7

1214 Words
7 “เธออยากตายมากใช่มั้ย?...ที่ทำกับฉันแบบนี้” เขาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว มองร่างบางจนแทบจะละลายด้วยเปลวแห่งไฟ ก้าวย่างเข้าไปหาพิมลวัลย์อย่างช้าๆ เสียงทรงอำนาจของเขาไม่อาจทำให้ร่างบางสะดุ้งสะเทือนได้ เธอไม่ตอบไม่เกรงกลัวท่าทางดุจปีศาจร้าย ร่างบางเดินหมุนตัวไปที่ตู้เย็น เปิดมันออกมาแล้วเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างออกมาจากตู้เย็น “เอาน้ำเย็นเข้าลูบไว้จะได้หายบ้า” น้ำเย็นจัดที่อยู่ในเหยือกแก้วถูกสาดไปที่ใบหน้าคมอย่างแรง ก่อนที่เขาจะถึงตัวเธอ น้ำที่เย็นจัดทำให้ร่างหนาสะดุ้ง หากแต่ความเย็นจากน้ำที่ถูกสาดไม่อาจทำให้แรงโทสะของเขาลดทอนลง ตรงกันข้าม มันเพิ่มมากยิ่งขึ้น สาวใช้บางคนเอามือปิดปากอุทานออกมาดังบ้างเบาบ้าง ป้าอุ่นแม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลเอามือทาบอก วิ่งตรงไปหาใครบางคนก่อนที่พิมลวัลย์จะหมดลมหายใจที่ห้องครัว “วันนี้เธอต้องตายด้วยมือของฉันแน่” เขากระโจนร่างเข้าหาร่างบางที่ถอยไปตั้งหลักหนึ่งก้าว ความไวดุจพญาอินทรีที่โฉบล่าเหยื่อจากฟากฟ้า ตะครุบร่างบางได้ทันก่อนที่เธอจะหมุนตัวหนี พิมลวัลย์ยืนนิ่งไม่ดิ้นรนขัดขืน ปล่อยให้อ้อมแขนดั่งคีมเหล็กรัดร่างของเธอตามชอบใจ ปกรณ์รู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเธอยิ่งนัก เธอดูนิ่งจนน่ากลัว คนที่อยู่บริเวณนั้นไม่อยากจะมองดูว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง “ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าก่อนที่ฉันจะเจ็บตัวคุณต้องเจ็บก่อน” เธอพูดเสียงราบเรียบไม่แสดงอาการตื่นตกใจ เหมือนคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่ ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยหญิงสาวคนนี้สักคน เพราะกลัวโดนลูกหลงไปด้วย ปกรณ์ไม่เฉลียวใจกับคำพูดของสาวน้อยในอ้อมแขน คิดเพียงว่าเธออยู่ในอ้อมกอดจะทำอะไรเขาได้ “โอ๊ย!!” เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดดังขึ้น หากแต่หาใช่เสียงของหญิงสาวไม่ กลับเป็นเสียงร้องของปกรณ์ที่ตอนนี้เจ็บที่ใจกลางร่างกายเป็น อย่างมาก เมื่อโดนหัวเข่าของเธอถองที่จุดสำคัญ “อย่าคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ง่ายๆ ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาเรียกร้องสิทธิ์ของความเป็นเมียจากคุณ ฉันมาในฐานะของคนเป็นแม่ ที่จะมาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อจากคุณ ใครแรงมาฉันแรงกลับ ใครทำฉันเจ็บคนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า จำไว้คุณปกรณ์” เธอก้มใบหน้าพูดกับชายหนุ่มที่นั่งกุมส่วนอ่อนไหว เงยหน้ามองเธออย่างกราดเกรี้ยว กิริยาของเธอ คำพูดคำจาที่ไม่ยอมใคร เขามั่นใจว่าไม่เคยเจอเธอมาก่อน และยิ่งมั่นใจด้วยว่าศิริกาญจน์ไม่ใช่ลูกของเขา หญิงสาวก้าวเดินออกไปจากห้องครัว เป็นจังหวะเดียวกับที่จักราวิ่งมาที่ห้องครัว หลังจากที่ป้าอุ่นวิ่งไปตามให้เขามาห้ามปรามลูกชายเพียงคนเดียว หากแต่ภาพที่เห็นกลับตาลปัตรไม่ตรงกับคำพูดของป้าอุ่น “แย่แล้วค่ะคุณท่าน...คุณมาร์คจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นค่ะ คุณท่านรีบไปห้ามคุณมาร์คนะคะ” จักรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร ชายสูงวัยเดินแกมวิ่งไปที่ชั้นล่างตรงไปที่ห้องครัวทันที “ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นมาร์ค?” จักราถามลูกชายใบหน้าของเขายิ้มนิดๆ พอจะเดาออกว่าพิมลวัลย์สร้างวีรกรรมอะไรไว้ให้ลูกชาย ปกรณ์ไม่ตอบผู้เป็นพ่อ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สูดลมหายใจเข้าปอดผ่อนออกมาอย่างแรง เพื่อบรรเทาความเจ็บจุกที่อัดแน่นอยู่บริเวณใจกลางร่างกาย ก้าวเดินออกไปจากห้องครัว หากแต่เสียงของบิดาดังไล่หลังมา เท้าของเขาจึงหยุดชะงักเล็กน้อย “แกจะไปไหน?” “ไปจัดการธุระนิดหน่อยครับ” เขาตอบเสียงเรียบ แววตายังคงฉายวับด้วยความโกรธที่มีอยู่ให้เห็น “ไปทำธุระก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน ระวังจะเจ็บตัวกลับมาอีก” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างรู้ทันว่าปกรณ์จะไปไหน ผู้เป็นลูกชายหมายมั่นว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะพลาดท่าเสียทีกับเธอ เพราะมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว “เดี๋ยวคุณพ่อก็รู้ว่าใครจะเจ็บตัว” เขาพูดเสียงเข้ม เท้าหนาเดินออกไปจากประตูมุข ตรงไปที่เรือนหลังเล็กเพียงลำพัง เพราะจักราอยากให้ลูกชายสะสางเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเขาเอง เรือนหลังเล็กที่อยู่ตรงหน้าคือสถานที่ที่เขาเดินทางมา ประตูบ้านที่เปิดอ้าทิ้งไว้ ทำให้เขาเห็นร่างของหนูน้อยหน้าตาน่ารักกำลังรับประทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะเป็นเพียงแซนด์วิชและนมหนึ่งกล่องที่ผู้เป็นแม่ฉวยออกมาจากห้องครัว เพื่อนำมาให้ลูกสาวรับประทาน ศิริกาญจน์ยิ้มให้ผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร ใบหน้าของเด็กน้อยเอิบอิ่มมีความสุข ไร้เดียงสา เขายอมรับว่ารอยยิ้มของเด็กคนนี้เหมือนกับใครบางคนที่เขารู้จัก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างเด็กน้อย มือใหญ่วางลงบนศีรษะเล็ก ลูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน เหมือนมีกระแสความผูกพันบางอย่างวิ่งจากศีรษะของเด็กน้อย ซึมซับเข้ามาในฝ่ามือของเขาไหลวนไปตามกระแสเลือดก่อนจะจมดิ่งไปที่หัวใจ พลังที่ส่งผ่านมานั้นทำให้เขารู้สึกสับสนว่าเป็นความรู้สึกอะไร ปกรณ์ผละห่างจากร่างของศิริกาญจน์ทันที เมื่อคิดได้ว่าเด็กคนนี้ไม่มีความผูกพันทางสายเลือดกับเขา ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้ “แม่เธออยู่ไหน?” เขาตีเสียงให้เคร่งขรึม จ้องมองเด็กน้อยด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “อยู่ในห้องค่ะ” ศิริกาญจน์ชี้ไปที่ห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล เขาหมุนตัวเดินไปที่ห้องนอนห้องนั้นทันที มือหนาเปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบา ไม่อยากให้คนที่อยู่ในห้องรู้ตัว หากแต่ภายในห้องกลับว่างเปล่าไร้ร่างของหญิงสาวที่เขาต้องการพบ เสียงน้ำที่ดังมาจากห้องน้ำ ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้พิมลวัลย์อยู่ในนั้น ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงน้ำหยุดลง เขามองหาที่กำบังร่างกาย ก่อนจะเดินไปหลบอยู่ที่ซอกตู้เสื้อผ้าที่พอดีกับตัวเขา หลบซ่อนอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าทำไม พิมลวัลย์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว หลังจากที่นำแซนด์วิชและนมมาให้ลูกสาวแล้ว เธอต้องการชำระร่างกายให้สะอาด ให้คราบไคลของชายหนุ่มที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าและร่างกายให้หลุดออกไปจากร่างกาย เธอรังเกียจอ้อมกอดนี้ อ้อมกอดของคนใจร้ายไม่มีหัวใจ แม้ว่าจะรู้สึกร้อนวูบวาบบ้างก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD