และในที่สุดชายทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องคนไข้ หลังจากที่หายเข้าไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง
“เป็นยังไงบ้างครับท่าน”
คมสันรีบถามเมื่อเจ้านายเดินออกมาจากห้องพร้อมชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาที่ตามหลังออกมา
“กลับได้แล้ว”
ประกาศิตเอ่ยก่อนจะก้าวยาวๆเดินนำหน้าลูกน้อง ท่ามกลางความสงสัยของลูกน้องทุกคนแต่ก็ยอมเดินตามหลังผู้เป็นนายกลับแต่โดยดี
“แล้วคุณหนูละครับท่าน”
คมสันเอ่ยถามด้วยความแปลกใจระหว่างเดินตามเจ้านาย เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีเขาและลูกน้องอีกสามคนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ติดตามดูแลคุณหนูของพวกเขามาโดยตลอด และโดยเฉพาะเวลานี้พวกเขาควรจะต้องอยู่ดูแลไม่ใช่กลับแบบนี้
“ปล่อยไปเถอะ”
“แต่ท่านครับ”
คมสันร้องขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หรือว่าคลินท์มีข้อต่อรองบางอย่างที่ทำให้เจ้านายที่รักลูกสาวดั่งแก้วตาดวงใจ ถอนตัวง่ายๆแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อรองอะไรพวกเขาก็ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายได้ หากเจ้านายไม่เต็มใจบอกด้วยตนเอง
“ยายพลอยโตแล้ว ปล่อยให้ได้เรียนรู้อะไรด้วยตัวเองบ้าง ไม่ต้องห่วงหรอก กลับเถอะ”
ประกาศิตบอกด้วยน้ำเสียงเรียบราวกับคนที่หมดห่วงทั้งที่สถานการตอนนี้กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าจะยังไงลูกน้องผู้ภักดีก็ต้องตอบรับ
“ครับท่าน”
แต่เมื่อกลับเข้ามานั่งในรถสถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเจ้านายเอาแต่นั่งมองรูปของลูกสาวในโทรศัพท์ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมอยู่ทั่วรถ
“ถ้าท่านเปลี่ยนใจกลับโรงพยาบาลก็บอกนะครับ ผมจะให้คนของเราเลี้ยวรถกลับ”
เพราะการที่ติดตามเจ้านายมานาน คมสันเลยทราบดีว่าสิ่งที่เจ้านายอ่อนไหว และรักมากที่สุดคือแก้วตาดวงใจ แม้ว่าภายนอกท่านจะดูเข้มแข็งและดุดันแค่ไหน แต่ข้างในนั้นกลับเปราะบางยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หากคลินท์ข่มขู่อะไรท่านโดยมีพลอยไพลินเป็นข้อต่อรอง คมสันมั่นใจว่าท่านจะยอมแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดใด
“ไม่… บางทีฉันควรจะปล่อยให้ยายพลอยเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า หน้าที่ของคนเป็นพ่ออย่างฉันก็แค่ต้องคอยดูอยู่ห่างๆ และให้ความช่วยเหลือในยามที่ยายหนูต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันอาจจะเลี้ยงแกมาแบบผิดๆเลยทำให้กลายเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ไม่ฟังใคร ถ้าวันหนึ่งยายหนูคิดได้ก็จะกลับมาหาฉันเอง”
ประกาศิตบอกกับลูกน้อง มันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญของเขาแม้จะรักและเป็นห่วงลูกสาวแค่ไหน แต่เขาก็เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกลับมาดีได้อีกครั้ง
“แต่คุณหนูเธอเป็นผู้หญิงนะครับ ปล่อยให้อยู่กับคุณคลินท์แบบนั้นมันไม่อันตรายเกินไปหน่อยเหรอครับ”
หากพลอยไพลินจะมีคนรักเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาทั่วไปก็คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ เพราะความสวยระดับคุณหนูพลอยไพลินสามารถมัดใจชายได้สบายอยู่แล้ว ถึงแม้บางครั้งเธอจะเอาแต่ใจไปบ้างก็ตามที
แต่คงไม่ใช่กับคลินท์พ่อค้ายาสูบที่มีดีทั้งรูปร่างหน้าตาและทรัพย์สินจำนวนมหาศาล เพราะผู้ชายระดับนั้นจะหาหญิงงามมาเคียงข้างกี่คนก็ได้ และคมสันเชื่อว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยไม่ชอบผู้หญิงเอาแต่ใจ เขาเกรงว่าหากคลินท์หมดสิ้นเสน่หาเธอจะทิ้งๆขว้างๆคุณหนูของเขาให้เจ็บช้ำน้ำใจ ถึงตอนนั้นคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเจ้านายของเขานั่นเอง
“ที่นั่นจะปลอดภัยสำหรับเธอ นายไม่ต้องห่วงหรอก”
ปากพูดไปแบบนั้น ขณะที่กำลังนึกถึง สิ่งที่ได้พูดคุยกับชายหนุ่มก่อนหน้านี้
‘ท่านเข้าใจถูกแล้วครับ ตอนนี้คุณพลอยไพลินอยู่ในการดูแลของผมด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่ไม่อาจเรียนให้ท่านทราบได้ ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องระหว่างผมกับลูกสาวของท่านเกินเลยไปกว่าการอยู่ร่วมคอนโดกันเท่านั้น และหลังจากพลอยเรียนจบผมจะรับผิดชอบผลของการกระทำครั้งนี้ทั้งหมด ขอเพียงท่านวางใจ ว่าลูกสาวของท่านจะปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่อยู่กับผม’
น้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจของนักธุรกิจรุ่นลูก ทำให้ประกาศิตมิอาจเข้าไปก้าวก่ายหรือเอ่ยถามอะไรให้มากความได้ แม้เรื่องที่ว่าจะเกี่ยวกับลูกสาวของท่านโดยตรงก็ตามที เขาทำได้เพียงรักษามารยาทและชวนคุยเรื่องอื่น หากแต่สุดท้ายแล้วเรื่องที่คุยก็มิวายเป็นเรื่องของแก้วตาดวงใจอยู่ดี
‘ท่านอย่ากังวลไปเลยครับ พลอยไพลินอาจเพียงต้องการเวลา ผมเชื่อว่าถ้าเธอคิดได้จะกลับไปหาท่านเอง’
‘ขอบใจที่พยายามปลอบใจผม แต่ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น’
ประกาศิตตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกัน
สิ่งที่ท่านยอมและตัดสินใจปล่อยให้ลูกสาวอยู่กับคลินท์ต่อก็เพราะถูกชะตากับนักธุรกิจหนุ่มผู้นี้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ด้วยการที่เขาเป็นผู้ชายเหมือนกันจึงสัมผัสได้ถึงความจริงใจผ่านน้ำเสียงและแววตาคมกริบคู่นั้น ประกาศิตเชื่อว่าตัวเองมองคนไม่ผิดแน่ และคลินท์นี่แหละที่จะเป็นคนมาเปลี่ยนแปลงคุณหนูเอาแต่ใจให้กลับกลายเป็นคนใหม่ที่น่ารักกว่าเดิม
“ดูท่านมั่นใจในตัวคุณคลินท์จังเลยนะครับ”
คมสันเอ่ยกับเจ้านายสงสัยในความมั่นอกมั่นใจของท่านที่มีต่อชายหนุ่มทั้งที่เพิ่งเคยเจอตัวครั้งเดียว
“ที่ฉันมั่นใจก็เพราะลางสังหรณ์ฉันไม่เคยผิดพลาดยังไงล่ะคมสัน”
ประกาศิตบอกกับลูกน้องเสียงหนัก ท่าทางนิ่งขรึมไม่ต่างจากใบหน้าสักเท่าไหร่
“ครับท่าน”
แม้คมสันจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เขาก็ไม่อาจแย้งได้เพราะสิ่งที่เจ้านายพูดนั้นเป็นจริงทุกประการ พิสูจน์ได้จากการที่ได้ร่วมงานกันมาอย่างยาวนานที่ไม่เคยมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเลย และครั้งนี้เขาก็หวังเพียงว่าลางสังหรณ์ของท่านจะเป็นจริงเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา