเมื่อได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นรักครั้งแรกของเธอปรากฏตัวอยู่แถว ๆ รั้วของบ้าน และที่มันทำให้เธอสามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจนก็คงจะเป็นเพราะเสื้อยืดตัวสีขาวที่เขาชอบใส่อยู่เป็นประจำเสมอ ๆ เขาเดินกลับมาที่รั้วบ้านของเธอพร้อมกับหินก้อนเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือจำนวนหลายสิบก้อน เดาว่าน่าจะไปหามาจากข้างทางตอนที่เสียงมันเงียบไป นับหนึ่งกำลังตั้งท่าเตรียมจะปาเข้ามาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นเธอแล้วว่าเธอมาแอบมองเขาอยู่ที่ตรงนี้ คนเด็กกว่ายกยิ้มกว้างออกมาเมื่อพบเห็นเธอ แต่สิ่งที่เธอทำคือการปล่อยมือของตนเองออกจากผ้าม่านพร้อมกับที่เธอรีบถอยหลังกลับเข้ามาในห้องของตนเองอีกครั้ง ตึกตัก ตึกตัก เธอยกมือกุมที่หัวใจของตนเองเอาไว้เพราะมันไม่ได้เต้นเป็นจังหวะแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ที่เราสองคนเลิกรากันไป แม้มันจะผ่านมานานหลายปี...แต่หัวใจไม่รักดีของเธอก็ยังคงสั่นไหวเสมอเมื่อได้พบเห็นเขาไม่ว่าจะเป็นในช่องทางไหน “แกยังอยู่ไหมเจ้า?” “อยู่ ๆ ฉันยังอยู่” “ฉันได้ยินแกเรียกชื่อนับหนึ่ง สรุปมันมาหาแกเหรอ?” ในตอนนั้นเธอชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป...บวกกับที่เธอเกรงใจภรรยาของเพื่อนสนิทด้วยที่ต้องขับรถมาหากันในยามวิกาลเช่นนี้เพราะความบ้าบอของเธอเอง “ไม่ใช่...แกไม่ต้องมาหาฉันแล้วก็ได้” “อ้าว! แกมีพิรุธนะเจ้า...สรุปหนึ่งมันไปหาแกจริง ๆ ใช่ไหม?” ความโกหกคนไม่เก่งกำลังทำให้เธอสั่นกลัว แต่เธอตัดสินใจแล้วในตอนนี้ว่าเธอจะไม่รบกวนเพื่อนสนิทอีกแล้ว เธอจึงจำใจกัดฟันพูดพร้อมกับสารภาพผิดอยู่ภายในใจและขอโทษจันจิเพื่อนสนิทอีกเป็นพัน ๆ ครั้งในจิตใต้สำนึก “ฉันเข้าใจผิด...มันเป็นเสียงของคนข้างบ้าน” หัวใจของเธอสั่นไหวเพราะหวาดกลัวว่าเพื่อนจะไม่เชื่อกัน และจันจิก็เงียบไปนานหลายนาทีราวกับชั่งใจ...ผิดกับหัวใจของเธอที่สั่นไหวอย่างตื่นเต้นเหมือนกับจะทะลุออกมาจากอกให้ได้เลย “โอเค ๆ ถ้ามีอะไรแกรีบโทรหาฉันเลยนะ เข้าใจไหม?” แล้วก็ได้แต่โล่งใจที่สุดท้ายจันจิก็ยอมล่าถอยแม้ว่าเธอจะโกหกไม่เก่งเลยก็ตามที “โอเค ขอบใจแกมากนะจิ แล้วก็ฝากขอโทษพี่เบลด้วย” และเธอก็ตัดสายจากเพื่อนสนิทไปในทันใด แต่ตอนนี้ความหนักใจของเธอกลับมาที่ตรงนี้อีกครั้ง เพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเอาอย่างไรกับคนที่อยู่ด้านนอกรั้วบ้านของตนดี จันทร์เจ้าลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดม่านดูอีกครั้งว่าเขายังอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าเขายังคงสบมองมาที่ห้องนอนของเธอ และเมื่อยามที่เขาเห็นว่าเธอเปิดม่านมาแอบมองดูเขา นับหนึ่งก็พลันยกยิ้มออกมาราวกับเป็นการเรียกกันนัย ๆ ให้เธอลงไปหา ตอนนี้ในหัวใจของเธอกำลังประท้วงกันอย่างหนักหน่วงว่าควรจะทำอย่างไร... สมองของเธอสั่งให้อย่าสนใจเพราะเขาเป็นคนที่บอกเลิกเธอเองในวันนั้น...แต่หัวใจของเธอดันสั่งขาของเธอให้เดินไปที่หน้าบ้านจนสุดท้ายเราสองคนก็ได้เผชิญหน้ากันแล้วในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมา นับหนึ่งยังคงเหมือนเด็กมหาลัยฯ ในวันนั้นไม่มีเปลี่ยนผัน... ยังคงมีสไตล์การแต่งตัวเดิม ๆ ที่เธอจดจำได้เป็นอย่างดี...ไม่ต่างกันกับเธอที่ยังคงใช้ลิปสติกสีคลาสสิคเดิม ๆ ยี่ห้อเดิม ๆ ที่เขาเป็นคนซื้อให้ในวันครบรอบของเรา “มาทำไม...” “ไปนั่งรถเล่นกันไหม?” แน่นอนอยู่แล้วว่าสมองของเธอมันสั่งให้ตอบปฏิเสธออกไปแบบไม่ต้องไตร่ตรองแต่อย่างใดเลย...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.5K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook