บทที่สิบ

1977 Words
เช้าวันต่อมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนในโรงเรียนแพรววาตัดสินใจเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่า เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงของโชลเมทตอบกลับมา และโชลเมทของแพรววาคือผู้ชายเมื่อเล่าจบทุกคนต่างตื่นเต้นแทน ราวกับพวกเธอได้เจอโชลเมทเสียเองมีแค่อนัญลักษณ์ที่ส่ายหน้าเล็กน้อย ส่วนพิมพ์พรรณที่รู้เป็นคนแรกอยู่แล้วก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ว่าทำไมจู่ ๆ โชลเมทถึงยอมคุยกับแพรววาได้หลังจากที่ปล่อยให้แพรววาทนหูดับอยู่ตั้งนาน อย่างไรก็ตามแพรววาอยากให้รู้เรื่องนี้กันแค่ในกลุ่มเท่านั้น เพราะหากเปิดเผยออกไปละก็มีโอกาสที่มันจะหลุดลอยเข้าหูพศพัชร์ ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ถึงกิติมศักดิ์ความหวงของพศพัชร์อย่างดี ทว่าถึงกระนั้นหยาดรุ้งก็อยากให้เสมอแมนรู้เรื่องนี้เผื่อว่าเขาจะยอมตัดใจ แน่นอนว่ามณีอรไม่เห็นด้วยและอาจจะบานปลายไปมากกว่านี้ นาถชญาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงบานปลายมากกว่านี้ แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อและหันมาสนใจชานมใส่ไข่มุกแทน สักพักยุวดีที่กำลังหมุนควงลูกบาสเล่นอยู่ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง และเมื่อเธอหันไปทางขวามือตรงมุมสุดเป็นโต๊ะม้าหินอ่อนอีกโต๊ะ กลุ่มเบลล่านั่งกันอยู่และยังมองมาที่กลุ่มยุวดีอย่างไม่เป็นมิตรนัก "ฉันว่าเราย้ายที่กันไหม" ยุวดีพูดขึ้นและส่งสัญญาณให้ทุกคนหันไปทางขวามือ คติยาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย "ให้ตายสิ เมื่อไหร่ยัยเบลล่าจะเลิกยุ่งกับเธอสักทีนะ ยัยแพรว" และหันมาจัดการกับกระเป๋าเรียนของตัวเอง "พูดตรง ๆ ฉันเบื่อหน้ายัยนั่นเต็มทีแล้ว" "ก็คงจนกว่าพี่เสมอแมนจะยอมเป็นแฟนกับยัยเบลล่าละมั่งถึงจะเลิกยุ่งกับฉัน" แพรววาตอบ "และมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วยเพราะยัยเบลล่าพึ่งถูกพี่เขาหักอกมา" หยาดรุ้งบอก ทุกคนต่างหันมามองหยาดรุ้งเป็นตาเดียวเล่นเอาหยาดรุ้งทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว "เธอรู้ได้ไง" อนัญลักษณ์ถาม หยาดรุ้งเลิกคิ้ว "อะไรกัน พวกเธอไม่รู้เรื่องกันเลยเหรอ" หยาดรุ้งว่า "คืองี้นะก่อนวันไปทัศนศึกษากัน ยัยนั่นไปสารภาพรักกับพี่เสมอแมนที่ชมรมว่ายน้ำ เพราะน้องสาวของพี่เสมอแมนอยู่ชมรมนั้น" "พี่เสมอแมนไม่รับรักพี่เบลล่าสินะ แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่แพรวสักหน่อยนี่" ลวิตตาพูดอย่างไม่เข้าใจ "มันไม่ใช่แค่นั้นนะสิยัยลูกปัด ถ้าแค่ปฏิเสธรักก็แย่แล้วนะแต่นี่พี่เสมอแมนเล่นประกาศว่า คนที่เขาชอบจริง ๆ คือยัยแพรวซึ่งอยู่ชมรมนักวิ่งและคนที่ชื่อแพรวก็ดันมีคนเดียวอีก" หยาดรุ้งบอก "ทีนี้ก็ว้าวุ่นกันเลยสินะ" ยุวดีพูดประชด แพรววารู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจแต่เธอเลือกที่จะข่มมันเอาไว้ดีกว่า "เรื่องที่พี่เสมอแมนไม่รับรักเขา มันไม้ได้เกี่ยวกับฉันเลยด้วยซ้ำ" นั้นคือคำพูดสุดท้ายของเธอ ก่อนจะพากันทยอยขึ้นไปอยู่บนอาคารเรียนแทน โดยมีกลุ่มเบลล่ามองตามหลัง ❤️❤️❤️❤️❤️ เมื่อรู้แล้วว่าโชลเมทของตนคือใครจิตติพัฒน์ก็ลองค้นหาประวัติของเธอดู จึงรู้ว่าฝ่ายหญิงมีชื่อว่า แพรววา ดุจพิบูลย์พล ศึกษาอยู่โรงเรียนมัธยมในเขต A-03 ชื่อว่า "โรงเรียนเอลิสัน" เป็นโรงเรียนพลเรือนมีชื่อในเมืองราฟฝั่งตะวันตก ตามประวัติโรงเรียนนี้เคยถูกสร้างเป็นโรงแรมมาก่อนแต่ภายหลังเมื่อถูกซื้อมาโดยเศรษฐีหนุ่มชื่อ เจมส์ เอลิสัน และนำมาปรับปรุงใหม่เปลี่ยนจากโรงแรมกลายเป็นโรงเรียน หากดูจากบริเวณโดยรอบของโรงเรียนก็ถือว่ากว้างใหญ่พอสมควร จิตติพัฒน์ได้แอบดูทำเนียบนักเรียนแต่ละชั้นปีซึ่งเขาพบว่าแพรววาอายุเท่ากับเขา ไม่รู้อะไรดลใจทำให้เขาแอบบันทึกเก็บภาพถ่ายของแพรววาเอาไว้ ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มก็คอยระแวดระวังไปด้วยสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ หลังจากที่จิตติพัฒน์บอกว่าโชลเมทของตนเองคือใคร ผลคือศรศิลป์กับคชสีห์แซวกันใหญ่พร้อมทั้งอิจฉาที่เขาได้โชลเมทน่ารักน่าถนอม แน่นอนว่าจิตติพัฒน์ไม่คิดตอบโต้อะไรมากและวันนี้เขาก็เลือกที่จะอยู่คนเดียวในห้องพัก ในขณะที่คนอื่นพากันออกไปเที่ยวข้างนอก "นายไม่ไปกับพวกเราจริงเหรอ เจต" มงคลพัสถามก่อนจะออกจากห้องพัก "อืม" จิตติพัฒน์ตอบ "นายกับพวกหินไปเที่ยวกันก่อนเลย ฉันอาจอยู่ในห้องนี่แหละ" มงคลพัสพยักหน้ารับแต่ก็ยังไม่ออกจากห้อง "นายจะไม่แสดงตัวกับเธอคนนั่นจริง ๆ เหรอ" จิตติพัฒน์หันขวับมามองซึ่งมงคลพัสถอนหายใจ "นี่นายจะทำตามคำสาบานต่อหน้าหลุมศพผู้กอง ทั้งที่นายได้เจอกับโชลเมทแล้วเนี่ยนะ ไม่เอาน่าเจต ฉันว่ามันไม่เข้าท่าเลย" "ฉัน.... แค่ไม่อยากให้พ่อผิดหวัง" จิตติพัฒน์เอ่ย "ผิดหวัง.." มงคลพัสขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก "นายคิดว่าผู้กองจะผิดหวังอะไรในตัวนาย... เรื่องโชลเมทเหรอ" เมื่อเห็นจิตติพัฒน์นิ่งไปมงคลพัสแทบอยากกินยาแก้ปวดหัวสักขวดหนึ่ง แต่มงคลพัสก็เข้าใจความรู้สึกของจิตติพัฒน์ดีเรื่องราวในอดีตครั้งนั้น มันกัดกินจิตใจของเพื่อนสนิทเขาไปพอสมควร และในงานศพของร้อยเอกจตุพักต์เขาก็เป็นพยานในคำสาบานที่จิตติพัฒน์ลั่นเอาไว้อีกด้วย มงคลพัสคิดว่าส่วนหนึ่งที่จิตติพัฒน์ไม่ขานรับโชลเมท เพราะความกลัวลึก ๆ ว่าตนเองจะมีจุดจบแบบเดียวกับพ่อ ซึ่งมงคลพัสไม่อยากให้จิตติพัฒน์ผูกตัวเองไว้กับอดีต เขาอยากให้อีกฝ่ายมีความสุขกับปัจจุบันและอนาคตมากกว่า แต่มงคลพัสรู้ดีว่าคงพูดอะไรมากไม่ได้เพราะมันขึ้นอยู่การตัดสินใจของเจ้าตัว มงคลพัสเดินมาตบบ่าจิตติพัฒน์แผ่วเบา "เจต ฉันอยากให้นายทำเพื่อตัวเองบ้างนะเพื่อน" พูดจบมงคลพัสก็เดินจากห้องไปทิ้งจิตติพัฒน์ให้นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวในห้องพัก ❤️❤️❤️❤️ "ทำไมฝนตกหนักจังวะ" จิตติพัฒน์สบถออกมาเล็กน้อย ตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาและไม่มีท่าทีจะอ่อนลงเลย ทำเอาเด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าตัดสินใจถูกหรือไม่ที่ออกมากด้านนอกเพื่อหาอะไรกิน เนื่องจากจิตติพัฒน์ไม่ค่อยชอบอาหารในโรงแรมสักเท่าไหร่ แถมพออยู่ในห้องนาน ๆ ไปมันก็เริ่มเบื่อหน่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ซึ่งจิตติพัฒน์ยังไม่ทันจะออกจากโรงแรมได้ไม่นาน ฝนก็ตกลงมาทันทีและเขาก็ไม่ได้พกร่มมาจึงต้องหลบฝนอยู่ตรงป้ายรถเมย์ไปก่อน ระหว่างนั้นเขาก็ได้ส่งข้อความหามงคลพัส จึงรู้ว่าตอนนี้คนอื่น ๆ อยู่ที่ร้านอาหารแถวสวนสาธารณะหากเดินด้วยเท้าก็คงไม่ไกลมาก จิตติพัฒน์ตัดสินใจนั่งรออยู่ป้ายรถเมย์เพื่อรอให้ฝนหยุดตกเอง เด็กหนุ่มนั่งมองดูเม็ดฝนตนตกมากระทบกับพื้นถนนจนไม่รู้ว่า เวลามันผ่านล่วงเลยไปนานมากแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งจิตติพัฒน์ได้ยินเสียงจี้ดดังขึ้นและเช่นเคย เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้กระทั่งเสียงหยดน้ำของฝน เสี้ยววินาทีนั้นเองที่จิตติพัฒน์ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในจิตสำนึก [ฝนตกหนักเหมือนกันนะเนี่ย จะไปกันทันไหม] เด็กหนุ่มนั่งนิ่งไม่การแม้กระทั่งจะเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับกลัวว่า โชลเมทจะจับได้ว่าเขาอยู่ที่นี่แต่พอตั้งสติได้จิตติพัฒน์ก็ลืมไปว่า เธอไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นแบบไหนนอกจากรู้ชื่อเล่นเท่านั้น แถมตอนอยู่ในพิพิธภัณฑ์เขาก็เล่นปิดปากสนิททั้งที่หูดับ พอคิดแบบนั้นมันก็ทำให้เขาเบาใจขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งพอเขาเงยหน้าขึ้นมาจากการดูหยดฝนและหันไปทางขวามือ หัวใจของจิตติพัฒน์เกือบหยุดเต้นกะทันหันเพราะขวามือคือ กลุ่มนักเรียนหญิงโรงเรียนเอลิสันนั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงที่จิตติพัฒน์นั่งอยู่พอดี แถมแพรววาผู้เป็นโชลเมทของเขาอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ศอกเอง ทำเอาเด็กหนุ่มหวนนึกถึงคำแซวของรุ่นพี่ในหน่วยรบพิเศษว่า หากได้พบคู่ของตนเองแล้วก็ยากที่จะสลัดพ้น ตอนแรกเด็กหนุ่มในตอนนั้นเขายังไม่เชื่อจนกระทั่งมันเกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนี้ จิตติพัฒน์รีบทำเป็นเสียบหูฟังเพลงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงมันก็ตาม ทว่าด้านแพรววาที่ไม่รู้เลยว่าโชลเมทของเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ เพราะตอนนี้เธอกำลังร้อนรุ่มใจมากเนื่องจากพึ่งได้รับข่าวไม่ดีมา ป้าเอมแม่บ้านของแพรววาประสบอุบัติเหตุถูกรถจักรยานชนล้มลง ทันทีที่ทราบเรื่องแพรววาก็รีบออกจากโรงเรียนทันทีที่เลิกเรียน โดยมีกลุ่มเพื่อน ๆ ตามมาด้วยและเนื่องจากโทบี้ไม่สามารถมารับได้ แพรววาตัดสินใจขึ้นรถเมย์ เนื่องจากตอนนี้แพรววาอยู่ในอาการหูดับทำให้พวกเธอจำต้องใช้ข้อความแชทติดต่อกัน คติยา : โรงพยาบาลที่ป้าเอมรักษาตัวอยู่ไกลไหม ยัยแพรว แพรววา : ไม่ไกลหรอกแค่นั่งสาย 80 ก็ถึงแล้ว อนัญลักษณ์ : ป้าเอมถึงมือหมอแล้วคงไม่เป็นอะไรหรอก หยาดรุ้ง : เดี๋ยวฉันดูรถให้นะ ด้านแพรววาตัดสินใจละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับพึมพำออกมาว่า "ป้าเอมอย่าเป็นอะไรไปนะ" ซึ่งมันทำให้จิตติพัฒน์ที่นั่งอยู่ด้วย (แบบเนียน ๆ) ได้ยินพอดี ดูเหมือนคนที่เธอรู้จักกำลังเดือดร้อนอยู่และท่าทางเด็กสาวจะดูกังวลมาก จิตติพัฒน์เกิดสองจิตสองใจขึ้นมาว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี ใจหนึ่งก็อยากแสดงตัวต่อหน้าแพรววาว่าเขาคือใคร แต่อีกใจหนึ่งก็นึกถึงคำสาบานที่เคยลั่นไว้ว่าจะไม่สานสัมพันธ์กับคู่ของตนเองเป็นอันขาด พอตัดสินใจอะไรไม่ได้สุดท้ายจิตติพัฒน์ก็ทำได้แค่นั่งเฉย ๆ ทำเหมือนไม่ได้ยินบทสนทนาของกลุ่มเด็กสาว (หูดับอยู่คงไม่ได้ยิน) และทางฝั่งแพรววาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีที่สนใจเขาเลยเช่นกัน เล่นเอาจิตติพัฒน์รู้สึกน้อยใจแบบแปลก ๆ ไม่นานรถเมย์ก็แล่นเข้ามากำลังจะจอดเทียบท่าตรงป้าย และมันคือรถที่แพรววาต้องขึ้นไปโรงพยาบาลที่รักษาป้าเอม "ยัยแพรว รถมาแล้ว !" หยาดรุ้งร้องบอกโดยลืมไปว่าแพรววาหูดับอยู่ โชคดีที่แพรววาเห็นรถเมย์เหมือนกันจึงพากลุ่มเพื่อน รีบขึ้นไปอยู่บนรถเมย์ทันทีโดยมีจิตติพัฒน์นั่งมองตามหลังเด็กสาว และเมื่อกลุ่มแพรววาขึ้นรถและรถก็แล่นออกทันที ทว่าจิตติพัฒน์ก็ยังคงมองตามหลังรถคันนั้นไปจนลับตา รู้ตัวอีกทีเขาก็กลับมาได้ยินเสียงรอบข้างอีกครั้งและฝนมันก็หยุดตกเรียบร้อยแล้ว ❤️❤️❤️❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD