บทที่สิบเจ็ด

2021 Words
จิตติพัฒน์ตัดสินใจพาแพรววามาส่งที่ป้ายรถเมย์เนื่องจากเธอต้องกลับบ้าน ส่งผลให้แพรววายังไม่ได้คำตอบเสียทีว่าเหตุผลอะไร ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนกับเธอ ซึ่งก่อนที่รถจะแล่นเข้ามาจอดป้ายเด็กสาวหันมามองหน้าจิตติพัฒน์ "รอบหน้าเราจะได้เจอกันไหม" คำถามของแพรววาเล่นเอาจิตติพัฒน์ชะงัก แววตาและท่าทางมันแสดงชัดเจนว่าแพรววาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน จิตติพัฒน์ยอมรับว่าในวินาทีนี้เขาเกิดความสับสนเพราะสองจิตสองใจ แวบหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้ความหวังแก่เธอมากนักเนื่องจากอีกไม่นาน ทั้งเขาและพรรคพวกก็ต้องเดินทางออกจากเมืองแห่งนี้แล้วเพราะมีภารกิจกำลังรออยู่เบื้องหน้า ทว่าอีกใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากทำเธอผิดหวังว่าจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว ซึ่งสุดท้ายในเสี้ยววินาทีก่อนแพรววาจะขึ้นรถ "แล้วค่อยเจอกันนะ" แม้เป็นประโยคสั้น ๆ แต่แพรววารับรู้ได้ว่ามันมาจากใจจริงของเด็กหนุ่ม เธอหันมายิ้มหวานให้หลังจากมานั่งตรงริมหน้าต่างรถเมื่อมองเขาอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นมันทำให้ใจของจิตติพัฒน์สั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก รถแล่นมาไกลพอสมควรแล้วแต่ใจของแพรววายังคงอยู่ที่ป้ายรถเมย์ เธอยอมรับว่าอยากหยุดเวลานี้เอาไว้ในนานที่สุด เพราะเธออยากรู้จักกับจิตติพัฒน์ให้มากกว่านี้ ในอดีตตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นเด็กมักได้ยินเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับชาวฟรอนเทียร์ว่าเป็นคนป่าเถื่อนชื่นชอบทำสงคราม และมีครั้งหนึ่งแพรววาเคยเห็นชาวฟรอนเทียร์สองคนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันซึ่งเป็นการวิวาทที่รุนแรงมาก ทำให้แพรววาเชื่อว่าชาวฟรอนเทียร์เป็นคนป่าเถื่อนจริงดั่งเรื่องเล่า จนกระทั่งได้พบกับจิตติพัฒน์ซึ่งเป็นชาวฟรอนเทียร์ความคิดของเธอเริ่มเปลี่ยนไป เด็กสาวสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของจิตติพัฒน์ในช่วงเวลาที่เธอรู้สึกแย่ ก็มีเขาที่คอยปลอบประโลมอยู่แถมยังดูมีความเข้าอกเข้าใจในบางเรื่อง ที่แม้แต่พศพัชร์กับพจนวีร์พ่อแม่แท้ ๆ ยังไม่เข้าใจ และแพรววาแม้จะไม่เคยคุยกับเพศตรงข้ามมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่คนโง่เธอดูออกว่าใครจริงใจหรือหลอกลวง ครู่ต่อมาเสียงข้อความดังเข้ามาในโทรศัพท์มือถือเป็นข้อความจากพิมพ์พรรณโดยตอนนี้เธอรอแพรววาอยู่ที่บ้านแล้ว "อยากเจอเธออีกจัง.. เจต" แพรววาพึมพำแผ่วเบา ด้านฝั่งของจิตติพัฒน์ในตอนนี้ได้เดินทางมาถึงห้องพักในโรงแรมแล้ว และพบว่ามีแค่มงคลพัสที่อยู่ในห้องส่วนคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ด้วย โดยมงคลพัสบอกว่าพวกสุพิศาลกำลังจะกลับในอีกหนึ่งชั่วโมง จิตติพัฒน์พยักหน้าเข้าใจและนั่งลงตรงเก้าอี้เพื่อที่จะนั่งพัก เพราะตลอดทั้งวันเขายืนกับเดินมาตลอดแทบไม่ได้นั่งเลย ฝั่งมงคลพัสก็รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทของเขาหายไปไหนมา ก็คงไม่พ้นแพรววาผู้เป็นโชลเมทที่อีกไม่นานคงได้เลื่อนสถานะมาเป็น "คู่ผูกวิญญาณ" ในไม่ช้า ซึ่งคงเป็นชะตากรรมที่จิตติพัฒน์ไม่อาจจะหลีกหนีมันได้อีก ต่อให้ไอ้เพื่อนงี่เง่าคนนี้จะอ้างถึงคำสาบานที่เคยพูดไว้หน้าหลุมศพของพ่อก็ตาม มงคลพัสยอมรับว่าในจิตใต้สำนึกของเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า จิตติพัฒน์จะหนีไปได้ไกลแค่ไหนถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ถึงสุดท้ายก็ต้องวนกลับมาหาพวกเธอเหล่านั้นอยู่ดีดั่งคำที่พันโทมนต์ธนัทเคยว่าไว้ "ยังไงก็ไม่อาจหนีพ้น" "ฉันนึกว่านายจะไปข้างนอกกับพวกหินซะอีก" จิตติพัฒน์หันมาสนทนากับมงคลพัส "ไม่ล่ะ ช่วงนี้ฉันอยากเก็บแรงมากกว่า" มงคลพัสตอบ "ว่าแต่เดตแรกของนายราบรื่นดีไหม" จิตติพัฒน์หันขวับมามองมงคลพัสในทันทีแม้จะมีท่าทางเลิ่กลั่ก แต่ก็ยังพยายามเก็บอาการของตัวเองเอาไว้ "ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร" มงคลพัสส่ายหน้าเล็กน้อยและยกถ้วยชาขึ้นดื่ม "ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอกน่าเจต อีกอย่างเธอก็น่ารักดีนะ ถ้าเป็นฉันก็อยากทำความรู้จักกับเธอ" คำพูดของเพื่อนสนิทสร้างความฉงนใจให้กับจิตติพัฒน์เล็กน้อย เขามองหน้ามงคลพัสคล้ายกับต้องการคำอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ ทว่าสุดท้ายแล้วมงคลพัสก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา จนในที่สุดกลุ่มสุพิศาลก็พากันเดินกลับมาในห้องแถมแต่ละคนก็ดูมีสีหน้าที่เคร่งเครียดมาก สร้างความฉงนใจให้กับสองเด็กหนุ่มอย่างมากจนทำให้มงคลพัสอดไม่ได้ที่จะไม่ถาม "มีอะไรกันเหรอ ทำไมพวกนายทำหน้าเครียดกันจัง" มงคลพัสถาม "มี" สุพิศาลตอบเสียงหนัก "พวกเราต้องจับเข่าคุยกันหน่อยแล้ว" ❤️❤️❤️❤️ แพรววากับพิมพ์พรรณพากันรีบตื่นเช้าด้วยความเร่งรีบ หลังจากที่ได้รับข้อความของอนัญลักษณ์ว่าตอนนี้เกิดเรื่องในโรงเรียนแล้ว จึงทำให้สองสาวไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งทานอาหารเช้าจึงทำได้แค่หยิบขนมปังทาแยมส้ม และขวดนมคนละขวดพร้อมกับกระโดดขึ้นรถทันที พิมพ์พรรณออกคำสั่งให้โทบี้รีบพาพวกเธอไปให้ถึงโรงเรียนให้เร็วที่สุด ด้วยความที่โทบี้เป็นแค่แอนดรอยส์จึงพยักหน้ารับคำสั่งโดยไม่ปริปากถามอะไร ตลอดเส้นทางการเดินทางจิตใจของแพรววาแทบอยู่ไม่สุข เพราะข้อความที่อนัญลักษณ์ส่งมาเป็นภาพถ่ายของแพรววากับจิตติพัฒน์ ซึ่งทั้งสองกำลังนั่งคุยกันที่สวนสาธารณะพร้อมกับข้อความเขียนกำกับภาพไว้ว่า "ดาวเด่นแห่งชมรมนักวิ่งกับยุวชนทหารฟรอนเทียร์ โชลเมทของเธอ" แพรววาไม่คาดคิดเลยว่าเบลล่าจะกล้าใช้วิธีเลวร้ายแบบนี้มาทำร้ายเธอได้ ความโกรธและความสงสัยผุดขึ้นมาในใจทันที เด็กสาวกำโทรศัพท์แน่นมากเหมือนอยากกำให้มันแหลกคามือ ทว่าโชคดีหน่อยที่พิมพ์พรรณยังอยู่เคียงข้างน้องสาว เธอยื่นมือมากุมมืออันสั่นเทาของแพรววาเอาไว้ "ไม่ต้องกังวลนะแพรว พี่ยังอยู่ตรงนี้" พิมพ์พรรณพูดปลอบประโลม แพรววาหันมามองอีกฝ่ายพร้อมดวงตาที่มีน้ำใส ๆ ครอบเอาไว้ "หนูไม่เข้าใจเลยพี่พิม หนูทำอะไรให้เบลล่าหนักหนาเหรอคะ" แพรววาถามเสียงสั่น "เขาแค้นหนูเพียงเพราะพี่เสมอแมนชอบหนู แต่ไม่ได้ชอบเขางั้นเหรอ" พิมพ์พรรณดึงร่างของแพรววาเข้ามาสวมกอดเอาไว้ เธอลูบหัวน้องสาวอย่างแผ่วเบาใจนึกกังวลไม่ต่างจากแพรววา สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือถ้าเรื่องนี้หลุดเข้าหูของพศพัชร์จะเป็นอย่างไรต่อ แม้พิมพ์พรรณจะไม่ได้พูดคุยกับเบลล่าแต่ก็รับรู้ดีว่า อีกฝ่ายไม่เคยแสดงความเป็นมิตรกับแพรววาเลยและพิมพ์พรรณยอมรับว่า ครั้งนี้เบลล่าล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และครั้งนี้เธอคงไม่อาจปล่อยให้ลอยนวลไปง่าย ๆ แน่ ฝั่งแพรววาก็พยายามที่จะไม่หลั่งน้ำตาออกมาจนรถแล่นเข้าจอดที่โรงเรียน แพรววาใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาออกและเดินออกจากรถ พบว่ากลุ่มเพื่อนกำลังรออยู่และมีสีหน้าที่ไม่ต่างจากพิมพ์พรรณ แต่คนที่ควรจะเดือดดาลยิ่งกว่าก็คงไม่พ้นแพรววา ทันทีที่เดินเข้ามาในโรงเรียนแน่นอนว่าสายตาทุกคู่หันมามองที่แพรววาเป็นตาเดียว ทว่าบัดนี้เด็กสาวหาได้แยแสไม่เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอคิดคือ จัดการกับตัวต้นเรื่องอย่างเบลล่ากับพ้องเพี่อนของหล่อนมากกว่า หยาดรุ้งยื่นภาพถ่ายบนใบปลิวให้แพรววาดู "ยัยนั่นอยู่ไหน" แพรววาถามขึ้นซึ่งกลุ่มอนัญลักษณ์พากันนำทางแพรววาและพิมพ์พรรณ มายังโรงอาหารของโรงเรียนและแน่นอนว่าไม่ว่าจะเดินไปตรงไหน ใบปลิวพร้อมภาพถ่ายของแพรววาก็หล่นอยู่แทบจะทุกที่ จนหุ่นทำความสะอาดต้องรีบออกมาจัดการโชคดีที่ตอนนี้บรรดาอาจารย์กำลังประชุมกันอยู่จึงยังไม่รู้เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในที่สุดแพรววาก็เห็นเบลล่าที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ อยู่ จึงไม่ทันระวังตัวและถูกแพรววาจัดการด้วยเทน้ำส้มแก้วหนึ่งใส่หัวของเบลล่า เด็กสาวผมทองร้องลั่นด้วยความตกใจและพอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อจะเหลียวหลังมาดูว่าใครคือคนที่เทน้ำส้มใส่เธอ แต่แล้วเสียงดัง "เพียะ !" ก็ดังสนั่นลั่นโรงอาหาร ทำให้ทุกสายตาหันมาดูต้นเสียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น สำหรับกลุ่มอนัญลักษณ์ที่รู้จักกับแพรววามานานต่างต้องยอมรับว่า นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเห็นแพรววาโกรธขนาดนี้ แรงฝ่ามือของแพรววาทำให้หน้าของเบลล่าถึงหันไปทางด้านข้างแล้วตามด้วยร่างสะดุดเก้าอี้จนล้ม ชอนยูอินกับโซอี้ต่างพากันนั่งแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเมื่อสบตากับแพรววาที่โกรธมาก ๆ เบลล่าพยุงตัวเองขึ้นมาและจ้องหน้ากับแพรววา แววตาจ้องจะกินเลือดกินเนื้อของแพรววาทำให้เบลล่าถึงกับหวาดหวั่นไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นเธอก็เลือกที่จะทำใจดีสู้เสือ "เป็นบ้าอะไรของเธอ !" เบลล่าพูดเสียงดังใส่อีกฝ่าย "ตบฉันทำไม" "ขนาดนี้แล้วยังกล้าเล่นละครบทผู้เสียหายอีกเหรอ" แพรววาตวาดกลับทำเอาทั้งโรงอาหารพากันสะดุ้งกันหมด ไม่เว้นแม้แต่กับกลุ่มของอนัญลักษณ์ "นี่ฝีมือเธอใช่ไหม !" จากนั้นก็โยนใบปลิวภาพถ่ายใส่หน้าของเบลล่า "เฮอะ ! เธอมีหลักฐานไหมล่ะว่ามันเป็นฝีมือของฉัน อย่ามาใส่ร้ายกันนะ" เบลล่าโต้กลับ "หลักฐานเหรอ... ถึงฉันไม่มีหลักฐานแต่ในตอนที่อยู่ในสวนสาธารณะ ฉันเห็นโซอี้ถือกล้องถ่ายรูปหลบหลังต้นไม้อยู่" สายตาของแพรววาหันมาจ้องหน้าโซอี้ที่แข็งทื่อเป็นหิน "คนอย่างโซอี้น่ะไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้เอง ถ้าไม่มีคนในกลุ่มบอกให้ทำหรอก" และแล้วสายตาของเบลล่าก็มองเลยหลังของแพรววาไป เห็นเสมอแมนกับกลุ่มเพื่อนร่วมอยู่ด้วยสีหน้าฉงนใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แวบหนึ่งแพรววามองเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ที่ฉายออกมาจากหน้าของเบลล่า "เธอยิ้มอะไร" เบลล่าจ้องมองแพรววาอย่างไม่เกรงกลัวทั้งที่ก่อนหน้านี้ ยังหวาดหวั่นเหมือนลูกเป็ดกลัวฉลาม เบลล่าพูดเสียงอันดังขึ้นว่า "เมื่อวานพวกฉันอยู่ร้านไอศกรีมกันครบแก๊งจะมีเวลาไปถ่ายภาพนี้ได้ยังไงกัน แล้วอีกอย่างนะแพรวถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงจะร้อนตัวทำไมล่ะ" พิมพ์พรรณเอะใจในน้ำเสียงของเบลล่าและพอหันไปทางขวามือ เมื่อเห็นกลุ่มเสมอแมนก็ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าเบลล่าต้องการหักหน้าแพรววาต่อหน้าเสมอแมน ดูเหมือนว่าเธอเองก็เริ่มมีอาการคันไม้คันมือไม่ต่างจากแพรววาเท่าไหร่นัก ขณะเดียวกันแพรววาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ทันลูกไม้ตื่น ๆ ของเบลล่า ในใจของเด็กสาวคิดแค่เพียงว่าในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปกปิดอีกต่อไป "เพราะมันเป็นเรื่องจริงยังไงล่ะ ฉันถึงได้โกรธในการกระทำของเธอ เบลล่า !" ❤️❤️❤️❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD