เช้าวันต่อมาภายในห้องนอนเงียบสงัดไร้แสงแดดส่องเข้ามารบกวนคนหลับสนิทที่ตระกองกอดร่างบางตลอดทั้งคืนด้วยความรักปนหวงแหนและต้องการเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เรือนกายเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยรอยจูบสีแดงช้ำประปรายไปทั่วทั้งตัว ที่นอนยับยู่ยี่มากพอสมควรเนื่องจากบทรักเร้าร้อนในครั้งสุดท้ายนั้นเต็มไปด้วยความหวงทำให้รุนแรงมากเกินไป
"กี่โมงแล้วเนี่ย?" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นแผ่วเบาก่อนจะเปิดตามองด้วยความงัวเงียเป็นอย่างมาก มือเล็กควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเพื่ออ่านข้อความก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายใจกับปัญหาเดิมๆที่ไม่มีทางจบสิ้นได้ง่ายๆ
"ตื่นเช้ายังลาเบล"
"ฉันต้องไปทำงานแล้ว"
"เรื่องเลโอเหรอ?"
"อื้ม ถ้าไม่ใช่ฉันมันก็คงไม่จบง่ายๆอีกอย่างเบื่อจะคุมงานแทนแล้ว"
"มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า?"
"แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้วค่ะ"
"อืม…พี่มีอะไรจะให้ด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะชอบรึเปล่า" เขาขยับตัวไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงหยิบเอาแหวนเพชรสีนิลที่เราเคยพนันกันเอาไว้ออกมาแล้วจับมือเล็กขึ้นมาสวมใส่
"ชอบไหม?"
"อื้ม ฉันชอบเพชรสีดำที่สุดเลย"
"งานประมูลเดือนหน้าใบ้ได้ไหมว่าคืออะไรที่จะให้พี่ช่วย?"
"เครื่องประดับเพชรนี่แหละค่ะ แล้วช่วยเก็บเป็นความลับระหว่างเรานะไว้คืนนั้นถ้าปลีกตัวออกมาได้จะแวะมาหาที่นี่ หวังว่าจะเปิดประตูต้อนรับกันนะคะ"
"ที่นี่ต้อนรับลาเบลเสมอ"
"เอาละ! ฉันต้องอาบน้ำแต่งตัวไปแล้วถ้ากลับมาเมื่อไรจะมาค้างด้วยหนึ่งอาทิตย์นะคะพี่ไคโร ระหว่างนี้ถ้าเหงาก็…"
"พี่มีลาเบลคนเดียว!"
"โอเคค่ะ ฉันก็มีพี่ไคโรคนเดียว"
เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ไม่มีผิดเลยว่าการสลัดพี่ไคโรออกไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเมื่อคืนเขาดึงดันจะหาทางให้เธอค้างอีกคืนให้ได้ถึงแม้ว่าเธอบอกว่ามีงานก็ตาม
การจะออกไปจากที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าเจ้าของบ้านไม่พาออกไปเองดังนั้นจำเป็นต้องซ้อนแผนหลอกให้ไปส่งแล้วหาทางปลีกตัวออกไปสถานที่นัดโดยการส่งตัวหลอกสามคนไปธุระอย่างอื่นแทน
ในระหว่างที่นั่งรถเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากพ่อบ้านเพื่อรายงานเรื่องเมื่อคืนที่พอจะเดาเอาไว้แล้วว่ากลุ่มดาวตกต้องบุกเข้าไปเพื่อเอาตัวเธอจนได้ คนที่ตายแทนคือสาวใช้ในขณะที่พ่อบ้านกับลูกน้องบางคนบาดเจ็บพอสมควร
การลักพาตัวเธอไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ
"ใครมันกล้าขนาดนี้!?"
"ก็แค่โจรกระจอกๆค่ะ"
"งั้นเหรอ?"
"เพราะถ้าฉลาดจริงคงไม่โดนต้มจนเปื่อยแบบนี้หรอกค่ะ"
"เพราะแบบนี้สินะเลยไปนอนกับพี่"
"ก็บ้านพี่ไคโรมันเข้าออกยากนี่นา ถ้าเปิดโรงแรมคงจะมีคนเดือนร้อนเกินความจำเป็นแน่นอนแล้วข่าวเรื่องที่สมาชิกหายไปจะแพร่ออกไปปลุกพวกชั้นต่ำให้ลุกขึ้นมาเล่นงานเราได้ดังนั้นมีทางเลือกอยู่น้อยมากที่ปลอดภัยจริงๆ อีกอย่างจะให้ขอค้างกับพี่ราชาพี่ราชันก็ดูจะแย่ไปหน่อยเลยเปลี่ยนมาขอค้างกับพี่ไคโรแทน อืม…โกรธเหรอคะ?" อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นจนน่าสงสัยว่าเขากำลังไม่พอใจเรื่องอะไรกันแน่เพราะมันค่อนข้างเยอะมากเลย บางทีอาจจะคิดว่าเธอใช้เขาเป็นเครื่องมือแต่ว่านั่นมันก็คือความจริงนะเพราะเมื่อคืนที่เขาปรากฏตัวก็รู้ได้ทันทีว่าต้องทำยังไงต่อ หรือโกรธที่เธอหาเรื่องเจ็บตัวมาให้เพิ่มแต่ว่าเป้าหมายก็ไม่ใช่เขาและพวกนั้นไม่มีทางจะวุ่นวายคนมากอำนาจแบบเขานอกจากเป้าหมายของตัวเอง
"พี่ไม่ได้โกรธ!"
"แล้วเป็นอะไรคะ?"
"ไปธุระกี่วันพี่จะไปด้วย"
"อย่าเลยค่ะ"
"ตามใจ"
“ป่านนี้เรื่องเมื่อคืนคงจะถึงหูคนอื่นแล้วแน่เลย”
“ลาเบลรู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นห่วง”
“ฉันเอาอยู่น่า”
“พี่รู้ว่าเก่งแต่ที่เป็นห่วงมันก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน”
“นั่นสิ! ก็เราเหมือนพี่น้องกันนี่คะจะไม่เป็นห่วงเลยคงดูแปลก” เธอเอนตัวไปซบหน้าอกอุ่นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจให้เขาเห็นเพื่อจะได้รู้ว่านัดกับใครและที่ไหนแล้วถ้าเดาไม่ผิดคงจะตามไปแอบดูแน่นอน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาไว้ใจเธอขนาดไหนเพราะอันที่จริงแล้วเธอก็ไม่ไว้ใจใครเลย
เรื่องระหว่างเราสักวันก็ต้องสิ้นสุดลง
จบแบบไหนกันนะ?
ไคโรโอบไหล่คนตัวเล็กที่ไม่ระวังหรือว่าตั้งใจก็ไม่มั่นใจเพราะเธอพิมพ์ข้อความตอบลูกน้องถึงสถานที่นัดก่อนจะลบออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดจาทำร้ายจิตใจกันอย่างเลือดเย็นคล้ายว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ว่ายังไงซะจะต้องแอบตามดูแลอยู่ห่างๆแน่นอนเพราะตอนนี้สถานการณ์ของเธอไม่สามารถพูดได้เลยว่าปลอดภัยอีกทั้งพี่ชายยังหายตัวไปหลายวันแล้ว
ไม่ว่าเขาจะมีสิทธิ์แค่ไหนยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้แม่ตัวแสบต้องเผชิญปัญหาตามลำพังอย่างแน่นอนต่อให้จะต้องแฝงตัวเหมือนเงาคอยตามดูแลก็จะทำ
หึ! เอาทั้งคืนพูดมาได้ว่าเป็นพี่น้อง!
ผัวเท่านั้นแหละที่จะเป็น!!!
ลาเบลไปที่ห้องทำงานส่วนตัวเพื่อคุยกับพ่อบ้านที่จัดการสถานการณ์ในตอนนั้นให้ตามคำสั่งลับได้ค่อนข้างกะทันหันมากเกินไปได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็ถึงเวลาทำงานอย่างจริงจังจนบ่ายกว่าๆถึงออกไปหาอะไรกินและปลอมตัวเดินออกมาจากห้องน้ำปะปนกับผู้หญิงคนอื่นตรงไปขึ้นรถอีกคันที่จอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ตามคำสั่งแล้ว
เธอใช้เวลาขับรถเดินทางคนเดียวเพื่อไปยังบาร์ประจำที่มักจะใช้คุยเรื่องส่วนตัวมากกับคนสนิทอีกสองคน เวลาในตอนนี้ก็สองทุ่มพอดีคนยังไม่ค่อยเยอะมากเท่าไรนักและที่ประจำก็มีคนนั่งคอยอยู่แล้ว
“ไม่เจอกันนานเลยนะลาเบล”
“งานยุ่งน่ะ”
“เมื่อคืนวางแผนดีนะแต่มันไม่มีทางหยุดหรอก บอกได้รึเปล่าว่ามันต้องการอะไรจากเธอกันแน่พวกฉันจะได้จัดการกันถูก”
“ต้องการตัวฉันไง”
“ห่ะ?”
“เอาเป็นว่ามันไม่มีทางจบหรอกจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการหรอก เหมือนกับการต่อจิ๊กซอร์ที่ต้องตามหาตัวสุดท้ายมาไม่งั้นก็จะไม่เสร็จสมบูรณ์”
“แล้วเรื่องพี่ชายละ?”
“เจอแล้วว่าอยู่ที่ไหนตอนนี้คงบุกไปเอาตัวมาอยู่ แล้วพวกนายละเป็นไงบ้าง?”
“กิจการฉันก็ดีอย่างที่เห็นแต่ว่าการซ่อนตัวแบบนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าหากว่าพ่อรู้เรื่องนี้คงส่งลูกน้องมาพังบาร์แล้วลากตัวฉันกลับไปแน่นอน”
“ส่วนฉันก็ล่องลอยไปเรื่อยๆยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนเธอ จริงสิ! ฉันรับงานฆ่าได้เพิ่มขึ้นแล้วฝีมือต้องดีกว่าเมื่อก่อนแน่นอนไว้ว่างๆเราไปดวลกันหน่อยไหม ส่วนเรื่องพ่อก็…ทุกคนคิดว่าฉันตายไปแล้วคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมาหรอกมั้ง”
“ถ้ามีคนเห็นยังไงก็มีปัญหาตามมาแน่นอน ดังนั้นช่วยปิดบังใบหน้ากับตัวตนให้ดีละไม่งั้นสี่ปีของฉันจะเสียเปล่าหมด รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?”
“ฉันละเบื่อเธอจริงๆเลย”
“นั่นสิ! นี่ทำงานจริงจังเกินไปรึเปล่า?”
“นั่นสิ!”
“เธอคิดว่าเรื่องมันจะจบลงยังไง?”
“พวกนายน่าจะได้กลับบ้าน”
“เฮ้อ…”
เราถอนหายใจพร้อมกันด้วยความเบื่อหน่ายแต่ก็เข้าใจทุกอย่างดีว่าในอนาคตจะเกิดอะไรบ้างตราบใดที่ยังคงมีชีวิตอยู่ เธอใช้เวลาทั้งสี่ปีเพื่อช่วยให้สองคนได้มีอิสระยอมมือเปื้อนเลือดเพื่อปิดปากทุกคนที่รู้ความลับเรื่องนี้ สร้างสถานการณ์เลวร้ายต่างๆในชีวิตเพื่อมาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้บริหารระดับสูงและหาทางทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการโดยไม่สนใจวิธีการ
ตำแหน่งนี้อยู่ที่ริมปากเหวชัดๆ
แค่ก้าวเดียวก็เปลี่ยนชีวิตได้