04

2167 Words
“ป้าเหมยเจ้าคะ หากข้าอยากทำโต๊ะเก้าอี้ หรือสร้างเรือนเพิ่ม เราจะต้องไปหาช่างที่ไหนกันหรือเจ้าคะ” “ก็ต้องไปร้านช่างไม้ ช่างก่อสร้าง เจ้าจะติดต่อช่างเลยเหรอ" ป้าเหมยถาม โม่เหลียนฮวาพยักหน้า ความจริงแล้วนางเพียงแค่อยากรู้ว่าราคาแต่ละอย่างเท่าไหร่ โม่เหลียนฮวาเองก็มีแบบที่คำนวณในใจไว้แล้ว “ใช่เจ้าค่ะ แต่แค่อยากไปดูราคามากกว่า" “งั้นเดี๋ยวป้าไปด้วย เดี๋ยวเถ้าแก่เจ้าของร้านมันเห็นเจ้าเป็นคนแปลกหน้ามันจะหลอกคิดราคาแพง” “เจ้าค่ะ” โม่เหลียนฮวากล่าวตอบ เพราะที่ป้าเหมยมาด้วยคราวนี้ โม่เหลียนฮวาก็ต้องการให้ป้าเหมยนำทางไปที่ร้าน ภายในร้านขายไม้ตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบยุคสมัยโบราณ โม่เหลียนฮวาเห็นสายตาเถ้าแก่ที่มองมาทางป้าเหมยท่าทางเหยียดหยามก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย “ป้าเหมยเจ้าคะ หากเขาไม่ต้องการทำให้เราก็กลับเถอะ” โม่เหลียนฮวากล่าวก่อนจะเข้ามาดึงป้าเหมยออกมา คนเช่นนี้จะต้องไปจ้างงานให้เงินเพื่อสิ่งใด ทั้งสายตาที่เมื่อหันมองโม่เหลียนฮวาก็เปลี่ยนสายตาเป็นอีกแบบ เป็นสายตาที่น่ารังเกียจ “แม่นาง แม่นาง หากเจ้าต้องการโต๊ะไม้กี่ตัว เจ้าบอกข้าได้ ข้ายินดีทำให้” เถ้าแก่ร่างอ้วนกล่าว มันคิดจะเข้ามาแตะตัวของโม่เหลียนฮวา แต่ไห่หลินเข้ามาขวางก่อนที่ป้าเหมยจะเข้ามาขวางอีกคน “อย่ามายุ่งกับหลานข้า" “หากข้ารู้ว่าเจ้ามีหลานที่งดงามเช่นนี้ ข้าทำโต๊ะให้เจ้าแบบไม่คิดเงินได้เลยนะ” เถ้าแก่ร่างอ้วนกล่าวก่อนจะยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย โม่เหลียนฮวาไม่นึกอยากโต้เถียง นางดึงแขนป้าเหมยก่อนจะกลับบ้านของตนเอง “เจ้าจะหนีมันมาทำไมหื้ม ป้าจะด่าให้เสียสักฉาด” “ป้าเหมย เรือนเรามีสตรีแค่สามคน ท่านจะให้ข้าไปมีเรื่องกับผู้อื่นทำไมกัน” โม่เหลียนฮวากล่าวในขณะที่กลับมาบุตรชายก็ตื่นระหว่างทางมากินนมพอดี ป้าเหมยเมื่อคิดได้ก็พยักหน้ารับ “เห้อ… นั่นน่ะสินะ ถ้าลูกป้ากลับมา พวกเราก็คงมีที่พึ่งพิง” “ป้าเหมยท่านพอจะรู้บ้างหรือไม่ว่าชาวบ้านแถวนี้ ใครพอจะมีความสามารถทำโต๊ะได้บ้าง” โม่เหลียนฮวากล่าว ในเมื่อร้านค้าพวกนั้นอาจจะมีราคาสูงยุ่งยาก ก็ให้ชาวบ้านแถวนี้ทำให้ ค่าจ้างก็น่าจะถูก และก็เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย “มีสิ ส่วนใหญ่ก็ทำเก้าอี้ ทำโต๊ะใช้กันเองทั้งนั้นแหละ ไม่มีหรอกที่จะไปซื้อที่ร้าน” ป้าเหมยกล่าว “เช่นนั้นเดี๋ยวข้าให้นมบุตรเสร็จท่านพาข้าไปหาคนที่สามารถทำโต๊ะได้ไหมเจ้าคะ” “ได้สิ” ป้าเหมยเอ่ยอย่างใจดี คนแก่อยู่บ้านหากินกับผัก กับปลา ชีวิตแต่ละวันก็นับว่าน่าเบื่อไม่น้อย นังหนูโม่เหลียนฮวาอยากจะขายอาหารก็น่าสนุกอยู่ไม่น้อย อาจจะใช้ทุนอยู่หลายนัก แต่ดูท่าแล้วพวกนางก็คงจะพอมีเงินติดกันมาไม่น้อย โม่เหลียนฮวาให้นมบุตรชายเสร็จก็ฝากฝังงานให้กับไห่หลิน แต่งานก็หนักไม่น้อยจนอดสงสารไม่ได้ งานตักน้ำ เข็นน้ำมาใช้ ไห่หลินไม่ควรต้องทำเลย ดูท่าจะต้องหาแรงงานชายสักคนมาทำตรงนี้แทน แต่ก็ต้องวางแผนอยู่หลายอย่าง เมื่อป้าเหมยมาบ้านผู้อื่นก็เข้าไปตกลงกันคุยเรื่องทำโต๊ะเก้าอี้ โม่เหลียนฮวาทำโต๊ะแบบชาวบ้าน สั่งทำไว้สามชุด ก่อนจะสั่งทำรั้วระแนงไม้ไผ่ โม่เหลียนฮวาตั้งใจจะทำซุ้มไว้ตกแต่งพื้นที่ในสวน เป็นซุ้มระแนงที่มีผักเถาวัลย์ไว้บังแดดบังลม ทั้งยังหาซื้อต้นไผ่หลายต้นเพื่อมาทำกำแพงให้ลมรื่น กลิ่นไผ่นั้นค่อนข้างเฉพาะตัว ให้ความสดชื่น ลมเย็นเอื่อย แต่คิดไปมาแล้ว ใช้พื้นที่ของป้าเหมยทำมาหากินน่าจะไม่เหมาะสมนัก เพราะอย่างไรต่อไปบุตรชายป้าเหมยก็ต้องกลับมา พร้อมลูกสะใภ้ นางเป็นแค่คนนอกจะไปทำมาหากินบนที่ทางคนอื่นก็ไม่เหมาะสมนัก โม่เหลียนฮวากับป้าเหมยหาคนทำโต๊ะ ทำระแนง ซื้อต้นไผ่ กว่าจะกลับถึงเรือนก็ย่ำค่ำแล้ว เจ้าตัวน้อยก็ร้องหาแม่โยเยไม่ยอมหลับยอมนอน โม่เหลียนฮวาก็ทำหน้าที่ให้นมบุตรตามประสาคนเป็นแม่ ไห่หลินทำอาหารไว้หลายอย่างเป็นข้าวต้มง่ายๆกับปลาทอด “ฮูหยินท่านแน่ใจจริงๆหรือเจ้าคะ” ไห่หลินยังคงถามก่อนที่จะนอน โม่เหลียนฮวายิ้มก็วันนี้นางจ่ายออกไปเสียหลายก้วนแล้ว นับเป็นการเสียเงินที่ไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ “แน่ใจสิ แต่ข้าอยากให้เรามีที่ทางทำมาหากินที่ไม่ใช่ที่นี่” “ท่านหมายถึงเราจะไม่ใช่ที่ของป้าเหมยใช่ไหมเจ้าคะ” ไห่หลินถาม เพราะเดิมทีนางก็คิดเช่นนั้น แต่ฮูหยินไม่เอ่ยปาก นางก็ไม่กล้าสอดปากมากนัก เพราะตอนนี้ที่เป็นอยู่นางก็แทบจะตีตนเสมอนายไปหมดแล้ว โม่เหลียนฮวาพยักหน้า “ใช่แล้ว เจ้าว่าพวกเราเอาที่ทางไหนดี” “ถ้าที่ใกล้กับบ้านป้าเหมยก็จะเป็นที่ดินด้านหลังยาวไปเลยเจ้าค่ะ ติดลำธาร" ไห่หลินกล่าว ความจริงที่ตรงนี้เป็นที่ดินที่ดี แต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนสนใจเท่าไหร่ เพราะไม่มีทางเดินเข้าออก ต้องผ่านบ้านป้าเหมย และหากจะต้องอ้อมจะใช้ระยะทางมากนัก โม่เหลียนฮวาพอจะเข้าใจ ที่ดินป้าเหมยเป็นที่ดินหน้ากว้าง แต่ไม่ลึก หากใครจะซื้อที่ดินด้านหลังแล้วได้ประโยชน์จริงควรจะเป็นป้าเหมย แต่อนิจจา… รายได้ทหารใช่ว่าจะเยอะมากนัก ปีนึงที่นางพอจะทราบมาก็ได้เพียงสิบตำลึงทอง เทียบกับชนชั้นขุนนางแล้ว นี่มันเล็กน้อยมากเสียด้วยซ้ำ “เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าไปที่กรมเมือง ซื้อที่ดินตรงนี้มา หาช่างมาสร้างเรือนใหม่ด้วย” “แต่เราจะใช้เงินเยอะเกินไปหรือเปล่าเจ้าคะ” “เจ้านำปิ่นหยกไปขายสักอันเสียสิ” โม่เหลียนฮวากล่าว ไห่หลินถอนหายใจ นี่เป็นหยกเนื้อดี แม้จะไม่ใช่ของล้ำค่าหายาก แต่ก็เป็นของที่ได้รับพระราชทานจากไทเฮามา ก็เสียดายไม่น้อย แต่เมื่อมองเจ้านายของตนที่กำลังอุ้มเด็กทารก หมดภาพเค้าเดิมก็รู้สึกปลดปลง ของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ อย่างไรคนที่นางควรรักมากที่สุดก็คือเจ้านายของตน โม่เหลียนฮวาหรือสุ่ยเหอจวิ้นจู่ไม่ใช่เพียงเป็นเจ้านายน้อย แต่สกุลโม่มีบุญคุณกับครอบครัวนาง ทั้งนางยังเติบโตกับโม่เหลียนฮวามาตั้งแต่วัยเยาว์ แม้สุ่ยเหอจวิ้นจู่จะมีนิสัยร้ายกาจเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่เคยเลวร้ายหรือทำร้ายไห่หลินเลยแม้สักครั้งเดียว ก่อนที่จะถูกเนรเทศ สุ่ยเหอจวิ้นจู่ยังเอ่ยด้วยซ้ำว่าหากนางต้องการแต่งงาน สุ่ยเหอจวิ้นจู่จะทูลขอให้ฮ่องเต้รับรองไห่หลินแต่งเข้าบ้านขุนนางน้ำดีสักคน แต่เพราะความรัก ความซื่อสัตย์ภักดี ทำให้ไห่หลินเลือกที่จะติดตาม สูงก็สูงขึ้นไปด้วยกัน ต่ำก็ต่ำลงไปด้วยกัน “เจ้าค่ะ” “ข้ารู้ว่าข้าทำให้เจ้าลำบากใจนะไห่หลิน แต่ข้าจะตั้งใจทำมาหากินให้ดี” โม่เหลียนฮวากล่าวออกมา แม้จะไม่ค่อยรู้การตลาดยุคโบราณ แต่ด้วยความที่นี่เป็นเมืองท่า มีพ่อค้ามากมายไปมาที่เมืองนี้ การค้าก็รื่นเริงไม่น้อย หากว่ามีกิจการแปลกใหม่รสชาติอร่อย ก็อาจจะทำให้กลายเป็นจุดเด่นได้ โม่เหลียนฮวายังจำได้ว่าในยุคที่นางจากมา ร้านอาหารบางร้านรสชาติธรรมดามาก แต่กลับขายดีเพราะบริการ และบรรยากาศของร้าน ซึ่งถ้าโม่เหลียนฮวาตั้งใจทำก็อาจจะทำให้กลายเป็นจุดเด่น แม้จะไม่ได้มีความรู้มากนัก แต่ความรู้จากโลกอีกใบก็น่าจะทำให้โม่เหลียนฮวาไม่ล้มเหลวเป็นแน่ “เจ้าค่ะ ฮูหยินทำอะไร บ่าวจะช่วยเหลือฮูหยินทุกอย่างเองเจ้าค่ะ" ไห่หลินกล่าว ก่อนทั้งสามจะพากันนอน ช่วงเวลาที่ยุงและแมลงเยอะจะเป็นช่วงเวลาหัวค่ำ แต่เมื่อปลูกต้นตะไคร้รอบบ้านตามที่โม่เหลียนฮวาบอกกลางคืนก็จะส่งกลิ่นหอมสดชื่นอ่อน แมลงก็น้อยลงจนสามารถนั่งทำอะไรได้โดยไม่ต้องใช้กำยานไล่ ในวันถัดมาไห่หลินเข้าไปในเมืองแต่เช้าเพื่อทำการขอซื้อที่ดินผืนว่างเปล่านั่น ก่อนจะไปหาช่างมาสร้างบ้าน ส่วนโม่เหลียนฮวาก็เลี้ยงเจ้าตัวน้อยอยู่ที่เรือน การเลี้ยงเด็กทารกไม่ง่ายดายเลย นอนแทบจะไม่หลับ ไห่หลินกับโม่เหลียนฮวาต้องคอยสลับมาดูเขายามที่ตื่นในตอนกลางคืน “ป้าเหมยเจ้าคะ” โม่เหลียนฮวาเรียกป้าเหมยที่กำลังมาช่วยดูแลเจ้าตัวน้อย “มีอะไรหรือ” “ข้าซื้อที่ดินด้านหลังเรือนของท่านแล้ว ต่อไปจะให้ช่างมาสร้างเรือน ข้าจะต้องผ่านทางเรือนท่าน ข้าจะขอซื้อทางเดินได้หรือไม่” “เจ้าซื้อที่ดินข้างหลังแล้วหรือ แหม… น่าเสียดายนัก ข้าว่าจะรอเงินจากลูกชายมาซื้อเสียหน่อย” ป้าเหมยเอ่ยอย่างเสียดาย โม่เหลียนฮวายิ้มออกมาคล้ายรู้สึกผิด “ที่ข้าซื้อที่ดินด้านหลังก็เพราะห่วงเรื่องของลูกชายป้าเหมยนั่นแหละเจ้าค่ะ หากว่ากลับมามีครอบครัว จะให้ข้าอยู่ที่นี่ก็คงไม่เหมาะ แต่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะก็มีกันแค่นี้เลยให้ไห่หลินไปซื้อที่ดินด้านหลัง แล้วตั้งใจจะขอซื้อทางเดินเจ้าค่ะ” โม่เหลียนฮวากล่าวออกมาจากความรู้สึก ป้าเหมยก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะคราวก่อนบุตรชายก็ได้เปรยไว้บ้างว่ากลับบ้านครั้งนี้จะหอบหิ้วภรรยามาด้วย “เออ… เจ้าก็คิดรอบคอบดีจังเลย แต่อย่าได้สร้างเรือนห่างไกลมากนะ ป้าคิดถึงเจ้าตััวน้อย” ป้าเหมยเอ่ยออกมา ความจริงก็มองหญิงทั้งสองเหมือนลูกหลาน คนแก่อยู่บ้านคนเดียวก็เหงา ไม่มีลูกหลาน สามีก็ตายไปนาน มีที่พึ่งพากันแบบนี้ก็ดี อีกอย่างป้าเหมยก็อยากจะมีหลานตัวน้อยแบบนี้มาก แต่ก็ยังไม่มีบุญวาสนาเลยสักนิด “ใจเย็นเถอะท่านป้า ชายชาติทหารใช้ชีวิตอยู่ในค่าย จะเอาเวลาที่ไหนไปหาสะใภ้มาให้ท่านกันได้เล่า” โม่เหลียนฮวาเอ่ยปากบอก ปกติแล้วการหาสะใภ้ควรจะเป็นหน้าที่ของท่านป้าเหมย แต่เมื่อได้คุยกับป้าเหมยก็รู้ว่าป้าเหมยนั้นไม่ชอบบังคับขืนใจบุตรชาย และต้องการให้บุตรชายได้เจอคนรักด้วยตัวเอง “ข้ากลัวว่าบุตรชายจะไม่มีเมียน่ะสิ” ป้าเหมยบอก แต่สายตาก็แอบมองโม่เหลียนฮวา นางไม่ได้รังเกียจสตรีหม้าย แต่พอดูแล้วสตรีตรงหน้าทั้งงดงามสะสวยจนเรียกว่าโดดเด่นเป็นโฉมงาม แม้จะอยากได้เป็นสะใภ้ แต่ก็เกรงว่าความงามจะเป็นภัย ทุกวันนี้อยู่มาได้หลายเดือนเพราะโม่เหลียนฮวาไม่ได้ออกไปไหน ทั้งเสื้อผ้าชาวบ้านก็ลดทอนความงามไปได้หลายส่วน แต่หากมองดูอย่างพินิจพิจารณาก็จะพบว่านี่คือโฉมงามโดยแท้ “ป้าเหมยอย่าห่วงเลย” “นั่นสินะ อีกไม่นานเขาก็จะกลับมาแล้ว” “เจ้าค่ะ ดีไม่ดีอาจจะมาสะใภ้ของท่านมาพร้อมหลานตัวอวบอ้วนก็เป็นได้” โม่เหลียนฮวาเอ่ย ป้าเหมยเลยนึกอารมณ์ดีเมื่อจินตนาการถึงเด็กทารกอวบอ้วนตัวขาว แก้มแดง แสนน่ารักน่าชัง หากว่าเติบโตมาพร้อมซือจิ้นเด็กน้อยก็คงจะมีแต่เสียงเด็กร้องวิ่งเล่นในบ้าน น่าจะเป็นเสียงที่ดี “เอาเถอะ หากใครถามเจ้าก็บอกว่าเป็นหลานสาวข้า ผู้อื่นจะได้ไม่เข้าใจผิด” ป้าเหมยเอ่ย ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่กลัวว่าผู้อื่นจะเข้าใจผิดว่าบุตรชายของเขามีเมีย มีลูกแล้ว “เจ้าค่ะป้าเหมย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD