เสียงประตูถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่ถือจานข้าวเข้ามาให้เขา น้ำเหนือจึงรีบเก็บสมุดการบ้านไว้ที่เดิมแล้วทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่ค่ะ ผัดผัก หนูผัดไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วล่ะค่ะ กว่าจะก่อไฟให้ติดหนูคิดว่าพี่คงหิวแย่ เลยตักมาให้พี่กินก่อน”
“ปกติเธออยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” เด็กหนุ่มรับข้าวมาถือไว้เผลอตักมันเข้าปากไปด้วยความหิว
“เมื่อก่อนก็อยู่กับพ่อปกตินั่นแหละค่ะ พอมีเรื่องพ่อก็ต้องออกไปอยู่เวร ตรวจดูความเรียบร้อยบ่อย ๆ ส่วนมากก็ฝากหนูไว้กับน้าหลัน แต่น้าแกก็ไม่ได้มาดูหนูเสียเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“อืม” น้ำเหนือหลบสายตาที่สงสารนั้นด้วยการตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แสงแรกของเช้าวันใหม่มันสาดส่องเข้ามาผ่านช่องไม้เก่า ๆ จนต้องตื่นขึ้นมาเพราะอากาศที่เริ่มจะร้อนจนนอนไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก
ดวงตาคู่งามสีอำพันมองสำรวจไปรอบกายก่อนจะพบว่าตัวเองถูกมัดมือและเท้าไว้ ริมฝีปากรูปกระจับถูกพันธนาการด้วยผ้าสีขาวขุ่น ต่อให้พยายามเปล่งเสียงออกมาแค่ไหนก็ดูเหมือนจะไร้ผล สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือค่อย ๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลเท่านั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่ภายในใจเมื่อพบว่าเบื้องหน้าคือกลุ่มชาวบ้านหลายสิบคนกำลังยืนจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาเดินตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในบ้าน เธอเอาข้าวให้เขากินแล้วหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงมาอยู่ในกระท่อมเก่า ๆ นี่ได้
“ทำดีมากลูกพ่อ” ผู้ใหญ่เดชาหันไปลูบศีรษะเล็กของเด็กน้อนที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ จ้องมองไปที่น้ำเหนือด้วยสายตาว่างเปล่า
ที่แท้เธอก็เป็นลูกสาวของเดชา และที่สำคัญเธอเป็นคนหลอกล่อเขามาให้พ่อของตัวเองเพื่อต้องการบีบบังคับให้ปราวัฒน์กรุ๊ปยอมคืนที่ดินให้อย่างนั้นหรือ
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าปราวัฒน์กรุ๊ปจะจนปัญญาถึงขนาดว่าส่งเด็กมาคนเดียวแบบนี้” ผู้นำหมู่บ้านกล่าว เขาเข้ามาหยุดนั่งลงบนพื้นไม้ผุ ๆ เคียงข้างกับน้ำเหนือ สายตาที่จ้องมองมามันทำให้เด็กหนุ่มถึงกับรีบถอยหนี “กล้ามากเลยนะ ที่บุกมาคนเดียวแบบนี้ได้”
“แล้วแบบนี้พวกเราจะเอายังไงต่อดีครับ” ชาวบ้านหนึ่งคนเอ่ยถามทำให้เดชาต้องเอื้อมมือไปกระชากผ้าที่ใช้ปิดปากของน้ำเหนือออก
“บอกฉันมาเถอะว่าพวกคุณมีแผนอะไรกันแน่ พูดตามตรง ฉันเองก็ไม่อยากทำร้ายลูกชายของคุณปราวัฒน์เท่าไหร่หรอกนะ”
“ผมไม่รู้...” น้ำเหนือก้มหน้าตอบกลับไปแต่เพียงเท่านั้น ตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวเสียจนไม่อยากมองหน้าใครด้วยซ้ำ
“ไม่รู้ได้ยังไง ผมว่าพวกมันต้องส่งเด็กนี่มาสืบเรื่องของเราแน่ ๆ ครับผู้ใหญ่”
“ไม่มีใครส่งผมมาทั้งนั้นแหละ” เด็กหนุ่มเผลอตะคอกเสียงดังเมื่อหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านยังไม่ยอมรับฟังความจริงที่เขากำลังจะบอก “ผมแค่จะมาดูให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่ผมได้ยินมันคือเรื่องจริง”
“แล้วทีนี้เห็นหรือยังล่ะ ว่าพวกคุณมันใจร้ายแค่ไหน ถึงขั้นตัดน้ำตัดไฟกันแบบนี้ คิดบ้างหรือเปล่าว่าพวกเราจะอยู่กันยังไง”
“ใช่ ๆ คิดว่ารวยแล้วจะกดขี่กันง่าย ๆ แบบนี้ พวกเราไม่ยอมหรอก”
“ในเมื่อมันไม่ยอมบอก ผมว่าเรารีบส่งสัญญาไปให้คุณปราวัฒน์เซ็นเถอะครับ ทุกอย่างมันจะได้จบสักที”
กลุ่มชาวบ้านเริ่มลุกฮือไม่พอใจอีกครั้ง ทำให้เดชารีบยกมือห้ามให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
“เอาเถอะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะส่งสัญญานี่ไปให้คุณปราวัฒน์เขาดูก่อนละกัน”
“สัญญา...สัญญาอะไร” น้ำเหนือเงยหน้าถามเดชา คนสูงวัยกว่าจึงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาให้เขาดู
“สัญญาแลกที่กับตัวประกันไง ฉันจะให้คนนำสัญญานี่ไปให้คุณปราวัฒน์เซ็นยินยอมว่าจะไม่มารุกรานพวกเราอีก แต่ถ้าเขาไม่ยอมเซ็นฉันกับพวกชาวบ้านก็จะไม่รับรองความปลอดภัยของคุณเหมือนกัน”
“พ่อผมจะมาเซ็นได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้พ่อผมยังไม่ได้สติด้วยซ้ำ”
“หมายความว่าไง” คำตอบของน้ำเหนือทำให้ชาวบ้านทุกคนต่างพากันสงสัย ไม่เว้นแม้แต่มุกดาที่แอบฟังอยู่ใกล้ ๆ
“พ่อกับแม่ผมประสบอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน แม่ผมเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนพ่อเป็นเจ้าชายนิทรายังไม่ฟื้นด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้พวกคุณจะให้พ่อผมมาเซ็นสัญญานี่ได้ไง”
“ก็คุณประณัยไง เขามีศักดิ์เป็นอาไม่ใช่เหรอ เขาคงไม่ปล่อยให้หลานชายที่เป็นทายาทคนเดียวของปราวัฒน์กรุ๊ปเป็นอะไรไปแน่ ๆ ” มาโนช คนสนิทของเดชาเอ่ยขึ้น
“อาประณัยเขาไม่เคยเห็นผมเป็นหลานหรอกนะ แล้วแผนการยึดที่อะไรทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะเขานั่นแหละ ถ้าผมตายเขาก็คงจะดีใจเสียด้วยซ้ำ” น้ำเหนือตัดพ้อ จริงอย่างที่เขาคิดประณัยไม่เคยเห็นเขาเป็นหลานในไส้เลยสักนิด เพราะเขาไม่อยากธุรกิจพันล้านที่สืบทอดกันมายาวนานต้องตกอยู่ในมือน้ำเหนือ เขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อจะกลายมาเป็นผู้ดูแลปราวัฒน์กรุ๊ปต่อจากพี่ชายให้ได้
“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็เตรียมใจเอาไว้ละกันเพราะถึงยังไงผมก็ไม่ยอมเสียบ้านไปแน่ ๆ ”
เดชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาหันไปคว้าผ้าผืนเก่ามาปิดปากเด็กหนุ่มไว้ตามเดิมก่อนจะหันไปจูงมือมินรดาเดินหายออกไปจากกระท่อมโดยที่ไม่ลืมสั่งคนให้เฝ้ากระท่อมเอาไว้เผื่อน้ำเหนือคิดตุกติกหรือมีใครมาช่วยเสียก่อน
“ช่วยจัดการให้หน่อยนะ แล้วอย่าลืมเอารูปไปให้ดูด้วย เขาจะได้เชื่อว่าเราจับลูกชายเขามาจริง ๆ ”
เดชาหันไปสั่งมาโนชพร้อมกับส่งเอกสารในมือเพื่อที่จะได้นำมันไปเจรจากับประณัย ซึ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่น้ำเหนือคิดไว้ไม่มีผิดเมื่อประณัยอ่านสัญญาและข้อตกลงที่พีระอาสานำมาให้จนจบกลับหัวเราะร่าออกมาเสียจนดังลั่น
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ฮ่า ๆ ๆ ”
“พวกเขาจับตัวคุณน้ำเหนือไปจริง ๆ ด้วยครับ” ผู้จัดการหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด เป็นที่รู้กันดีว่าน้ำเหนือนั้นคือทายาทคนเดียวที่ปราวัฒน์วางแผนไว้ให้เขาเข้ามาดูแลธุรกิจต่อ หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแบบนี้ทุกอย่างที่วางไว้ต้องพังลงไปด้วยเช่นกัน
“พวกมันไม่ได้จับตัวตาเหนือไปหรอก ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเจ็ทสกีของรีสอร์ทหายไปหนึ่งลำตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าหลานฉันมันรนหาที่เองต่างหาก”
“แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ” กันจิราทรุดกายนั่งลงบนตักชายหนุ่มต่อหน้าของพีระอย่างไม่นึกอาย
“ก็ไม่เห็นต้องทำยังไงนี่” เขาตอบอย่างใจเย็นพลางฉีกเอกสารในมือออกเป็นสองแผ่นก่อนจะขยำมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี
“แต่คุณน้ำเหนือ กำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับ” พีระสวนขึ้น เขารู้ดีว่าประณัยต้องการอะไรแต่ก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เสียเท่าไหร่
“แล้วไง ใครใช้ให้มันแส่หาเรื่องเองล่ะ ในเมื่อมันอยากไปหาที่ตาย เราก็แค่ปิดตาปิดปากปิดหู ปล่อยให้มันตายสมใจก็สิ้นเรื่อง”
“แต่ถ้าคุณปราวัฒน์ทราบ...”
“พี่ผมจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ถึงตอนนี้คุณเองก็น่าจะรู้ดีนะคุณพีระ ว่าสมควรทำงานให้ใครมากกว่ากัน” ประณัยยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะเพื่อมาตบไหล่กว้างของพีระเบา ๆ แล้วกระซิบบอกบางอย่างทำเอาเจ้าตัวถึงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “โอกาศมันมาถึงโดยที่เราไม่ต้องลงมือเองให้เหนื่อย น้ำขึ้นแบบนี้เห็นทีผมว่าเราควรจะรีบตักนะครับ”
“แต่ว่าผม...ผมเป็นห่วงคุณน้ำเหนือครับ”
“ก็ได้ ๆ ” ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปหยุดนิ่งที่กระจกห้องทำงาน จ้องมองเกาะมัจฉาที่เขาอยากได้มันมาครองจากที่ไกล ๆ “เห็นแก่ที่คุณทำงานกับเรามานาน ผมจะช่วยตาเหนือก็ได้ แต่ต้องรอให้ครบกำหนดที่เราตกลงกับชาวบ้านก่อนละกัน...ถึงตอนนั้นถ้าพวกมันยังไม่ยอมปล่อยตัวตาเหนือ...ไว้ผมจะจัดการเอง”
“เอ่อ...” พีระมีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อยเพราะเขาทำงานกับ ปราวัฒน์กรุ๊ปมานาน เห็นน้ำเหนือมาตั้งแต่เด็กกระทั่งที่เขาเริ่มเติบโตเป็นเด็กหนุ่มแล้วยังต้องทิ้งชีวิตวัยรุ่นเข้ามาเรียนรู้งานของรีสอร์ทตั้งแต่ยังเด็ก
“ตอนนี้คุณช่วยปิดปากให้สนิทก็แล้วกัน บอกพนักงานไปว่าตาเหนือกลับไปเรียนแล้ว แล้วถ้าคนที่กรุงเทพ ฯ ถามมาก็บอกว่าตาเหนือยังอยู่ที่นี่”
“คุณนี่ฉลาดที่สุดเลยค่ะ” กันจิรายิ้มกว้างปรบมือให้กับความคิดของประณัยด้วยความชื่นชม ทำให้คนที่อยู่ใต้คำสั่งอย่างพีระต้องยอมทำตามคำสั่งโดยไม่สามารถรับรู้ชะตากรรมของน้ำเหนือได้เลย