ตอนที่5 ภารกิจใช้หนี้
รถจักร
จอดสนิทเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ผู้โดยสารต่างพากันเก็บข้าวของสำภาระของตนตระเตรียมลงจากขบวนรถ บ้างสะพายขึ้นบ่า บ้างหอบหิ้วข้าวของกันพะรุงพะรัง แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดแสงกระทบผ่านกระจกเข้ามาบอกเวลาเช้าตรู่ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเธอดูวุ่นวายโกลาหลด้วยผู้คนที่กำลังพลุกพล่าน ดาริกาสะพายเป้ใบใหญ่คล้องบ่าอย่างทะมัดทะแมง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เหมือนกำลังพยายามรวบรวมความกล้าในใจ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเดินทางมาต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพัง และไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอะไรกำลังรอเธออยู่เบื้องหน้า
หญิงสาวมองซ้ายแลขวาเมื่อก้าวลงจากขบวนรถหวังใจลึกๆ ว่าใครก็ตามที่เธอจะพบในอีกไม่นานนี้จะมีความเป็นมิตรและความเมตตา ความแปลกใหม่รอบตัวสร้างความตื่นเต้นระคนหวาดหวั่น เธอเลือกเดินไปนั่งลงบนม้านั่งที่ทำจากไม้ท่อนใหญ่มุมหนึ่งของสถานีรถไฟ พลางมองดูผู้คนแปลกหน้าเดินไปมาอย่างตื่นเต้น หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังรอใครอยู่ เธอแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่นี่ ไม่รู้ว่าเจ้านายของเธอเป็นใคร เธอมาทำอะไรและต้องเจอกับอะไร
คำว่าหนี้บุญคุณที่คนในคฤหาสน์เจริญไพศาลพูดกรอกหูฝังหัวเธอมาตลอดเกือบยี่สิบปี ทำให้เธอแทบคิดหรือทำอะไรเองไม่เป็นนอกจากรับคำสั่งจากพวกเขา บางครั้งเธอคิดอยากจะไปซะให้พ้นๆ จากโลกโสมมใบนี้ นึกตำหนิพ่อกับแม่ที่ไม่พาเธอไปด้วยในวันนั้น ปล่อยให้เธอต้องเผชิญชะตากรรมอยู่เพียงลำพังและพรากความสุขของเธอไปพร้อมกับพวกท่านด้วย
“สวัสดีครับคุณนุชจรียาใช่หรือเปล่าครับ”
ดาริกาเงยหน้าเหรอหราขึ้นมองตามเสียงทักทาย
“เอ่อ ชะ… ใช่ค่ะ”
หญิงสาวตอบตะกุกตะกักด้วยชื่อที่ไม่ใช่ตัวเธอ
เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมผิวเข้ม เส้นผมของเขาหยักศกหน้าตาคมคายประสาหนุ่มภูธร ชายหนุ่มสวมกางเกงยีนสีดำใส่เสื้อแขนยาวลายสก๊อตสีน้ำเงินแบบที่ชาวไร่ในละครทีวีชอบใส่ รองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มดูเก่าคร่ำครึหากยังคงเงางามด้วยเจ้าของดูแลขัดถูเป็นอย่างดี
“ผมเอกพลครับ เจ้านายให้ผมมารับคุณนุชจรียา
ครับ”
เอกพลแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“เอ่อ ค่ะ”
ดาริกาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ให้ผมช่วยถือกระเป๋านะครับท่าทางจะหนักเอาการเชียว”
เอกพลขันอาสา แต่หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาตื่นๆ ด้วยทาทีเกรงอกเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเอกพล ฉันถือเองได้ค่ะ”
ดาริกาลุกขึ้นยืน รอยยิ้มซื่อๆ ดูเป็นมิตรของเอกพลทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดมากนัก ซึ่งเป็นท่าทีการแสดงออกที่เห็นได้ไม่บ่อยนักหากอยู่ในคฤหาสน์เจริญไพศาลหรือแม้แต่ผู้คนแปลกหน้าที่พึ่งจะพบกันครั้งแรก
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับคุณนุชจรียา ผมยินดีช่วยเต็มที่ครับ”
คนอยากช่วยยังตื้อไม่หยุด
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ เรียกฉันสั้นๆ ว่านุชก็ได้นะคะ”
การโกหกเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินักสำหรับดาริกา หญิงสาวรู้สึกประดักประเดิดทุกครั้งที่โกหกว่าเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเธอ ด้วยเป็นคำสั่งอย่างเคร่งครัดของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่พวกท่านให้เธอปลอมตัวมาเช่นนี้
“โอเคครับเรียกคุณนุชเฉยๆ สั้นดี”
เอกพลฉีกยิ้มกว้าง
“ทางนี้ครับคุณนุชตามผมมาครับ ผมจอดรถเอาไว้หลังสถานี”
ดาริกาเดินตามหลังผู้นำทางของเธอเบียดเสียดฝ่าฝูงชนที่คับคั่งในสถานีรถไฟออกมายังลานจอดรถ ชายหนุ่มผู้มีอัธยาศัยดีเดินปรี่ไปเปิดประตูรถโฟร์วิลสี่ประตูสีดำคันใหญ่ ก่อนจะผายมือให้เธอเป็นสัญญาณ
ดาริกากล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับขณะที่ชายหนุ่มเก็บสัมภาระของเธอเอาไว้เบาะหลัง
รถแล่นมาตามถนนเลียบรางรถไฟจนมาถึงทางตัดกับถนนสายหลัก ป้ายกรมทางขนาดใหญ่เหนือหัวบริเวณสี่แยกทางขวามือเขียนบอกทางไปนครหลวงเวียงจันทร์ประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างที่นั่งรอเอกพลมารับเธอได้ยินสำเนียงภาษาของคนประเทศเพื่อนบ้านพูดคุยกันเซ็งแซ่ คำศัพท์บางคำฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง สร้างบรรยากาศการมาเยือนต่างถิ่นให้ดูตื่นเต้นขึ้นไปอีก
“คุณนุชหิวไหมครับเดินทางมาทั้งคืน ผมมีปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้เพิ่งซื้อมายังร้อนๆ อยู่เลย ทานรองท้องสักหน่อยไหมครับเจ้านี้เขาอร่อยขึ้นชื่อทีเดียว”
โชเฟอร์มีน้ำใจเอื้อมมือไปคว้าถุงหิ้วข้างตัวขึ้นมาโชว์หรา ใบหน้ายิ้มแป้น
“นุชยังไม่หิวค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวปฏิเสธ ความตื่นเต้นทำให้ท้องไส้ของเธอไม่นึกอยากจะทานอะไรเข้าไปเลยสักนิด
“งั้นผมขออนุญาตนะครับ เมื่อคืนดึกไปหน่อยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
เอกพลหัวเราะแหะๆ แล้วยัดปาท่องโก๋เข้าปากเคี้ยวกร้วม
“จริงสิครับ คุณนุชเคยมาเที่ยวหนองคายหรือข้ามไปเที่ยวฝั่งลาวบ้างหรือยังครับ”
ดาริกาส่ายหน้าเม้มปาก
“ไม่เคยค่ะ ดาเอ้ยนุชไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ”
“อ้องั้นหรอครับ อย่าหาว่าเป็นการละลาบละล้วงหรือเสียมารยาทเลยนะครับ คุณนุชอายุเท่าไหร่ครับหน้าเด๊กเด็ก บรรลุนิติภาวะแล้วใช่ไหมครับเนี่ย”
คนถามฉีกยิ้มใสซื่อ
“ปีนี้ยี่สิบสองแล้วค่ะ เพิ่งจบปริญญามาหมาดๆ”
ดาริกาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นคู่สนทนาอ้าปากค้างเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อพร้อมกับพูดพึมพำเบาๆ
“เจ้านายเราจะกินเด็กหรือเปล่าเนี่ย แหมเห็นเงียบๆ สาวๆ ในสต๊อกเพียบเชียวนะคร๊าบ” เอกพลพึมพำกับตัวเองพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เมื่อกี้คุณเอกพลว่าใครกินอะไรนะคะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น
“อ๋อเปล่าๆ ครับ ผมบอกว่าเจ้านายผมท่านชอบกินสเต็ก ก็เลยคิดว่าตอนกลางวันจะซื้อไปให้ทานดีไหม”
ชายหนุ่มแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ