บทที่ 4 ทฤษฎีจีบ 2 เอาตัวเองไปใกล้เขา

1960 Words
“ฉันขอมีอะไรกับพี่เธอเองแหละ” “ฮะ!” หญิงสาวร้องตกใจทันทีที่ได้ยินพี่สะใภ้คนสวยพูดอย่างนั้น เธอเบิกตากว้างไม่นึกว่าคนอย่างน้ำผึ้งจะกล้า และบ้าบิ่นแบบนี้ “แต่ก็นะ ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคน พี่เธอเขาก็เอาไม่เลือกอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นชายคนนั้นของเธอ เขาคงไม่คิดแบบเดียวกัน” น้ำผึ้งเอ่ยเตือนอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะทำตามมาก “ฮ่า ๆ ไม่หรอก ไม่ต้องห่วง” หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ในใจกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ปากพูดไป ถ้ามันจะทำให้เขาสนใจเธอได้บ้าง บางทีเธอก็อยากจะลองทำมัน “ว่าแต่ เธอเขียนอีเมลสมัครงานเป็นใช่ไหม” “ไม่อะ คือ เอ่อ ฉันไม่เคยสมัครงานเลยน่ะ แล้วก็จบมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ปี Xx แล้ว” หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัวเบา ๆ เพื่อแก้เขิน ขณะที่น้ำผึ้งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับสิ่งที่ได้ยิน “เราอายุเท่ากัน เธอน่าจะจบปี Xy หรือเปล่า” ชิลล์ชะงักทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เธอมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “คือฉันดรอปเรียนไปปีหนึ่ง” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับก้มหน้าลงมองฝ่ามือตัวเอง จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีที่ถามแบบนั้นไป “หืมม ถ้าเธอจบเร็วก็แปลกแล้ว มันยากจะตายเนาะ” น้ำผึ้งพยายามพูดให้บรรยากาศมันดีขึ้น แต่ไม่เลย “จริง ๆ ไม่ใช่ว่าฉันสอบไม่ผ่านหรอก แต่ฉันมีเหตุผลอื่น” ชิลล์พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าใสของพี่สะใภ้ จริง ๆ แล้วเธอเรียนเก่งมากเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอต้องดรอปเรียนไป “อืออ ฉันว่าเราไปกินข้าวกันเถอะ กับข้าวจะเย็นเสียก่อน แล้วจะได้หางานทำกัน” น้ำผึ้งเลือกที่จะไม่ถามอะไรออกไป ถึงแม้จะรู้สึกอยากรู้มากก็ตาม แต่เห็นสีหน้าของชิลล์แล้วเธอก็ใจไม่ดี พรึ่บ! น้ำผึ้งอุ้มลูกน้อยของเธอพร้อมกับยืนเต็มความสูง ขณะที่ชิลล์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตาม เธอมองตามผ่านหลังบอบบางของพี่สะใภ้พลางสงสัยในบางอย่าง “ผึ้ง เธอสูงเท่าไรเหรอ” ความสูงที่แตกต่างกันมากของหญิงสาวสวยทั้งคู่ ทำให้ชิลล์อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ “175 ทำไมเหรอ” “เธอกินอะไรน่ะ ทำไมฉันสูงไม่ถึง 160 ด้วยซ้ำ” หญิงสาวรู้สึกน้อยใจไม่น้อยที่ตัวเองเกิดมาไม่สูงมากนัก ขณะที่พี่ชายของเธอสูงเกือบ 190 อาจจะเป็นเพราะเธอไม่สูงได้แม่ “หึ แต่หุ่นเธอมันน่าฟัดมากนะ” น้ำผึ้งตอบพร้อมกับมองดูเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้า ชิลล์เป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กเป็นเหตุให้เธอต้องใส่ส้นสูงที่สูงมากอยู่เสมอ มันทำให้เธอรู้สึกปวดเท้าอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ “ฉันก็ว่างั้นแหละ ฮ่า ๆ” น้ำผึ้งถึงกับเผลอส่ายหน้าอย่างเอือม ระอาที่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าหลงตัวเองขนาดนี้ แต่มันก็จริงอย่างที่เธอพูด วันนี้ทั้งวันทั้งคู่นั่งอยู่หน้าแล็บท็อปเพื่อเขียนอีเมลสมัครงาน หญิงสาวมีสีหน้าเครียดไม่น้อยที่เห็นว่างานส่วนมากจะประกาศรับคนที่มีประสบการณ์ และเธอก็ไม่มีประสบการณ์แถมอายุก็เยอะมากแล้ว วันเวลาเดินไปเรื่อย ๆ จาก 1 วันเป็น 2 วัน และวันนี้ก็ครบ 2 อาทิตย์ที่เธอยังคงวุ่นอยู่กับกับการสมัครงาน และรออีเมลตอบกลับ เธอผิดหวังมาหลายวัน แต่ดูแล้วจะไม่ใช่วันนี้ ตึ้ง! หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแล็บท็อปเครื่องหรูของเธอ เธอขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความตอบกลับจากอีเมลฉบับหนึ่ง และพอกดเข้าไปอ่านดูเนื้อหาข้างในเท่านั้นแหละ “กรี๊ด~” หญิงสาวร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นเมื่อเธอได้อ่านข้อความตอบกลับและข้อความเหล่านั้นมันเป็นข้อความที่เธอเฝ้ารอมานาน “ผึ้ง!” หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อพี่สะใภ้ของเธอก่อนจะรู้ตัวว่าหญิงสาวนั้นอยู่ในบ้านคนเดียว หลังจากที่พี่สะใภ้เธอกับพี่ชายของเธอคืนดีกัน เธอก็ต้องร้องโฮ่ง ๆ เป็นหมาหัวเน่าเลยทีเดียว “เฮ้อ ลืมไปเลยแฮะ แต่ว่า…คิก” หญิงสาวหัวเราะคิกออกมาเมื่อเธอคิดได้ว่าเธอควรจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครบางคน ใครบางคนที่เธอไม่ได้เจอหน้าเขานานแล้ว @ตึกจิตเวช The hospital A [11.00 น.] แกร็ก แอ๊ด~ “สวัสดีครับคุณหมอ” “ครับ เชิญนั่งครับ” ชายหนุ่มผายมือออกไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่คนไข้จะนั่งลง ไทม์เปิดอ่านใบซักประวัติผู้ป่วยก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดเข้าหากัน “ในนี้บอกว่าคุณเห็นภาพหลอน” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามคนไข้ ก่อนที่ชายในวัยเดียวกันกับเขาจะพยักหน้ารับ “ครับ มันเกิดขึ้นหลังที่ผมปฏิเสธผู้หญิงคนหนึ่งไป…” ชายหนุ่มนิ่งงันเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขากำลังรู้สึกเหมือนกับว่า “_” “เธอเข้ามาหาผม แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งเธอก็หายไป หลังจากนั้นผมก็มองเห็นภาพของผู้หญิงคนนั้นอยู่ในทุก ๆ ที่เลยครับ…” “_” เหมือนกับว่าเขากำลังได้ยินเสียงของตัวเองพูดอยู่ ไทม์กำลังรู้สึกว่าเขาได้ถอดร่างของตัวเองมานั่งปรึกษากับจิตแพทย์ “คุณหมอครับ คุณหมอ!” ชายหนุ่มนิ่งงันก่อนทีเขาจะเลื่อนสายตามองคนไข้ตรงหน้า ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อสลัดความคิดแบบนั้นออกไป “เวลาเราคิดถึงใครมาก ๆ ก็จะทำให้สมองของเราสร้างภาพของคน คนนั้นขึ้นมาครับ คุณไม่ได้ผิดปกติหรอกครับ แต่ถ้าวันไหนคุณไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้วันนั้นค่อยมาหาหมอใหม่นะครับ” จิตแพทย์หนุ่มพูดพร้อมกับมองไปยังที่ที่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มออกมาเมื่อเขากำลังเห็นภาพหลอนของหญิงสาวคนหนึ่งซะเอง “ผมอยากลืมเธอครับ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่กลับมาหาผมแล้ว” อยู่ ๆ ใจแกร่งของไทม์ก็รู้สึกหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ “ยิ่งคิดว่าจะลืม มันเหมือนกับย้ำเตือนให้สมองจดจำเธอนะครับ…” เหมือนกับบอกตัวเองชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ พลางนึกโกรธหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาทำให้เขาปั่นป่วนหัวใจแล้วก็จากหายไป นานพอสมควรที่คนไข้รายนี้พูดคุยกับจิตแพทย์ ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักพิงอย่างคนเหนื่อยล้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปหาอะไรกินในเวลาเที่ยง “เฮ้อ…” ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกผ่อนออกจากปลายจมูกคมสัน ชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่ที่ม้านั่งในสวนดอกไม้หน้าโรงพยาบาล พลางนึกสับสนในใจ ตกลงเขากำลังคิดถึงใครอยู่กันแน่ หรือเขาจะคิดถึงหญิงสาวคนที่หายหน้าไปเกือบจะ 2 อาทิตย์ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มก็คงไม่ต้องสับสนว่าเขาคิดถึงใคร แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกสับสนซะจนเห็นภาพหลอน หญิงสาวสวยในชุดสายเดี่ยวรัดรูป และกระโปรสั้นสีแดงสด เธอก้าวเดินมาหาชายหนุ่มด้วยจริตจะก้านที่เรียกสายตาผู้คนให้มองมาที่เธอ แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ถูกจับยกขึ้นคาดที่ศีรษะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงสดเช่นเคยยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นใครบางคนที่เธออยากเจอ ร้องเท้าส้นสูงสีดำสนิทสูง 7 นิ้วตกกระทบพื้นตามจังหวะทางเดิน มืออีกข้างถือกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง ส่วนอีกข้างแกร่งตามจังหวะการเดิน ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แต่แล้วภาพนั้นมันกลับชัดเรื่อย ๆ จนเขารับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ก่อนที่อารมณ์ของเขาจะ คุกรุ่นขึ้นมามากกว่าเดิม อยากมาก็มาอยากไปก็ไป เป็นผีหรือไงวะ ชายหนุ่มคิดในใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหมายจะเดินหนี แต่แล้ว “ทามมี่!” ตึก ตึก ตึก ~ หมับ! พรึ่บ ตุบ! “โอ้ย!” เหมือนกับตกตึกสิบชั้นเมื่อหญิงสาวคว้าหมับที่ข้อแขนเขาอย่างถือวิสาสะ ก่อนที่แรงเหวี่ยงจากการที่เขากำลังเดินทำให้เธอ ข้อเท้าพลิกล้มลงอย่างจัง “_” ชายหนุ่มยืนมองนิ่งเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางของเธอล้มลงไปนั่งกองจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้น ขณะที่ใบหน้าสวยทำหน้าเหยเกด้วยความรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าอยู่ไม่น้อย “เจ็บจังค่ะ” “สำออย” “ค่ะ” “_” ??? “อ่อยด้วยค่ะ อุ้มหน่อยค่ะ” หญิงสาวเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เรียกได้ว่าโรคจิตเลยก็ว่าได้ “เหอะ” “ไม่ต้องเหอะเลยค่ะ ยังไม่อุ้มอีกเหรอคะ” “คุณทำตัวเองนะ” ชายหนุ่มย้ำเตือนสิ่งที่เป็นเหตุให้เธอต้องมานั่งโอดโอยอยู่อย่างนี้ ใครเขาให้กระชากแขนของผู้ชายแรงขนาดนี้ คิดว่าตัวเองมีแรงมากนักหรือไง ชายหนุ่มคิดในใจ เขาแอบตกใจอยู่ไม่น้อยที่เธอถึงกับตัวลอยตามแรงเหวี่ยงตีกลับของเธอเอง “จะไม่อุ้มจริง ๆ เหรอคะ” “_” “โอเคค่ะ” พรึ่บ! ชายหนุ่มตาโตทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนทันทีที่รู้ว่าเขาจะไม่อุ้มเธอตามคำร้องขอ เกือบไปแล้วที่เขาจะอุ้มเธอขึ้นจริง ๆ ให้ตายเถอะผู้หญิงคนนี้โคตรมารยาคิดได้ดังนั้น ไทม์ถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ “ล้มจริง เจ็บจริงค่ะ ไม่ได้มารยา” หญิงสาวที่รับรู้ได้ว่าเขาคิดว่าเธอโกหก เธอแค่ไม่อยากนั่งนาน มันร้อนก้น พื้นร้อนขนาดนี้ตูดไหม้พอดี “เหอะ” “อะไรติดคอคะ ก้อนความรักหรือเปล่า คิก ๆ” หญิงสาวขำออกมาเมื่อเธอพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ ขณะที่คนตัวโตถึงกับทำหน้าขมวดคิ้ว “คุณมาทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามอย่างนึกสงสัยที่เธอคิดจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป “แค่ก ๆ พอดี แค่ก ๆ ชิลลี่ไม่สบายค่ะ แค่ก ๆ” มือบางถูกยกขึ้นมาปิดปากพร้อมกับทำท่าไอออกมา เธอกำลังคิดจะทำตามข้อความในเน็ตที่บอกให้เธอว่าให้เอาตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ เขา เขาเป็นหมอ ก็คงต้องเป็นคนไข้มั้ง ถึงจะอยู่ใกล้ได้ “แล้วมาหาผมทำไม” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าเหมือนจะไอออกมามาอีกระรอก “ฉันอยากให้คุณหมอดูอาการฉันน่ะค่ะ” หญิงสาวช้อนสายตามองชายหนุ่มด้วยแววตาน่าสงสาร ขณะที่ชายหนุ่มนึกขันการกระทำของเธออยู่ในใจ “คุณป่วยทางจิตเหรอ” หญิงสาวเอียงคออย่างนึกสงสัยที่เขาถามออกมาแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ทำไมคะ?” ชายหนุ่มกลั้นขำไว้ เมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าเหมือนกับแมวตัวน้อย ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย “ผมเป็นจิตแพทย์…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD