เมื่ออาบน้ำและพิสูจน์อนุภาพของน้ำทิพย์ในบ่อว่าไม่ทำให้เมียเจ็บเสร็จ จ้าวจักราก็พาเมียขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและพากลับไปยังโถงถ้ำที่นอน เมื่อไปถึงก็พบว่านางไม้สไบได้มานั่งรออยู่และแจ้งให้ทราบว่าสมิงพระมาขอเข้าพบท่านจ้าว
"ท่านจ้าว ท่านสมิงพระมาขอพบท่านจ้าวเจ้าค่ะ" นางไม้สไบเข้ามารายงานนายเหนือหัว
"ข้ารู้แล้วเจ้าไปแจ้งให้สมิงพระรอข้าสักชั่วครู่ เสร็จแล้วเจ้าทั้งสองคนมาอยู่เป็นเพื่อนเมริกาเมียข้าก่อน" จักราสั่งความนางไม้และหันไปบอกเมริกาว่า
"เมย์คอยพี่ก่อนนะ พี่ขอไปคุยกับสมิงพระก่อนเสร็จแล้วจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นตามที่สัญญาไว้" จักราหันไปบอกเมีย
"ค่ะ...." เมริการับคำอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้ทั้งที่ไม่ได้อยากพูดกับจักราเลยเพราะยังไม่พอใจที่จักราทำรักรังแกตัวเองในบ่อน้ำทิพย์อยู่
เมื่อคล้อยหลังจักราไปแล้วนางไม้สไบและนางไม้ชบาก็ได้เข้ามาดูแลนายหญิงของตัวเองด้วยความพินอบพิเทา พร้อมกับชวนคุยเรื่องต่างๆ
"นายหญิงวันนี้ตื่นสายเชียวนะเจ้าคะ......" นางไม้ชบาพูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียน
"คือเมย์......ก็ในถ้ำมันเย็นสบายเมย์เลยหลับลึก" เมริกาพูดแก้ตัว
"หลับลึกเพราะอากาศเย็นสบาย หรือว่าเพราะท่านจ้าวกวนใจจนไม่ได้นอนเลยตื่นสายกันแน่เจ้าคะ" นางไม้ชบายังคงหยอกเย้าเมริกา
"นางชบา แกจะไปกระเซ้านายหญิงให้นายหญิงอายทำไมกัน" นางไม้สไบเอ็ดนางไม้ชบา
"ก็ข้าเป็นห่วงนายหญิงข้าเห็นร่องรอยตามเนื้อตัวแล้วข้าก็นึกเป็นห่วงเฉยๆ"ชบาพูดแก้ตัว
"ชบาเห็นด้วยหรือ!......" เมริกาตาโตและร้องถามออกไปด้วยความอับอาย
"เห็นเจ้าค่ะ ข้าเห็นร่องรอยเฉยๆแต่เมื่อคืนชบาไม่ได้ถ้ำมองนะเจ้าคะแค่ได้ยินเสียงแว่วๆเท่านั้น" ชบาตอบพาซื่อ ว่าตัวเองไม่ได้แอบมองเมริกากับท่านจ้าวจักราแต่ได้ยินเสียงลอยออกมาเอง
"นังชบา แกจะพูดทำให้นายหญิงอายทำไมหยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ แต่ว่าเดี๋ยวนะเจ้าคะร่องรอยบนผิวกายหายไปหมดแล้วนี่เจ้าคะ นายหญิงไปอาบน้ำในบ่อน้ำทิพย์ของท่านจ้าวมาหรือเจ้าคะ" นางไม้สไบถามขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้นและแปลกใจ
"ค่ะ ท่านจ้าวเขาบอกว่าน้ำในบ่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้" เมริกาตอบเสียงเบา
"ปกติแล้วท่านจ้าวไม่เคยให้ผู้ใดไปอาบน้ำในบ่อน้ำนั้นเลยเจ้าค่ะ แสดงว่านายหญิงมีความสำคัญและเป็นที่รักของท่านจ้าวมากๆ" นางไม้ชบาพูดยิ้มๆ ยินดีกับนายหญิงของตัวเอง
"เอ่อ!......พี่ชบา พี่ชบาเปียผมเป็นไหมคะคือเมย์อยากให้ช่วยเปียผมให้หน่อยจะได้ไหมคะ" เมริกาถามชบาเรื่องเปียผมเพราะอยากเปลี่ยนเรื่องคุย
"ทำเป็นสิเจ้าคะ มาเจ้าค่ะชบาจะทำให้เอาสวยๆให้ท่านจ้าวตกตะลึงในความงามไปเลยนะเจ้าคะ" ชบาพูดและลงมือเปียผมให้เมริกาดังที่ได้พูดไว้
ฝ่ายจ้าวจักราที่ออกมาพบสมิงพระเพื่อฟังข่าวที่ให้สมิงพระไปสืบมาให้ก็ได้รับรายงานว่า
"ท่านจ้าวเจ้าข้า ทางบ้านของนายหญิงเมริกาพ่อแม่ของนางเขาได้ออกตามหากันเสียแทบจะพลิกผืนป่าแล้วเจ้าข้า ท่านจ้าวทำอะไรลงไปแล้วเมื่อไหร่จะพานายหญิงเมริกาไปส่งเจ้าข้า" สมิงพระถามเจ้านายเหนือหัวของตัวเองน้ำเสียงเหนื่อยใจในความวู่วามใจร้อนของนายเหนือหัวของตนเอง
"ไม่มีผู้ใดจะสามารถหาเมียข้าเจอได้หรอก ส่วนเรื่องไปส่งข้าจะไม่ไปส่งนางเพราะนางเป็นเมียของข้า นางต้องอยู่กับข้าที่นี่" จ้าวจักราบอกกับสมิงพระน้ำเสียงหนักแน่น
"ท่านจ้าว แต่นางเป็นมนุษย์ท่านเป็นเทพนะเจ้าข้าท่านจะอยู่กับนางได้อย่างไร อีกประการนางมีพ่อแม่ที่กำลังตามหานางอยู่ไหนจะจ้าวย่าทับทิมอีก ท่านทำแบบนี้มันจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายใหญ่โตลุกลามไปกันใหญ่" สมิงพระพูดเตือนสติด้วยความเป็นห่วงนายเหนือหัวของตัวเอง
"เจ้าย่าของนาง ยังถือศีลอยู่ใช่หรือไม่" จักราถามสมิงพระ รู้สึกกังวลใจเรื่องจ้าวย่าทับทิมกลัวว่าจ้าวย่าจะมาพรากเมริกาไปจากตัวเองอีก
"เจ้าข้า จ้าวย่าทับทิมยังถือศีลอยู่ในถ้ำจึงยังไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจ้าวย่ารู้เข้าข้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก ข้าคิดว่าทางที่ดีท่านส่งตัวนางกลับก่อนที่จ้าวย่าจะรู้เรื่องเถอะเจ้าข้า" สมิงพระออกความเห็น
"ไม่ นางเป็นเมียของข้าแล้วข้าจะไม่ให้นางไปไหนทั้งนั้น"
"ท่านจ้าว" สมิงพระทำเสียงเหนื่อยใจ
"แล้วพ่อแม่ของนางเล่าเป็นอย่างไรบ้าง" จักราถามอย่างนึกสงสารและเมตตาพ่อแม่ของเมริกาอยู่ในทีก็ลูกสาวหายไปทั้งคนเขารับรู้และเข้าใจในข้อนี้ดี แต่เขาก็รักและคิดถึงอยากอยู่กับเมริกามากเช่นกัน
"พ่อแม่ของนางทุกข์ใจมาก แม่ของนางกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความเป็นห่วงลูกสาว ส่วนพ่อของนางใช้เงินซื้อตัวพรานป่าที่เก่งชำนาญการเดินป่าออกติดตามหาตัวลูกสาว ตาและยายของนางก็เป็นห่วงนางกันจนไม่เป็นอันจะทำอะไร" สมิงพระเล่าให้จักราฟัง
"ก็เป็นเช่นที่นางบอกข้าเมื่อตอนเช้าว่านางอยากกลับบ้านเพราะเป็นห่วงพ่อแม่และคนที่รักนาง" จักราพูดเสียงเรียบนิ่ง
"อีกอย่างนายพรานที่เจอกับท่านในคืนที่ท่านไปลักพานายหญิงมานั้น ได้ไปพูดเล่าให้ทุกคนฟังว่านายหญิงเมริกาโดนเสือที่ไม่ใช่เสือปกติคาบเข้าป่าไป เขาไปเล่าใครต่อใครว่าเขาโดนมนต์สะกด ถ้าเขารู้ว่าท่านไม่ใช่เสือธรรมดาข้ากลัวว่าสักวันเขาจะล่วงรู้เรื่องของท่านและเรื่องดินแดนแห่งนี้ด้วย" สมิงพระพูดเตือนสติเจ้านายอีก
"ก็ให้มันพูดไป แต่อย่างไรเสียมันก็ไม่มีวันหาที่นี่เจอเจ้าก็รู้" จ้าวจักราพูด
"ข้ากลัวเจ้าย่าทับทิมจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้ององค์นเรศ ข้ากลัวมันจะซ้ำรอยเรื่องนางฟ้าทิพย์มณฑาอีก ท่านอย่าลืมนะนี่มันชาติสุดท้ายที่นางจะไปจุติเป็นคนแล้ว ท่านอดใจรออีกหน่อยไม่ได้เชียวหรือเจ้าข้า" สมิงพระพูดเตือนสติอีก
"ข้ารู้ เอาเป็นว่าอีกหลายวันกว่าเจ้าย่าจะออกจากสมาธิ ข้าจะคิดดูอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป" จักรายอมอ่อนลงอย่างเข้าใจเหตุผลของสมิงพระที่เตือนสติตนเอง
ฝั่งทางบ้านของเมริกา พ่อแม่ของเมริกากินไม่ได้นอนไม่หลับไม่รู้จะออกติดตามหาลูกสาวคนเดียวอย่างไรดี
"พี่สิงห์ พี่ต้องช่วยลูกนะต้องหาลูกของเราให้เจอนะคะ" ช่อผกาพูดบอกชัยสิงห์น้ำเสียงสั่นเครือ
"พี่ก็ให้คนออกตามหาลูกของเราอยู่ทุกวัน พรานป่าฝีมือดีพี่ก็เกณฑ์มาหมดแล้ว เราต้องให้เวลาพวกเขาออกติดตามหน่อย ช่วงนี้ฝนก็ตกด้วยการติดตามก็ยิ่งอยากลำบากมากขึ้นผกาต้องใจเย็นๆ อย่าคิดมาก" ชัยสิงห์พูดบอกภรรยาและโอบกอดให้กำลังใจกัน
"พี่สิงห์ นายพรานคนนั้นบอกว่าลูกของเราโดนเสือคาบไป เสือมันจะกินลูกเราไปแล้วหรือยัง อื้อๆ...." ช่อผกาพูดและร้องไห้ฟูมฟายเป็นกังวลใจอย่างถึงที่สุด
"พี่ก็ไม่รู้ แต่ถ้าเสือมันกินลูกของเราไปแล้วเราต้องเจอร่องรอยบ้าง แล้วถ้ามันจะกินก็เหมือนที่นายพรานบอกทำไมมันต้องคาบออกไปจากกลุ่มคนจำนวนมากแล้วทำไมต้องเจาะจงเอาลูกสาวเราไป ที่นายพรานพูดก็ดูมีเหตุผลนะผกา เสือตัวนั้นอาจจะยังไม่ได้ทำร้ายลูกของเราก็ได้" ชัยสิงห์พูดให้เหตุผลและให้กำลังใจภรรยาของตัวเองด้วย
"แต่เสือก็คือเสือมันเป็นสัตว์ป่านะคะพี่สิงห์ ผกาเป็นห่วงลูก ผกาไม่น่าให้ลูกไปเดินป่าเลย" ช่อผกาพูดแล้วก้มหน้าลงร้องไห้
"อย่าโทษตัวเองเลยน้องผกา ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก เช้าวันนี้นายพรานจอมขมังเวทย์ที่เราเชิญให้เขามาช่วย เขาจะทำพิธีเปิดป่าขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาเปิดทางให้สามารถหาลูกสาวของเราเจอ" ชัยสิงห์บอกเมียพูดปลอบใจให้เมียมีกำลังใจขึ้น
"แม่ว่าพรุ่งนี้เช้าแม่จะไปบนบานต่อเจ้าย่าทับทิม ขอให้ท่านช่วยเหลือติดตามยายเมย์ของย่าให้กลับมาบ้านได้" แม่ของนายหัวชัยสิงห์พูดขึ้น
"ผกาจะไปกับคุณแม่ด้วยค่ะ" ช่อผกาพูดขึ้นแม่สามีก็พยักหน้ารับ
"แม่นายผกากินข้าวกินปลาเสียบ้างเถิดนะคะ ชมพูจัดเตรียมให้แล้วกินเสียหน่อยก็ยังดีจะได้มีแรงรอคุณหนูเมย์กลับบ้านนะคะ" ชมพูพี่เลี้ยงคนสนิทของ เมริกาพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงแม่นายของตนเอง
"ฉันกินไม่ลงหรอกชมพู ลูกสาวของฉันโดนเสือคาบหายเข้าไปในป่า เธอจะให้ฉันกินข้าวลงได้อย่างไร" ช่อผกาพูดพลางน้ำตาร่วง
"ชมพูมันก็พูดถูกนะลูก กินข้าวเสียหน่อยจะได้มีแรงคอยลูกกลับบ้านยังไงละ" แม่นายพุดจีบแม่ของช่อผกาพูดเตือนสติลูกสาว
"หนูกินไม่ลง หนูคิดถึงเป็นห่วงยายเมย์เหลือเกิน" ช่อผกาพูดร้องไห้เข้าไปกอดแม่ของตัวเอง
"กินเสียหน่อยเถอะนะน้องผกา พี่จะออกไปตามข่าวลูกแล้วจะรีบมาส่งข่าว ผกาต้องกินข้าวนะจะได้มีแรงรอลูกกลับมา ถ้าผกาไม่สบายไปอีกคนพี่คงไม่มีแรงคิดตามหาลูกนะ ช่วยกันนะผกาช่วยดูแลตัวเองเป็นกำลังใจให้พี่ เป็นกำลังใจให้กันนะ" นายหัวชัยสิงห์พูดขึ้นทำให้ช่อผกาได้คิดจึงรับคำสามีว่าจะกินข้าว
"ค่ะ พี่สิงห์ผกาจะกินข้าวรอฟังข่าวลูกกลับมา" ช่อผการับคำ
ชัยสิงห์พ่อของเมริกาจ้างเหล่าบรรดาพรานป่าชำนาญการเดินป่าแทบเทือกเขาเมืองและเทือกเขาบรรทัดให้มาระดมช่วยกันหาตัวเมริการ่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยตั้งรางวัลไว้สูงหลายล้านบาทสำหรับทีมที่ค้นหาลูกสาวเจอ ไม่ว่าจะเจอในสภาพใดก็ขอให้พบเจอ จนเวลาล่วงเลยไปเป็นวันที่สาม พรานป่าที่มีคาถาอาคมคนหนึ่งชื่อพรานเปี่ยมได้ทำพิธีเปิดป่าในตอนเช้า
พรานเปี่ยมได้ทำการปูเสื่อและปูผ้าขาวทับ ทำเป็นมณฑลพิธีแล้วตั้งบายศรีปากชามหนึ่งคู่พร้อมอาหารคาวหวาน เพื่อขออนุญาตเหล่าเทวดาอารักษ์เจ้าป่าเจ้าเขาให้ช่วยเปิดทางให้ตามหาตัวของคุณหนูเมริกาเจอ พรานเปี่ยมแต่งสำหรับคาวหวานตามตำราเรียกว่าตั้งที่ 12 โดยประกอบด้วยเครื่องคาวหวาน 12 อย่าง พร้อมเหล้า ยาสูบ หมากพลู ยาเส้น น้ำเปล่า กล้วย อ้อย ถั่ว งา ขนมโค ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า น้ำสวรรค์ (น้ำมะพร้าว) สุรา เพื่อทำพิธีบวงสรวงเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าถ้ำ พระแม่ธรณี
พรานเปี่ยมนำมีดหมอที่ด้ามมีดแกะเป็นท้าวเวสสุวรรณ มันเป็นมีดประจำตัวของพรานนำมาวางไว้ข้างหน้าเพื่อป้องกันอาถรรพณ์ป่า แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งนะโม3จบ แล้วเริ่มสวดคาถาเสกตัวเอง “อิมังสัจจะวาจัง...ขอเชิญธาตุทั้งสี่ อัญเชิญเทวดา...ขอ...พุทธัง...พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระเพลิง พระพาย...พระ...ขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์...........มารับรู้เป็นพยานขอเปิดป่าเพื่อตามหาตัวคุณหนูเมริกาด้วยเถิด
เมื่อพรานเปี่ยมทำพิธีขอขมา ขอเปิดป่าเพื่อค้นหาตัวคุณหนูเมริกาเสร็จก็ปักธูป1กำมือลงบนพื้นดิน เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมในครั้งนี้