บทที่ 1
ตกหลุมรัก
คำนิยามที่ว่า คนที่ใช่จะมาในเวลาที่ใช่ เป็นอะไรที่เชื่อได้ยาก ถ้าเธอไม่พบกับเขา หญิงสาวผู้ไม่เคยตกหลุมรักใคร แต่ตอนนี้กลับตกหลุมรักชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจัง
การกระทำที่ดูเป็นธรรมชาติของเขาที่เขาทำเมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นกระรอกตัวน้อยที่มีโพรงใหญ่คอยคุ้มกัน เธอเดินเปลือยแผ่นหลังนานพอสมควรแต่กลับไม่มีใครมาบอกเธอเลยสักคน รวมถึงเรื่องเสื้อกาวน์ของเขาด้วย มันทำให้เธอใจเต้นไม่ส่ำ
ทันทีที่เอ่ยปากแนะนำไป มือเรียวสวยถูกยกขึ้นเสยผมไปด้านข้าง ก่อนจะยื่นมือข้างเดิมไปข้างหน้าหมายจะทำความรู้จัก
ผู้คนเดินขวักไขว่ผ่านไปมา เสียงรถมากมายที่แล่นเข้าไปในโรงพยาบาล มันกลับมีเสียงเบามากในโสตประสาทรับฟังของเธอ
“ชื่ออะไรเหรอคะ?…” ริมฝีปากบางที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้งเมื่อเขามองใบหน้าเธอนิ่งเฉย สายตาคมจ้องมองเธอเหมือนกำลังสำรวจความคิด และการกระทำ
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ เราคงไม่ได้เจอกันอีก” ถ้อยคำของเขาคือการปฏิเสธอย่างสุภาพ จิตแพทย์หนุ่มรู้ว่าเธอคิดอะไรยังไงกับเขา รูม่านตาขยาย ใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้นจากเส้นเลือดที่ขยาย และมันเกิดจากหัวใจที่เต้นเร็ว เธอยิ้มไม่หุบ และตอนนี้เหมือนจะต้องหุบยิ้ม
“หือ?…” หญิงสาวหน้าเจื่อนในทันที แต่ก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม เธอลดมือลงช้า ๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสูง แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรออกไปอีก ชายหนุ่มตรงหน้าก็เบี่ยงตัวหลบเดินหนีเธอไปเสียก่อน
“ถ้าเจอกันอีก คุณต้องบอกชื่อคุณนะ!” หญิงสาวตะโกนไล่หลังชายหนุ่มเสียงดังด้วยความคาดหวังว่าจะได้เจอกันอีก และมันจะต้องเป็นแบบนั้น
หากจะบอกว่าการอกหักจากความรักมันทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชา เขาก็คงไม่ปฏิเสธมัน จิตแพทย์หนุ่มเดินทอดน่องไปที่ตึกจิตเวช
ช้า ๆ เพราะเขาไม่ได้มีงานต่อ แต่แล้ว
กึก!
ร่างหนาใหญ่ของใครบางคนทำให้เขาหยุดเดิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังนั่งสูบบุหรี่ที่บริเวณสูบบุหรี่ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหา
“อรไม่ชอบควันบุหรี่” ชายหนุ่มเอ่ยทักด้วยชื่อของหญิงสาวคนหนึ่งด้วยถ้อยคำที่ทำให้อีกฝ่ายมองเขาตาขวาง ก่อนที่เขาจะตอบกลับทันควัน
“รู้ดี”
“ก็สนิทกัน”
“กวนตีน” พัช ศัลยแพทย์หนุ่มตอบกลับด้วยถ้อยคำหยาบคายเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“หึ ได้ข่าวอรบ้างไหม” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่เขาอยากรู้ เอ่ยถามถึงหญิงสาวที่หักอกเขา และตอนนี้เธอหายไป
อร เป็นคนไข้ที่เขาเสนอตัวเองเพื่อดูแลเธอแบบลับ ๆ ความสงสารก่อให้เกิดความรักโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่พอนานไปมันทำให้ชายหนุ่มหลงรักเธอจนมีความคิดอยากจะแย่งเธอจากชายตรงหน้าหลายครั้ง และความคิดนี้ก็นำไปสู่เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนั้น
“ไม่เลย” พัชตอบด้วยน้ำเสียงปนเศร้าก่อนที่เขาจะโยนบุหรี่ในมือทิ้งพร้อมกับเอาปลายเท้าขยี้มัน
“ไปดื่มกัน…วันนี้” จากศัตรูหัวใจสู่มิตรภาพมันเกิดขึ้นได้ยาก แต่ตอนนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
“อรไม่ให้ดื่ม”
“เหอะ แต่มึงสูบบุหรี่เนี่ยนะ”
“กูเครียดว่ะ ไทม์” ชายหนุ่มตรงหน้าเขาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าของเขา ทำให้เจ้าของชื่อต้องเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ เขา
“กูเป็นจิตแพทย์ เผื่อลืม” ชายหนุ่มเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“กูว่า…กูเห็นภาพหลอน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับข่มตาลงแน่น เขากำลังมองเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่หายตัวไป และเขายังไม่ได้ข่าวของเธอเลย
“มึงไม่ได้บ้าหรอก มึงแค่คิดถึงเธอ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่าย หากเป็นเมื่อก่อนคงได้วางมวยกันแล้ว แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ ต่างคนต่างรู้สึกเสียใจที่หญิงสาวคนนั้นหายตัวไป อีกคนตกเป็นต้นเหตุของการหายไป และอีกคนทำให้เธอคนนั้นต้องหายไป…
อีกด้านหนึ่ง…
“บ้าบอ ข้าวก็ไม่ได้กินอุตส่าห์รีบกลับมาหา เฮ้อ…” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง นับ ๆ ดูแล้ววันนี้เธอคงต้องถอนหายใจอีกหลายครั้ง เธอกำลังบ่นให้กับพี่ชาย และพี่สะใภ้เธอ
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอถูกพี่ชายตัวดีบังคับให้มาดูแลเมียของเขา หลังจากที่ทั้งคู่ทะเลาะกันจนบ้านแตก อาจจะเป็นเพราะเมียของเขาเพิ่งคลอดหลานตัวน้อย ๆ ของเธอ ทำให้เธอยอมที่จะมาดูแล และอยู่เป็นเพื่อนด้วย แต่เมื่อสักครู่เธอเพิ่งโดนเฉดหัวทิ้ง เพราะสองผัวเมียนั้นยังคงตัดกันไม่ขาด
“อยู่ไหนของเขานะ” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองหลังจากที่เดินกลับมาที่เดิม ที่เดิมที่เธอเพิ่งเจอคนคนหนึ่ง
“อยู่ในใจเราหรือเปล่า คิก ๆ” หญิงสาวเหมือนคนกำลังเป็นบ้าเมื่อเธอยืนพูดคนเดียวแล้วก็ขำออกมา แต่แล้วสายตาของเธอก็พลันเห็นชายหนุ่มที่เธอต้องการเจอ
หากการบังเอิญเจอเป็นเรื่องยาก ก็ตามหามันซะเลย จะได้รู้ชื่อของเขาด้วย หญิงสาวที่คิดได้ดังนั้น เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นทันที แต่ทว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
นานพอสมควรที่ชายหนุ่มสองคนพูดคุยกันเหมือนกับคุณหมอให้คำปรึกษากับคนไข้ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสปายสาวยืนทำตัวเป็นจิ้งจกติดผนังอยู่ซอยข้าง ๆ และได้แอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่
หญิงสาวไม่ได้ยินว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสองคนคุยอะไรกัน และก็มองไม่เห็นด้วยเพราะเธอยืนติดผนังอยู่ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาพูดเสียงเบา และเสียงภายนอกก็รบกวนพอสมควร แต่ทว่า
“ที่ไหน!”
“Friday”
“โอเค 4 ทุ่ม” พัชตะโกนกลับมาเมื่อเขาได้เดินออกไปไกลแต่ว่าลืมถามไปว่าคลับที่จะไปดื่มกันคือที่ไหน แต่พอรู้ชื่อคลับและเขาก็ได้นัดเวลาไป ชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับไปเหมือนก่อนหน้านี้
แต่สิ่งที่ได้ยินทำให้สปายสาวดวงตาลุกวาว เธอยิ้มกรุ้มกริ่มทันทีที่ได้ยินชื่อคลับคลับหนึ่ง ก่อนที่เธอจะชะโงกใบหน้าออกไปดู ในใจเธอแอบกลัวเหมือนกันว่าเขาจะรู้ และก็เป็นดังนั้น
“อุ้ย!” หญิงสาวร้องตกใจทันทีที่ชะโงกหน้าออกไปแล้วก็พบกับชายหนุ่มคนที่เธออยากเจอยืนพิงผนังอีกด้านอยู่
“แหะ ๆ พรมลิขิต หรือ…”
“คุณนั่นแหละลิขิต” ยังไม่ทันที่เธอจะแก้ตัวว่าเป็นเธอเองที่เดินตามหาเขา ชายหนุ่มก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ฉะ ฉันเปล่านะคะ” ถ้าหากว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัย เธอคงถูกตำรวจจับทันทีที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา และเธอก็เหลือบตาไปเห็นกระจกดำมืดสนิทจากตึกฝั่งตรงข้ามที่สะท้อนเงาเขาและเธออยู่ ชัดเจนเลยว่าเขาเห็นเธอตั้งแต่ตอนไหน
“เฮ้อ…ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะ” ชายหนุ่มย้ำเตือนเธอเรื่องที่เขาพูดก่อนหน้านี้ เขาน่ะยังไม่พร้อมเปิดใจให้ใครในตอนนี้ เพราะยังรู้สึกผิดกับเรื่องที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวที่เขาชอบหายตัวไป
“แหม คุณคะ ยังไม่เริ่มเลย บางทีคุณอาจจะชอบฉันจนโงหัวไม่ขึ้นก็ได้” หญิงสาวพร้อมกรีดกรายนิ้วไปที่แผงอกเขาอย่างยั่วยวน
“_” ชายหนุ่มนิ่งมองเธอด้วยความรู้สึก อิหยังวะ
“ฉันจะจีบคุณเองค่ะ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มของเธออาจจะทำให้ผู้ชายหลายคนใจสั่น แต่ไม่ใช่กับเขา เขายังคงยืนนิ่งมองเธออยู่อย่างนั้น
“_”
“เราเจอกันอีกแล้ว คุณชื่ออะไรคะ?…” ชิลล์หรือชิลลี่ พูดพร้อมกับยกยิ้มขึ้นจนตาหยี เธอตกหลุมรักเขาจนไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำเกินงาม
“_” หน้าตาเบื่อโลกได้ฉายขึ้นบนใบหน้าเขา มันควรจะทำให้เธอรู้สึกประหม่า แต่ไม่เลย
“หรือจะให้ฉันเรียกอย่างอื่นคะ เช่น ที่…”
“ไทม์” ทันทีที่รับรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาจะเรียกเขาว่ายังไง ชายหนุ่มก็ได้พูดชื่อของตัวเองออกไปทันที
“ไทม์…” หญิงสาวพึมพำชื่อของเขา ก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“_”
“ทามมี่” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงทันทีกับชื่อใหม่ที่เขาได้ยิน ผู้หญิงตรงหน้าเขาเหมือนกับเด็กน้อยไม่รู้จักโต ขัดกับการแต่งตัวที่เป็นผู้ใหญ่เสียจริง
“_” !
“ทามมี่ ฉันจะจีบคุณเองค่ะ!” ชิลล์พูดเสียงหนักแน่นเหมือนกับว่าเคยจีบชายอื่นอย่างไงอย่างงั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำเลยสักนิด
“ผมว่าคุณเอาเวลาไปทำงานเถอะ” ชายหนุ่มตอบเหมือนกับไม่ยี่หระกับคำพูดของหญิงสาวเลยสักนิด
“ฉันไม่มีงานทำค่ะ”
“ฮะ” ไทม์ตกใจทันทีที่ได้ยินว่าไม่มีงานทำของหญิงสาวตรงหน้า ปกติแล้วทุกคนล้วนมีงานทำกันหมด หรือว่า
“ฉันรวยค่ะ” ชัดเจน หญิงสาวคิดว่าตัวเองรวยเลยไม่คิดที่จะทำงานทำการอะไรเลย
“งั้นก็อย่าหวังว่าผมจะชอบคุณเลย” ชายหนุ่มตัดน้ำใจอีกฝ่ายทันที ใครเขาจะอยากได้ผู้หญิงที่ไม่ทำงานมาเป็นภรรยา ไม่ใช่เขาแล้วหนึ่ง
“คุณชอบคนทำงานเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปอย่างนึกสงสัย ทั้ง ๆ ที่มันชัดเจนในคำพูดของเขาอยู่แล้ว
“_” แต่กระนั้นเขาก็ไม่ตอบ
“ฉันจะหางานทำค่ะ ถ้าคุณชอบ ฉันน่ะเรียนจบด้วยนะคะ ถึงฉันจะเรียน 5 ปี แต่ก็จบค่ะ ถ้าคุณชอบคนทำงานฉันจะไปสมัครงานค่ะ ถ้าคุณชอบคนที่…|3$…¥{¥€#€¥$1#…9$” หญิงสาวพล่ามไม่หยุดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอสามารถทำให้กับอีกฝ่ายชอบเธอได้ ในขณะที่คนฟังมีแต่คำพูดว่าอะไรของเธอเต็มไปหมด
“_”
“อุ้ย! ฉันต้องไปแล้วค่ะ เจอกันนะคะ” หญิงสาวที่เพิ่งรู้ตัวว่าเธอมานานเกินไปแล้ว กลัวว่าพี่สะใภ้เธอจะรอ และเธออยากจะไปด่าพี่ชายเธอด้วย ชิลล์เอ่ยปากลาชายหนุ่มก่อนจะพูดทิ้งท้ายคำว่าเจอกันไว้ เพราะเย็นนี้เธอจะได้เจอเขาแน่
“ไม่ได้เจออีกแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ถึงเขาจะเคยเป็นฝ่ายรักเขาข้างเดียว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดจะตามตื๊อใครให้รู้สึกน่ารำคาญแบบนี้
ไทม์เดินกลับไปที่ตึกของเขาอีกรอบ รอบนี้เดินเร็วหน่อยเพราะใกล้ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าตรวจคนไข้แล้ว
@ตึกจิตเวช [15.00 น.]
ในเวลาใกล้เลิกงานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจนัก เขาไม่อยากกลับบ้านพักสักเท่าไร เพราะกลัวว่าตัวเองจะจิตตกเรื่องที่หญิงสาวคนที่เขาชอบหายไป
หากว่าเธอคนนั้นไม่ได้แท้งลูกที่ไม่ใช่ลูกเขา แต่เป็นลูกของชายที่เธอเลือกเขาก็คงไม่เสียใจแบบนี้ ต้นเหตุที่เธอแท้งลูกก็มาจากความเข้าใจผิดจากที่สามีเธอเห็นรูปที่เขาและเธอไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าเขาไม่ชวนเธอไปตั้งแต่แรก มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเขาไม่คิดที่จะรอให้เธอเลิกกับชายคนนั้น เธอก็คงไม่เป็นแบบนี้ ไม่ได้มีแค่ชายหนุ่มที่เขาเพิ่งนัดไปดื่มด้วยเท่านั้นที่จมกับความรู้สึกผิด เขาก็จมกับความรู้สึกผิดเช่นกัน
เวลาเดินผ่านไปเรื่อย ๆ ที่เขานั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงาน มีคนไข้หลายรายที่เข้ามาขอคำปรึกษาจากเขา บางคนไม่ได้ป่วยทางจิต แต่แค่อยากพูดคุยกับจิตแพทย์ให้รู้สึกดีเท่านั้น แต่บางทีจิตแพทย์แบบเขาก็อยากจะได้รับการเยียวยาจิตใจเหมือน
“คิดอะไรวะ พอ ๆ เลิก ๆ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่ายหัวไปมาเมื่อจู่ ๆ พอคิดถึงการเยียวยาจิตใจ ใบหน้าสวยเฉี่ยวของหญิงสาวคนนั้นก็ลอยมา จนเขาถึงกับส่ายหัวไปมา และทันใดนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~
“คนไข้หมดแล้วค่ะ” ทันที่ที่ได้ยินพยาบาลหน้าห้องพูด ไทม์ก็หยัดกายตัวเองขึ้นก่อนจะถอดเสื้อกาวน์ยาวออก ชายหนุ่มไม่ได้เข้าเวรวันนี้ แอบเซงเล็กน้อยที่เพื่อนใหม่เขานัดไปดื่มซะดึกเลย สงสัยเขาติดเคสผ่าตัด
ไทม์เดินออกจากห้องทำงาน เขาเดินควงกุญแจรถอย่างอารมณ์ดีผิดปกติ อยู่ ๆ เขาเองก็อารมณ์ดี เหมือนตอนนี้เขาจะกำลังเป็นไบโพล่า โดยที่ไม่รู้เลยว่าต้นเหตุของการอารมณ์ดีนี้มาจากใคร แต่แล้ว
“เอ่อ…คุณหมอคะ” พยาบาลสาวเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้าลิฟต์ เขาหยุดชะงักก่อนจะหันหลังกลับมามองพยาบาลสาวคนนั้น
“ครับ?”
“เสื้อของคุณเปื้อนรอยลิปสติกค่ะ คือมีคนมองเยอะฉันก็เลย…”
“ฮะ!” ชายหนุ่มเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะเดินไปหันหลังให้กระจกข้าง ๆ ตัวลิฟต์เพื่อดูว่ามีจริงหรือเปล่า และก็
ชัดเจน!
รอยลิปสติกสีแดงสดยังคงติดอยู่ที่เสื้อชายหนุ่ม และเขาจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่เป็นรอยจูบแบบนี้!
“ยัยบ้า” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างคนหัวเสีย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนทั้งแผนกเขาจะมองเขายังไง ภาพลักษณ์แสนอบอุ่น ที่เป็นที่เพ้อฝันของหญิงสาวทั่วแผนกเขาคงพังลงในพริบตา
“เฮ้อ…” แต่หงุดหงิดไปก็เท่านั้น เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเธอแล้วล่ะ
ชายหนุ่มเดินออกจากลิฟต์ทันทีที่มันเคลื่อนตัวลงถึงชั้นหนึ่ง เขาเดินออกไปหลังจากที่กลับไปหยิบชุดกาวน์ขึ้นมาสวมทับรอยจูบนั้น และทันใดนั้น
“หือ?”
ตึก ตึก ตึก~
ทันทีที่เขาเดินออกมาถึงหน้าโรงพยาบาล ชายหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนที่เขาเพิ่งเรียกว่ายัยบ้านั่งอยู่ที่ป้ายรอรถ เขาจะไม่รีบสาวเท้าเข้าไปหาเลยถ้าไม่เห็นว่าเธอนั่งอุ้มเด็กทารกอยู่
ชายหนุ่มกำลังรู้สึกว่าตัวเองถูกปั่นหัวเล่น ทั้งรอยบนเสื้อเขา และคำพูดที่บอกว่าจะจีบเขา และทันทีที่เขาเดินไปถึงตัวเธอ
“มีลูกแล้ว แต่บอกว่าจะจีบผมเนี่ยนะ!!”