3

1286 Words
3 ฝ่ามือบางสะบัดไปที่ใบหน้าคมเข้มสามครั้งซ้อน ท่ามกลางสายตาของแขกที่มาร่วมงาน รวมทั้งบิดาของปกรณ์ด้วย จักรามองมาที่พิมลวัลย์อดรู้สึกทึ่งกับความกล้าหาญของเธอไม่ได้ ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะหันใบหน้ามามองพิมลวัลย์นิ่ง แต่มันเป็นสายตาแห่งความโกรธแค้น ชิงชัง เดือดดาลและอีกหลากหลายความรู้สึก หากแต่คนอย่างพิมลวัลย์ยอมรับผลที่จะตามมาอยู่แล้ว และไม่รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง ที่เธอทำทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตัวเอง หากแต่ทำเพื่อเด็กคนหนึ่งเพื่อให้มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่น ต้องการให้ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่า การกระทำของตัวเองสร้างความเจ็บปวดไว้ให้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งมากขนาดไหน และต้องการให้เขารู้ว่า เขายังมีลูกสาวที่น่ารัก ซึ่งเกิดมาในความไม่ตั้งใจของผู้เป็นพ่อ ให้เขารู้ซึ้งถึงคำว่าพ่อที่ต้องมีต่อเด็กน้อยคนนี้บ้าง แม้ว่ามันจะยากมากแค่ไหนก็ตาม “หมามันยังรักลูกของมันเอง ลูกมันหิวมันยังหาอาหารให้ลูกมันกิน แต่คุณเป็นคน จิตสำนึกในความเป็นพ่อในตัวคุณมันไม่มีเลย คุณเลวเกินกว่าที่จะเป็นพ่อคน และเลวเกินกว่าที่จะเป็นสามีของใครด้วย เพราะคนที่ได้คุณเป็นสามีคงเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุด” พิมลวัลย์ตะโกนพูดใส่หน้าปกรณ์ที่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายที่กล้าว่าเขาต่อหน้าบุคคลอื่น “มาร์คไม่ใช่คนอย่างที่คุณพูดหรอกค่ะ คุณเข้าไม่ถึงจิตใจของเขาต่างหาก คุณไม่เคยได้รับความรักจากมาร์ค คุณถึงไม่รู้ว่าความดีที่มีอยู่ในตัวของเขามีมากกว่าความเลวที่คุณกล่าวหา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าคุณไม่อยู่ในสายตาของเขาก็ได้ คุณถึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของมาร์ค และบุคคลในที่นี้ โดยใช้เด็กคนนี้เป็นเครื่องต่อรองชั้นเลิศ เพื่อที่จะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ” คนที่พูดแทรกขึ้นมาคือนีรนารถเจ้าสาวของงานนี้ ที่ฟื้นตัวจากการสลบและได้ยินคำพูดของพิมลวัลย์พอดี คำพูดของเธอนุ่มนิ่มเหมือนกิริยาและการวางตัว หากคำพูดของเธอนั้นเหน็บแนมพิมลวัลย์ได้เป็นอย่างดี “ฉันไม่เคยต้องการผู้ชายคนนี้มาเป็นสามีของฉันหรอก ฉันแค่ต้องการให้ลูกของฉันมีพ่อเหมือนกับเด็กคนอื่นเท่านั้นเอง ส่วนผู้ชายคนนี้จะดีเลิศประเสริฐศรีในความคิดของคุณยังไง จะมีคุณค่ามากสำหรับคุณแค่ไหน ฉันไม่รับรู้ เพราะฉันไม่ต้องการเกลือกกลั้วกับสวะชั้นเลวเป็นครั้งที่สองแน่” พิมลวัลย์พูดอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน ปรายตามองปกรณ์อย่างเหยียดหยาม “แล้วเธอมาที่นี่ต้องการอะไร?” ปกรณ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว แผนบางอย่างวิ่งเข้ามาในสมองของเขาทันที วิธีนี้อาจเป็นวิธีเดียวที่จะประกาศให้คนอื่นรู้ว่าผู้หญิงคนนี้โกหก “ฉันแค่ต้องการให้คุณรับน้องจินนี่เป็นลูกก็เท่านั้น อย่างอื่นที่คุณคิดไว้ในใจฉันไม่ต้องการ เพราะฉันมีพร้อมทุกอย่างแล้ว” พิมลวัลย์พูดเพราะรู้ว่าปกรณ์คิดว่าเธอจะมาขอเงินกับเขา แต่คิดผิด ความคิดนี้ไม่อยู่ในสมองของเธอเลยแม้แต่น้อย “เอาอย่างนี้ ทุกคนในที่นี้เป็นพยาน ฉันจะให้เธอกับลูกของเธอเข้าไปอยู่ในบ้านของฉัน และเธอต้องยินยอมให้ฉันตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉันจริงๆ ถ้าใช่ฉันจะยอมรับเด็กคนนี้ ถ้าไม่เธอต้องกราบขอโทษฉันที่เธอล่วงเกินฉันในวันนี้ ตกลงหรือเปล่า?” ปกรณ์พูดเสียงดังฟังชัด ประกาศก้องต่อหน้าบุคคลที่มาร่วมงาน ทำให้คนในที่นั้นรู้สึกพอใจกับคำพูดของเขา เพราะเท่ากับว่าปกรณ์ให้ความยุติธรรมกับพิมลวัลย์และลูกน้อยนามว่าจินนี่ “ตกลงตามที่คุณพูด” พิมลวัลย์แน่ใจว่าผลตรวจจะออกมาในทางที่ดี ส่วนปกรณ์ก็หมายมั่นว่าผลตรวจดีเอ็นเอจะออกมาว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กคนนี้แน่นอน “แต่ตอนนี้ฉันขอจัดงานแต่งงานก่อนนะ รู้สึกว่าจะเลยเวลาตัดเค้กมานานแล้ว แขกผู้มีเกียรติของฉันคงรอนานแล้ว ส่วนเธอกับลูกเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ กรุณาเดินออกไปคอยด้านนอกด้วย ฉันจัดงานเลี้ยงฉลองสมรสเสร็จเมื่อไหร่...ฉันจะไปเรียกเธอเอง...ไปสิ...ไป” ปกรณ์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยไล่อย่างสุภาพ “คุณอย่าคิดว่าคำพูดของคุณวันนี้จะชนะฉันได้...คุณกับฉันต้องเจอกันอีกหลายยกกว่าจะรู้ผล เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างก็ดีนะ ฉันไม่ได้พูดเล่นฉันเอาจริง” พิมลวัลย์จ้องดวงตาคมเข้มอย่างท้าทาย บวกกับคำพูดที่ไม่หวั่นเกรง ทำให้เขารู้สึกอยากออกศึกครั้งนี้ขึ้นมาทันที “ได้...ฉันจะรอ” ปกรณ์ท้าทายตอบกลับ พิมลวัลย์พาร่างของเด็กน้อยวัยสามขวบเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงทันที เพื่อรอเวลาที่ทั้งเขาและเธอจะห้ำหั่นกันอีกครั้ง นานกว่าสองชั่วโมงที่พิมลวัลย์และศิริกาญจน์นั่งคอยปกรณ์อยู่ที่ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง จนบัดนี้ร่างของหนูน้อยได้หลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของแม่บุญธรรม ที่ให้ความรักความเอาใจใส่หนูน้อย เหมือนกับลูกในอก พิมลวัลย์อดทนรออย่างใจเย็นเพื่อเด็กน้อยที่น่าสงสารในอ้อมแขนของเธอคนนี้ แขกผู้มีเกียรติต่างทยอยกันกลับไปจนเกือบหมดแล้ว หากแต่ร่างของเจ้าบ่าวยังไม่มีวี่แววจะออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแต่อย่างใด “มาร์ค...แกไม่ออกไปจากห้องจัดเลี้ยงนี้ใช่ไหม?...นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว...เด็กคนนั้นกับแม่ของเขารอแกอยู่ด้านนอกนะ” จักราบิดาของปกรณ์ถามอย่างเหลืออดที่เห็นลูกชายนั่งดื่มบรั่นดีอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน โดยมีเจ้าสาวนั่งอยู่ข้างๆ “อยากรอก็รอไป...จะไปสนใจทำไม” ปกรณ์พูดอย่างไม่ไยดี เขามั่นใจว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ แล้วจะมีลูกกับเธอได้ยังไง ไม่ใช่ปลากัดนะที่มองตากันแล้วจะได้ท้อง “มาร์ค...แกควรจะออกไปจากห้องนี้ได้แล้วนะ...เจ้าสาวของแกนั่งคอยแกเข้าหออยู่...หรือว่าแกจะนั่งดื่มบรั่นดียันเช้า” จักราพูดอย่างเหลืออด “ช่างเขาเถอะค่ะคุณพ่อ นารถรอได้” นีรนารถพูดแทรกขึ้น “น่าเบื่อชะมัด...วันแต่งงานแท้ๆ ดันมีมารมาขวาง คอยดูนะจะเล่นงานให้สาสมเลยทีเดียว” ปกรณ์วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะอย่างแรง สาวเท้าเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงอย่างอารมณ์ขุ่นมัว เพื่อจัดการกับพิมลวัลย์ที่กล้าฉีกหน้าเขา และมาทำลายความสุขที่น่าจะมีมากล้น ให้เป็นความทุกข์ที่ยากจะกลืนกิน “ไม่ต้องตามไป...ให้มาร์คมันจัดการด้วยตัวของมันเอง” จักราสั่งนีรนารถและลูกน้องของปกรณ์ไม่ให้เดินตามลูกชายของเขาออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD