“ฉันขอมีอะไรกับพี่เธอเองแหละ”
“ฮะ!” หญิงสาวร้องตกใจทันทีที่ได้ยินพี่สะใภ้คนสวยพูดอย่างนั้น เธอเบิกตากว้างไม่นึกว่าคนอย่างน้ำผึ้งจะกล้า และบ้าบิ่นแบบนี้
“แต่ก็นะ ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคน พี่เธอเขาก็เอาไม่เลือกอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นชายคนนั้นของเธอ เขาคงไม่คิดแบบเดียวกัน” น้ำผึ้งเอ่ยเตือนอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะทำตามมาก
“ฮ่า ๆ ไม่หรอก ไม่ต้องห่วง” หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ในใจกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ปากพูดไป ถ้ามันจะทำให้เขาสนใจเธอได้บ้าง บางทีเธอก็อยากจะลองทำมัน
“ว่าแต่ เธอเขียนอีเมลสมัครงานเป็นใช่ไหม”
“ไม่อะ คือ เอ่อ ฉันไม่เคยสมัครงานเลยน่ะ แล้วก็จบมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ปี Xx แล้ว” หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัวเบา ๆ เพื่อแก้เขิน ขณะที่น้ำผึ้งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับสิ่งที่ได้ยิน
“เราอายุเท่ากัน เธอน่าจะจบปี Xy หรือเปล่า” ชิลล์ชะงักทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เธอมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คือฉันดรอปเรียนไปปีหนึ่ง” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับก้มหน้าลงมองฝ่ามือตัวเอง จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีที่ถามแบบนั้นไป
“หืมม ถ้าเธอจบเร็วก็แปลกแล้ว มันยากจะตายเนาะ” น้ำผึ้งพยายามพูดให้บรรยากาศมันดีขึ้น แต่ไม่เลย
“จริง ๆ ไม่ใช่ว่าฉันสอบไม่ผ่านหรอก แต่ฉันมีเหตุผลอื่น” ชิลล์พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าใสของพี่สะใภ้ จริง ๆ แล้วเธอเรียนเก่งมากเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอต้องดรอปเรียนไป
“อืออ ฉันว่าเราไปกินข้าวกันเถอะ กับข้าวจะเย็นเสียก่อน แล้วจะได้หางานทำกัน” น้ำผึ้งเลือกที่จะไม่ถามอะไรออกไป ถึงแม้จะรู้สึกอยากรู้มากก็ตาม แต่เห็นสีหน้าของชิลล์แล้วเธอก็ใจไม่ดี
พรึ่บ!
น้ำผึ้งอุ้มลูกน้อยของเธอพร้อมกับยืนเต็มความสูง ขณะที่ชิลล์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตาม เธอมองตามผ่านหลังบอบบางของพี่สะใภ้พลางสงสัยในบางอย่าง
“ผึ้ง เธอสูงเท่าไรเหรอ” ความสูงที่แตกต่างกันมากของหญิงสาวสวยทั้งคู่ ทำให้ชิลล์อดไม่ได้ที่จะอยากรู้
“175 ทำไมเหรอ”
“เธอกินอะไรน่ะ ทำไมฉันสูงไม่ถึง 160 ด้วยซ้ำ” หญิงสาวรู้สึกน้อยใจไม่น้อยที่ตัวเองเกิดมาไม่สูงมากนัก ขณะที่พี่ชายของเธอสูงเกือบ 190 อาจจะเป็นเพราะเธอไม่สูงได้แม่
“หึ แต่หุ่นเธอมันน่าฟัดมากนะ” น้ำผึ้งตอบพร้อมกับมองดูเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้า ชิลล์เป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กเป็นเหตุให้เธอต้องใส่ส้นสูงที่สูงมากอยู่เสมอ มันทำให้เธอรู้สึกปวดเท้าอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้
“ฉันก็ว่างั้นแหละ ฮ่า ๆ” น้ำผึ้งถึงกับเผลอส่ายหน้าอย่างเอือม ระอาที่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าหลงตัวเองขนาดนี้ แต่มันก็จริงอย่างที่เธอพูด
วันนี้ทั้งวันทั้งคู่นั่งอยู่หน้าแล็บท็อปเพื่อเขียนอีเมลสมัครงาน หญิงสาวมีสีหน้าเครียดไม่น้อยที่เห็นว่างานส่วนมากจะประกาศรับคนที่มีประสบการณ์ และเธอก็ไม่มีประสบการณ์แถมอายุก็เยอะมากแล้ว
วันเวลาเดินไปเรื่อย ๆ จาก 1 วันเป็น 2 วัน และวันนี้ก็ครบ 2 อาทิตย์ที่เธอยังคงวุ่นอยู่กับกับการสมัครงาน และรออีเมลตอบกลับ เธอผิดหวังมาหลายวัน แต่ดูแล้วจะไม่ใช่วันนี้
ตึ้ง!
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแล็บท็อปเครื่องหรูของเธอ เธอขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความตอบกลับจากอีเมลฉบับหนึ่ง และพอกดเข้าไปอ่านดูเนื้อหาข้างในเท่านั้นแหละ
“กรี๊ด~” หญิงสาวร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นเมื่อเธอได้อ่านข้อความตอบกลับและข้อความเหล่านั้นมันเป็นข้อความที่เธอเฝ้ารอมานาน
“ผึ้ง!” หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อพี่สะใภ้ของเธอก่อนจะรู้ตัวว่าหญิงสาวนั้นอยู่ในบ้านคนเดียว หลังจากที่พี่สะใภ้เธอกับพี่ชายของเธอคืนดีกัน เธอก็ต้องร้องโฮ่ง ๆ เป็นหมาหัวเน่าเลยทีเดียว
“เฮ้อ ลืมไปเลยแฮะ แต่ว่า…คิก” หญิงสาวหัวเราะคิกออกมาเมื่อเธอคิดได้ว่าเธอควรจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครบางคน ใครบางคนที่เธอไม่ได้เจอหน้าเขานานแล้ว
@ตึกจิตเวช The hospital A [11.00 น.]
แกร็ก
แอ๊ด~
“สวัสดีครับคุณหมอ”
“ครับ เชิญนั่งครับ” ชายหนุ่มผายมือออกไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่คนไข้จะนั่งลง ไทม์เปิดอ่านใบซักประวัติผู้ป่วยก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดเข้าหากัน
“ในนี้บอกว่าคุณเห็นภาพหลอน” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามคนไข้ ก่อนที่ชายในวัยเดียวกันกับเขาจะพยักหน้ารับ
“ครับ มันเกิดขึ้นหลังที่ผมปฏิเสธผู้หญิงคนหนึ่งไป…” ชายหนุ่มนิ่งงันเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขากำลังรู้สึกเหมือนกับว่า
“_”
“เธอเข้ามาหาผม แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งเธอก็หายไป หลังจากนั้นผมก็มองเห็นภาพของผู้หญิงคนนั้นอยู่ในทุก ๆ ที่เลยครับ…”
“_” เหมือนกับว่าเขากำลังได้ยินเสียงของตัวเองพูดอยู่ ไทม์กำลังรู้สึกว่าเขาได้ถอดร่างของตัวเองมานั่งปรึกษากับจิตแพทย์
“คุณหมอครับ คุณหมอ!” ชายหนุ่มนิ่งงันก่อนทีเขาจะเลื่อนสายตามองคนไข้ตรงหน้า ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อสลัดความคิดแบบนั้นออกไป
“เวลาเราคิดถึงใครมาก ๆ ก็จะทำให้สมองของเราสร้างภาพของคน คนนั้นขึ้นมาครับ คุณไม่ได้ผิดปกติหรอกครับ แต่ถ้าวันไหนคุณไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้วันนั้นค่อยมาหาหมอใหม่นะครับ” จิตแพทย์หนุ่มพูดพร้อมกับมองไปยังที่ที่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มออกมาเมื่อเขากำลังเห็นภาพหลอนของหญิงสาวคนหนึ่งซะเอง
“ผมอยากลืมเธอครับ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่กลับมาหาผมแล้ว” อยู่ ๆ ใจแกร่งของไทม์ก็รู้สึกหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“ยิ่งคิดว่าจะลืม มันเหมือนกับย้ำเตือนให้สมองจดจำเธอนะครับ…” เหมือนกับบอกตัวเองชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ พลางนึกโกรธหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาทำให้เขาปั่นป่วนหัวใจแล้วก็จากหายไป
นานพอสมควรที่คนไข้รายนี้พูดคุยกับจิตแพทย์ ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักพิงอย่างคนเหนื่อยล้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปหาอะไรกินในเวลาเที่ยง
“เฮ้อ…” ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกผ่อนออกจากปลายจมูกคมสัน ชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่ที่ม้านั่งในสวนดอกไม้หน้าโรงพยาบาล พลางนึกสับสนในใจ ตกลงเขากำลังคิดถึงใครอยู่กันแน่ หรือเขาจะคิดถึงหญิงสาวคนที่หายหน้าไปเกือบจะ 2 อาทิตย์ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มก็คงไม่ต้องสับสนว่าเขาคิดถึงใคร แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกสับสนซะจนเห็นภาพหลอน
หญิงสาวสวยในชุดสายเดี่ยวรัดรูป และกระโปรสั้นสีแดงสด เธอก้าวเดินมาหาชายหนุ่มด้วยจริตจะก้านที่เรียกสายตาผู้คนให้มองมาที่เธอ
แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ถูกจับยกขึ้นคาดที่ศีรษะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงสดเช่นเคยยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นใครบางคนที่เธออยากเจอ
ร้องเท้าส้นสูงสีดำสนิทสูง 7 นิ้วตกกระทบพื้นตามจังหวะทางเดิน มืออีกข้างถือกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง ส่วนอีกข้างแกร่งตามจังหวะการเดิน
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แต่แล้วภาพนั้นมันกลับชัดเรื่อย ๆ จนเขารับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ก่อนที่อารมณ์ของเขาจะ
คุกรุ่นขึ้นมามากกว่าเดิม อยากมาก็มาอยากไปก็ไป เป็นผีหรือไงวะ ชายหนุ่มคิดในใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหมายจะเดินหนี
แต่แล้ว
“ทามมี่!”
ตึก ตึก ตึก ~
หมับ!
พรึ่บ
ตุบ!
“โอ้ย!” เหมือนกับตกตึกสิบชั้นเมื่อหญิงสาวคว้าหมับที่ข้อแขนเขาอย่างถือวิสาสะ ก่อนที่แรงเหวี่ยงจากการที่เขากำลังเดินทำให้เธอ ข้อเท้าพลิกล้มลงอย่างจัง
“_” ชายหนุ่มยืนมองนิ่งเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางของเธอล้มลงไปนั่งกองจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้น ขณะที่ใบหน้าสวยทำหน้าเหยเกด้วยความรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าอยู่ไม่น้อย
“เจ็บจังค่ะ”
“สำออย”
“ค่ะ”
“_” ???
“อ่อยด้วยค่ะ อุ้มหน่อยค่ะ” หญิงสาวเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เรียกได้ว่าโรคจิตเลยก็ว่าได้
“เหอะ”
“ไม่ต้องเหอะเลยค่ะ ยังไม่อุ้มอีกเหรอคะ”
“คุณทำตัวเองนะ” ชายหนุ่มย้ำเตือนสิ่งที่เป็นเหตุให้เธอต้องมานั่งโอดโอยอยู่อย่างนี้ ใครเขาให้กระชากแขนของผู้ชายแรงขนาดนี้ คิดว่าตัวเองมีแรงมากนักหรือไง ชายหนุ่มคิดในใจ เขาแอบตกใจอยู่ไม่น้อยที่เธอถึงกับตัวลอยตามแรงเหวี่ยงตีกลับของเธอเอง
“จะไม่อุ้มจริง ๆ เหรอคะ”
“_”
“โอเคค่ะ”
พรึ่บ!
ชายหนุ่มตาโตทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนทันทีที่รู้ว่าเขาจะไม่อุ้มเธอตามคำร้องขอ เกือบไปแล้วที่เขาจะอุ้มเธอขึ้นจริง ๆ ให้ตายเถอะผู้หญิงคนนี้โคตรมารยาคิดได้ดังนั้น ไทม์ถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ
“ล้มจริง เจ็บจริงค่ะ ไม่ได้มารยา” หญิงสาวที่รับรู้ได้ว่าเขาคิดว่าเธอโกหก เธอแค่ไม่อยากนั่งนาน มันร้อนก้น พื้นร้อนขนาดนี้ตูดไหม้พอดี
“เหอะ”
“อะไรติดคอคะ ก้อนความรักหรือเปล่า คิก ๆ” หญิงสาวขำออกมาเมื่อเธอพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ ขณะที่คนตัวโตถึงกับทำหน้าขมวดคิ้ว
“คุณมาทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามอย่างนึกสงสัยที่เธอคิดจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป
“แค่ก ๆ พอดี แค่ก ๆ ชิลลี่ไม่สบายค่ะ แค่ก ๆ” มือบางถูกยกขึ้นมาปิดปากพร้อมกับทำท่าไอออกมา เธอกำลังคิดจะทำตามข้อความในเน็ตที่บอกให้เธอว่าให้เอาตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ เขา เขาเป็นหมอ ก็คงต้องเป็นคนไข้มั้ง ถึงจะอยู่ใกล้ได้
“แล้วมาหาผมทำไม” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าเหมือนจะไอออกมามาอีกระรอก
“ฉันอยากให้คุณหมอดูอาการฉันน่ะค่ะ” หญิงสาวช้อนสายตามองชายหนุ่มด้วยแววตาน่าสงสาร ขณะที่ชายหนุ่มนึกขันการกระทำของเธออยู่ในใจ
“คุณป่วยทางจิตเหรอ” หญิงสาวเอียงคออย่างนึกสงสัยที่เขาถามออกมาแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ทำไมคะ?” ชายหนุ่มกลั้นขำไว้ เมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าเหมือนกับแมวตัวน้อย ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ผมเป็นจิตแพทย์…”