ตอนที่3 บุญคุณท่วมหัว

630 Words
ตอนที่3 บุญคุณท่วมหัว คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายผู้มีพระคุณล้นหัวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับเธอมากนัก นอกจากประโยคที่พวกท่านชอบพูดกรอกหูจนหลับเธอยังละเมอออกมาเป็นคำพูดพวกนั้นได้ทุกถ้อยคำ “ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่พ่อแม่แกตาย แกต้องตอบแทนบุญคุณของฉันกับคุณผู้ชาย” คุณนายวราภรณ์เปิดประโยคแรกอันคุ้นหู หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าตอบรับคำเบาๆ “ฉันจะให้คนขับรถไปส่งแกที่สถานีรถไฟ เมื่อไปถึงที่นั้นแกต้องทำตัวดีๆ อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ฉันกับคุณผู้หญิงเด็ดขาด จำที่ฉันบอกได้ทุกอย่างใช่ไหม” “จำได้ค่ะคุณผู้ชาย” ดาริกาเม้มปากก้มหน้ามองมือตัวเองที่วางประสานไว้บนตัก “ไปอยู่ที่โน่นก็ทำตัวดีๆ พูดให้น้อยทำงานให้มาก อย่าได้ทำให้ฉันกับคุณผู้ชายต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด อย่าลืมซะล่ะว่าที่แกมีกินมีใช้มีที่ซุกหัวนอนและได้ร่ำเรียนจนจบปริญญาอย่างทุกวันนี้เป็นเพราะใคร ถ้าแกทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้ฉันกับคุณผู้ชายละก็ ฉันเอาแกตายแน่จำใส่หัวไว้” คุณนายวราภรณ์พูดกำชับอีกครั้ง “ดาไม่มีวันลืมหรอกค่ะว่าคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายมีบุญคุณกับดามากแค่ไหน” “แกคิดแบบนั้นได้จริงก็ดี เอออีกอย่าง ไปอยู่ที่โน่นแล้วแกไม่ต้องติดต่อกลับมาละ ถ้ามีอะไรฉันจะติดต่อไปเอง” “ค่ะคุณผู้หญิง” ความอัดอั้นบางอย่างที่เอ่อล้นอยู่ในอกแปรเปลี่ยนเป็นหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอ จนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นได้อีกต่อไป “ทำเป็นสำออยอะไรตอนนี้ ไปๆ เดี๋ยวก็ไม่ทันรถกันพอดี พิรี้พิไรอยู่ได้” คุณนายวราภรณ์ชักสีหน้ารำคาญพร้อมกับโบกไม้โบกมือไล่ “ดากราบลาคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” หญิงสาวก้มลงกราบเท้าผู้มีพระคุณทั้งสอง ก่อนออกมาจากคฤหาสน์แห่งความทรงจำในวัยเด็กดาริกาน้ำตาไหลพราก เธอต้องจากสถานที่แห่งนี้ไปแล้วสินะ สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดเรื่องราวแห่งความสุขในวัยเยาว์ของเธอเอาไว้มากมาย ความทรงจำอันแสนสุขของเธอกับบิดามารดา “ดาไปก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่” หญิงสาวมองประตูทางเข้าคฤหาสน์เจริญไพศาลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก้าวขึ้นรถของลุงสาธิตคนขับรถคนเก่าของบิดาเธอเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ “ไปกันได้แล้วค่ะลุงสาธิต” ดาริกายกมือปาดน้ำตาฝืนยิ้มให้กับชายสูงวัย “ครับคุณหนู” ความมืดและความโศกเศร้าที่กำลังจะจากบ้านที่เธออยู่มานับยี่สิบปีทำให้ดาริกาไม่ทันสังเกตความผิดปกติในน้ำเสียงของคนขับรถ “ดูแลตัวเองดีดีนะครับคุณหนู” ดวงตาของชายสูงวัยเอ่อคลอ รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์เจริญไพศาลช้าๆ ภายในห้องโดยสารเงียบกริบไร้บทสนทนาใดๆ อีก หากแต่ในหัวใจของดาริกากับกำลังร่ำร้องปานจะขาดใจ เสียงกรนราวกับมีอะไรติดคอของเพื่อนร่วมทางดึงดาริกาออกจากภวังค์ความคิด หญิงสาวก้มมองนาฬิกาเรือนน้อยซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยสวมอยู่บนข้อมือของมารดา เธอยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงให้พักระหว่างเดินทาง เวลาในตั๋วบอกว่าเธอจะถึงปลายทางในเวลาหกโมงเช้า ดาริกาฝืนหลับตาลงช้าๆ เธอต้องออมแรงเอาไว้ ไม่รู้ว่าปลายทางจะมีอะไรรออยู่บ้าง หากหญิงสาวก็เฝ้าบอกกับตัวเองเสมอว่าเธอจะสู้และฝ่าฟันมันไปให้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD