4
“อือ...” ปากอิ่มอ้ากว้าง เพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่สิ่งที่ทำลงไปกลับผิดมหันต์ กายาสั่นสะท้านไหววูบเหมือนนั่งรถไปบนถนนที่มีลูกคลื่นสูงต่ำลดหลั่นกันไป ชวนให้วาบหวามปั่นป่วนกึ่งกลางท้องน้อย
เสียงหวานพร่าหลุดจากกลีบปากบวมเป่ง ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งให้ได้สัมผัสกับฝ่ามือร้อนผ่าวที่คลึงเคล้นปทุมอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง จนผลิบานเหมือนดอกไม้ชูช่อรับแสงตะวัน ลำขากลมกลึงสั่นและอ่อนยวบ จำใจใช้กายใหญ่เป็นหลักพึ่งพิงไม่ให้ร่วงลงไปกองกับพื้น
เพลิงฤษณามืดมิดถูกปลุกเร้า ทำให้มธุรสเริ่มเคลื่อนไหวฝ่ามือนุ่มไปบนกล้ามเนื้ออกล่ำสันอย่างเงอะๆ งะๆ และเกาะเกี่ยวพลิกพลิ้วปลายลิ้นเล็กกับลิ้นอุ่นชื้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
อืม...ปากอิ่มเหมือนดอกไม้แรกแย้มบานก็ให้น่าสงสัยเป็นยิ่งนัก ทำไมเธอถึงได้บริสุทธิ์หวานและหอมราวกับไม่เคยถูกภมรชอนไช ทำเอาหนุ่มมากความต้องการถึงกับปวดร้าวไปทั้งกายา แม่นกน้อยสนองตอบอย่างไม่ประสา พัดพาความปรารถนาโหมกระหน่ำสาดซัดมาจนแทบควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้
“หวาน...หวานที่สุดเลย” ชายหนุ่มงึมงำขณะปากหนาขบเม้มจุมพิตอย่างหนักหน่วง ดูดดื่มความหวานจากปากอิ่มเต็มอย่างหลงใหลเพลิดเพลิน แต่ยังไม่พอ เขาอยากได้มากกว่านี้อีก
แขนกำยำกอดกระชับกายเล็กแนบชิดอกกว้าง จากหยอกล้อกลายเป็นเพิ่มแรงจับต้องอย่างหนักหน่วง พลิกพลิ้วดื่มด่ำปากอิ่มนุ่มอย่างสำเริงสำราญ แต่แล้วหูแว่วได้ยินเสียงบางอย่างดังมา ทำให้นึกได้ว่ายืนอยู่ตรงจุดใด เลยจำต้องระงับความต้องการเอาไว้ แต่ก็ให้สัญญากับตัวเอง…
ไม่ว่ายังไงเขาต้องพาแม่สาวแสนหวานขึ้นหม่ำบนเตียงให้ได้! แต่กว่าชายหนุ่มจะตัดใจจากการดื่มด่ำน้ำผึ้งแสนหวานได้ก็เป็นนาน
“อืม...เธอนี่หวานกว่าที่คิดเลยนะสาวน้อย” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าวป่ายปัดพวงแก้มนุ่มแดงปลั่ง อยากเปลี่ยนที่ตรงนี้ให้เป็นห้องนอน มีตั่งเตียงใหญ่ให้เขาปลุกเร้าแม่สาวน้อยไม่ประสา โลดแล่นไปกับเพลิงพิศวาสปรารถนาจนยากถอนกายถอนใจ...เพียงแค่ความคิดเท่านั้นเอง กายแกร่งก็ร้อนรุ่มราวกับถูกเผา
“ทำให้ฉันอยากจูบไปจนหมดทั้งตัวเลยรู้ไหม”
แม้จะแปลกใจ ทำไมแม่สาวตรงหน้า เป็นเมียชายวัยคราวพ่อ ถึงได้จูบไม่เป็นสับปะรดเลย ถ้าบอกว่าเธอยังไม่เคยถูกจูบมาก่อน เขาก็เชื่อนะ แต่ก็ไม่ควรลืม สาวบางคนแสดงท่าทางบริสุทธิ์ได้เก่งฉกาจ ชนิดจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน กว่าจะล่วงรู้อะไรเป็นอะไร ก็สายเกินแก้ไขแล้ว แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร เขาก็พร้อมเสี่ยงค้นหาความจริงที่อยากรู้
“ฉันอยากเห็นเธอและจูบไปทั้งตัว ไปต่อห้องฉันดีกว่าไหม...สาวน้อย”
สำเนียงเสียงที่แตะโสตประสาท เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาทั้งที่ท้องฟ้าโปร่งสดใส ดึงสติของคนที่หลงมึนเมาในรสจุมพิตชวนวาบหวามกลับคืนมา แก้มใสนุ่มแดงปลั่งพอๆ กับประกายในดวงตากลมโตใสแจ๋วลุกเรืองรองเป็นเพลิงไฟ แล้วอย่างไม่คิดว่าหากทำอะไรลงไป เธอซึ่งตอนนี้ก็ตกเป็นเบี้ยล่างอีกฝ่ายอยู่แล้ว จะยิ่งเป็นอันตรายมากยิ่งกว่าเดิม แต่เพราะมือไปไวกว่าความคิด
เผียะ!! เผียะ!!
“นี่เป็นผลตอบแทนที่คุณฉวยโอกาสกับฉัน” กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟันด้วยเพลิงโทสะที่ไหลพลุ่งพล่าน ลมหายใจหอบแรงเร็วจนอกไหวกระเพื่อม สองมือทาบผลักร่างแกร่งให้ถอยห่างไปอย่างสุดความสามารถ
ปลายลิ้นสากระคายกระทุ้งข้างแก้มข้างที่ถูกตบ ไม่คิดว่าตัวเล็กอย่างนี้มือจะหนักมิใช่เล่น จนเขาถึงกับหน้าหันจากฤทธิ์ฝ่ามือนุ่มๆ ที่ฟาดลงมาเต็มรักจากโทสะของแม่ตัวจ้อย จนหันไปอีกด้านหันกลับมาช้าๆ พร้อมประกายในดวงตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำวาวโรจน์ด้วยเพลิงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นราวกับปรอทถูกลนไฟ
‘กล้ามากนะหนูน้อย!’ รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากหนา แต่ไม่ใช่ดวงตา! ที่เป็นประกายราวกับมีเพลิงไฟสุมอยู่ ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าเขา และเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับการลงทัณฑ์ซึ่งเขาก็จัดเตรียมไว้ให้อย่างสาสม จะได้จดจำไว้ คราวต่อไปจะได้ไม่กล้าทำอีก
ประกายโทสะจากดวงตาเข้มทำให้มธุรสเกิดความกลัวขึ้นมาฉับพลัน แต่โทสะซึ่งยังสุมเผาทรวงก็ทำให้เธอยังคงเชิดหน้าเหมือนกับไม่สนใจ ‘อยากมาทำบ้าๆ กับเธอก่อนทำไมเล่า... ไม่ต่อยหน้าและกระทุ้งเข่าอัดไผ่น้อยให้สูญพันธุ์ดีเท่าไหร่แล้ว ยังจะมาโกรธเธออีก บ้าหรือเปล่า’
“ไม่ต้องมองฉันแบบนั้น คุณเป็นคนฉวยโอกาสกับฉันก่อน เอาคืนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” แม้กรุ่นด้วยความโกรธ แต่เสียงที่ออกไปดันหวานพลิ้วระคนพร่าแหบและสั่นพอๆ กับริมฝีปากจนต้องขบกัดเอาไว้ สูดลมหายใจเข้าปอดเรียกเรี่ยวแรงและพละกำลังฮึดสู้ จ้องกลับอีกฝ่ายตาขุ่นตาเขียวไม่กลัวรัศมีความโกรธที่แผ่กระจายมาโอบล้อมรอบกายา
เธอเป็นคน มีความรู้สึก โกรธเป็น อีกทั้งเขาเป็นคนทำร้ายเธอก่อนนี่นา เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กกว่า แล้วจะมาฉวยโอกาสรังแกกันได้ง่ายๆ หรือไง พริกเม็ดเล็กนะมันทั้งเผ็ดและแสบนะจะบอกให้
“ปล่อยฉันได้แล้วไอ้หนูสกปรก” ทาบมือบนอกกว้างที่ไม่รู้ว่าเธอเผลอแกะกระดุมอีกฝ่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้ฝ่ามือนุ่มสัมผัสกับกายแข็งกระด้างด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ไฟร้อนผ่าววิ่งฉิวมารวมตัวกันบนแก้มนุ่มอย่างเร็วพลัน
‘บ้าแล้ว เธอไม่ควรคิดบ้าๆ แบบนี้กับไอ้ผู้ชายแรกเจอและฉวยโอกาสนะ’ มธุรสก่นว่าตัวเอง สะบัดศีรษะสลัดไล่ความคิดแผลงๆ แต่ความรู้สึกอยากลูบไล้ไปบนกล้ามเนื้อแข็งกระด้าง ใช่ว่าจะหยุดได้ง่ายๆ ภายในใจตีกันยุ่งเหยิงเกินกว่าจะปัดออกได้เธอถึงกับเหนื่อยอ่อนใจ
“ถ้าอยากระบายความใคร่ คลายกามตัณหา ก็ไปหาเอาตามหน้าหาดโน่น อย่ามายุ่งกับฉัน!” ผลักดันกายหนาแรงๆ ปลายหางตาขมวดนิ่วด้วยความเจ็บ เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยแล้ว ยังถูกกดกอดกระชับรัดแนบกายแกร่ง ไม่รู้ว่าแรงคนหรือแรงช้างถึงได้รัดเสียจนกระดูกกระเดี้ยวแทบหักเป็นท่อนๆ
อึดอัดส่วนหนึ่ง หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากทรวงก็อีกส่วนหนึ่ง จนเธอได้แต่งุนงงระคนสงสัย มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้รู้สึกแปลกๆ กับจอมฉวยโอกาสตรงหน้า
“เผอิญไม่อยากได้ผู้หญิงคนอื่น อยากเห็นเธออยู่บนเตียง” จับรั้งปลายคางมนให้แหงนขึ้น ประกายในตาดุกร้าวและแข็งกระด้าง ยิ้มเหี้ยมเกรียมใส่ตาใสแจ๋วเหมือนตาตั๊กแตน
นิ้วยาวลูบไล้ผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม ไม่น่าเชื่อเลยหน้าตาใสบริสุทธิ์ของดรุณีสาวแรกรุ่น ทำให้เขาเกิดความปรารถนาจนเกินหักห้ามใจ กลีบปากสีสดอิ่มน่าสัมผัสขบเม้ม ดูดดื่มความหวานให้หนำใจหลายๆ ครั้ง
“เมื่อกี้ที่ตบหน้าฉันไป...” เอื้อนเอ่ยเสียงห้าวทุ้ม มองหน้าคนกล้าที่ประกายในดวงตาบอกว่ากลัวเขาซะจนตัวสั่นแล้ว แต่ก็ยังลอยหน้าลอยตาเชิดขึ้นอย่างไม่หวาดหวั่น ช่างน่าสนใจเสียจริง ปากหนาคลี่ยิ้ม ‘เธอเป็นคนเปิดโอกาสให้ฉันเองนะแม่หนูน้อย’
“ตั้งสองครั้งเสียด้วยสิ รู้ไหมไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับฉันเลย เธอเป็นคนแรกที่กล้า จะให้ฉันทำโทษเธอยังไงดีล่ะ”ยกมือลูบไล้ปลายคางเบาๆ
“คุณอยากลวนลามฉันก่อนทำไมล่ะ ที่เอาคืนยังน้อยไปด้วยซ้ำ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ หน้าตาก็ดีอยู่หรอกนะ แต่นิสัยเลวระยำที่สุด เจอผู้หญิงเพียงครั้งแรกก็ฉวยโอกาสกับเขาเสียแล้ว ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย” กลัวจนแข้งขาสั่นแต่มธุรสก็ยังไม่วายปากดีเถียงกลับไป แล้วยังจิกปลายเล็บแหลมคมบนผิวกายแล้วลากเต็มแรงเพื่อให้เขาปล่อยด้วย