“คุณหนู!!!!”
ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจสุดขีด ไม่ต่างอะไรกับเบนลีที่ลงจากรถ วิ่งมายังไม่ถึงตัวเธอ ทุกคนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“เบนลีเกิดอะไรขึ้น!”
ร่างสูงใหญ่สง่างามที่ลงจากรถแล้ววิ่งมาถามเลขาด้วยท่าทางร้อนใจ
แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็เต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นร่างบางนอนแน่นิ่งอยู่บนท้องถนน โดยที่ข้างกายมีรถคันใหญ่ยับเยินข้างฟุตบาท
เบนลีที่เหมือนจะเพิ่งได้สติกำลังจะขยับปากอธิบาย แต่ร่างสูงสง่าเจ้านายวิ่งเข้าไปช้อนร่างบางขึ้นตักแข็งแรง จากนั้นก็ก้าวยาวๆขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของชายฉกรรจ์ทั้งสี่ที่ยังทำอะไรไม่ถูก
“ออกรถเบนลี ไปโรงพยาบาลด่วน!”
“ครับท่าน!”
เบนลีรับคำก่อนจะรีบทำตามด้วยความรวดเร็ว จังหวะนั้นเองที่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้สติกลับคืนมา
“รีบโทรบอกท่านว่าคุณหนูเกิดอุบัติเหตุ”
ณ โรงพยาบาล
“นอกเหนือจากแผลภายนอกที่ถลอกเล็กน้อยแล้วก็ไม่พบว่าคนไข้มีกระดูกหักที่ไหนในร่างกาย ส่วนที่คนไข้สลบไปอาจจะเกิดจากความตกใจเฉยๆครับ”
นายแพทย์วัยกลางคนบอกกับชายหนุ่ม หลังจากตรวจร่างกายเธออย่างละเอียดตามที่คลินท์กำชับไว้
“แล้วเธอจะฟื้นเมื่อไหร่ล่ะครับ”
คลินท์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เพราะเขายังไม่วางใจหากเธอยังไม่ได้สติ
“อันนี้หมอให้คำตอบไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคน บางคนไม่กี่ชั่วโมงก็ได้สติ แต่บางคนอาจจะหลับไปนานถึงสองสามวันก็เป็นได้ ถ้ายังไงคืนนี้หมอขอดูอาการก่อน ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นพรุ่งนี้ก็อาจจะกลับบ้านได้เลย”
“ขอบคุณครับ”
คลินท์กล่าวขอบคุณนายแพทย์หนุ่มแล้วหันมาหาเลขาส่วนตัว
“หาที่คุยกันหน่อย”
“ครับท่าน”
เบนลีรับคำก่อนจะเดินตามเจ้านายหนุ่มมาที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ฉันบอกให้ไปช่วยเธอแล้วทำไมถึงปล่อยให้เธอเกือบถูกรถชน!”
คลินท์ตำหนิเลขาเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความดุดันชนิดที่คนฟังต้องรู้สึกเสียวสันหลับวาบ
“ผม…พยายามไปให้ถึงตัวคุณพลอยไพลินแล้วครับ แต่ไม่คิดว่าเธอจะหนีออกจากวงล้อมของชายฉกรรจ์แถมยังวิ่งข้ามถนนไปแบบนั้น”
เบนลีไม่ได้แก้ตัว แต่เขาพูดความจริง แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ เพราะยังไงเสียมันก็คือการแก้ตัวดีๆนั่นเอง ทำงานกับเจ้านายมาหลายปีเขารู้ดีว่าเจ้านายไม่ชอบความผิดพลาด ลองได้เอ่ยปากแล้วไม่มีคำว่าพลาดเด็ดขาด
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ว่าแต่นายช่วยสืบให้ทีว่าคนที่ตามตัวเธอเป็นพวกไหน แล้วทำไมถึงต้องการตัวพลอยไพลินนัก”
แม้อารมณ์ยังขุ่นเคืองที่เลขาหนุ่มทำงานผิดพลาด แต่คลินท์ก็ไม่อยากดุด่า หรือต่อว่าอะไรเบนลีให้มากความ เพราะยังไงเสียก็ไม่สามารถย้อนไปแก้ไขอะไรได้ และอีกอย่างเขาก็ต้องการรู้เรื่องกลุ่มคนที่ตามล่าตัวพลอยไพลินมากพอๆกับความเป็นห่วงที่มีต่อเธอ จึงต้องรีบดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้
เบนลีที่ทำท่าจะรับคำแต่แล้วสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ข้างถนนก่อนหน้านี้ พร้อมกับชายวัยกลางคนร่างท้วมคนหนึ่ง ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นหัวหน้าของพวกมัน ทั้งหมดกำลังเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามอะไรบางอย่างกับพยาบาลที่ยืนประจำอยู่จุดประชาสัมพันธ์
“พวกนั้นแหละครับที่ตามตัวคุณพลอยไพลิน ดูเหมือนพวกมันจะไม่ธรรมดานะครับ ถึงได้กล้าบุกมาถึงโรงพยาบาล”
เบนลีรายงานขณะที่มองไปยังกลุ่มคนพวกนั้น แต่ยังไม่ทันที่ได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น คลินท์ก็ก้าวยาวๆตรงไปหากลุ่มคนดังกล่าวทันทีโดยไม่ได้บอกกล่าวเลขาสักคำ และเมื่อตั้งสติได้เบนลีก็เดินตามเจ้านายด้วยความรีบร้อน
“ขอโทษนะครับ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาถามถึงคนของผม”
คลินท์เอ่ยถามเสียงเรียบแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ผู้ฟังสัมผัสได้ ทำให้ประกาศิตที่กำลังรอคำตอบจากพยาบาลหน้าเคาน์เตอร์อย่างใจจดใจจ่อต้องหันมาทางชายหนุ่มด้วยความไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขากวาดสายตามองบุรุษรุ่นราวคราวลูกตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบหนึ่งก็สามารถบอกตัวเองได้แล้วว่าชายผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่กระนั้นก็ยังย้อนถามเสียงเรียบควบคุมอารมณ์ไม่พอใจไว้ลึกๆข้างใน
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าคุณเป็นใคร ถึงได้มาอ้างตัวว่าลูกสาวของฉันเป็นคนของคุณ”
“ลูกสาว!”
คลินท์อุทานเสียงเบาราวกับคนละเมอเมื่อรับรู้ว่าชายร่างท้วมตรงหน้าคือใคร แวบหนึ่งเขาคิดว่าชายผู้นี้แอบอ้างตัวเองว่าเป็นบิดาของพลอยไพลินแต่ด้วยสัญชาตญาณบอกกับเขาว่าชายผู้นี้ไม่ได้พูดโกหก และคำตอบยิ่งชัดเจนเมื่อสังเกตเค้าโครงหน้าที่มีความคล้ายกับหญิงสาว
“ใช่ พลอยไพลินเป็นลูกสาวคนเดียวของฉัน”
“งั้นผมก็ขอแนะนำตัวเลยแล้วกันนะครับ ผมชื่อคลินท์เป็นคนรักของคุณพลอยไพลินครับ”
ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจเป็นคนรักของเขา คลินท์ก็ถือว่าคำบอกรักของเธอก่อนหน้านี้เป็นการสมัครใจของเธอเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาพูดก็ถือว่าไม่ผิด
แต่คำพูดของเขากลับทำให้คนฟังถึงกับอึ้งไปตามๆกัน เพราะประกาศิตไม่คิดว่าจะเจอตัวคลินท์ง่ายแบบนี้ ภาพแรกที่เขาจินตนาการถึงชายแก่ร่างท้วมหัวงูได้หายลบเลือนออกไปจากความคิดในพริบตา หลงเหลือเพียงบุรุษรูปงามปานเทพบุตรตรงหน้าเท่านั้น ไม่ต่างจากลูกน้องคนอื่นนี่ยืนอ้างปากค้างเพราะคาดไม่ถึงเช่นกัน
นี่ถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่าคนตรงหน้าเป็นพ่อค้ายาสูบที่รวยติดอันดับโลกพวกเขาจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด แต่เพราะสืบข้อมูลมาแน่นแล้วถึงไม่มีคำโต้แย้งใดๆ แต่แล้วเสียงทุ้มนุ่มก็เรียกสติของทุกคนกลับมา
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนผมอยากจะขอเวลาเพื่อคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”
คลินท์เน้นเสียงชัดเจนราวกับจะให้คนที่ติดตามทุกคนได้ยินและปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพัง
สิ่งที่เขาต้องการรู้คือ ทำไมพลอยไพลินถึงอยากเป็นเด็กเสี่ย ทั้งที่ดูจากบิดาของเธอแล้วน่าจะเป็นคนมีฐานะ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองเลยด้วยซ้ำ คลินท์สัญญากับตัวเองแล้วว่าในวันนี้เขาจะต้องได้คำตอบทุกอย่างในสิ่งที่เขาต้องการรู้เกี่ยวกับเธอ