มีนักบวชยืนรอรับทันทีที่รถม้าจอดเทียบ
“เลดี้เลลีอา ฟีเจอร์ แอนด์ เดอสัน ท่านโปปรอเลดี้อยู่ที่เรือนกระจกด้านซ้ายครับ ผมจะพาไป”
นักบวชอีกคนตรงไปหาเกลแล้วขนเสื้อผ้ากับของใช้ไปอีกทาง
“เอ่อ….คนรับใช้ของ..”
“สาวใช้จะไปรอเลดี้อยู่ที่ห้องครับ ตามผมทางด้านนี้เลยครับ”
ฉันมองเกลที่ยังงงๆ กับการถูกจูงไปอีกทางแล้วก็อดห่วงไม่ได้ ภายในโบสถ์ยังคงเหมือนเดิม งดงาม สบายตา ฉันหยุดยืนมองต้นโอ๊คที่บัดนี้ต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา พร้อมให้ร่มเงา
ต้นโอ๊คต้นนี้ท่านตาเป็นคนปลูก…ฉันนังจำรอยยิ้มแสนใจดีของท่านตาได้ดี
“พลัก!!!!”
“อ๊ะ!!!”
มีคนวิ่งมาชนฉันเต็มแรงจนเราทั้งคู่ล้มไปด้วยกัน
“จะ…เจ็บชะมัด!!…นี่เธอยืนไม่ดู…”
บุรุษหน้าตาหล่อเหลาชะงักทันทีที่เห็นหน้าฉัน เขากลืนคำพูดทั้งหมดลงคอแล้วเอื้อมมือมาปัดเศษดินที่เลอะหน้าฉัน
“ข้าไม่เคยเห็นหน้าเลดี้มาก่อน…เลดี้พึ่งเคยมาโบสถ์หรือ???”
“ขออภัยท่านด้วยค่ะ..ข้าพึ่งมาเป็นครั้งแรก”
แสงแดดส่องกระทบลงมาที่ใบหน้าเขา ผมสีบรอนซ์ทองนั้นสว่างเจิดจ้าทำเอาฉันแสบตา ดวงตาที่ดูดื้อรั้นเอาแต่ใจนั้นมองมาทางฉัน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากกระจับสีชมพู องค์ประกอบบนใบหน้าเขานี้รวมๆ เป็นหนุ่มเหลาเหลาคนนึงเลย แต่ทว่าริมฝีปากนั้นยกยิ้มเอาแต่ใจนั้นทำเอาฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด
“เอ่อ…ข้าขอตัวก่อน..”
เขายืนมือมาจับข้อมือฉันอย่างเสียมารยาท
“เลดี้จะไปทางไหนหรือ…ข้าจะไปส่งเอง”
ฉันยกยิ้มน้อยๆ พอเป็นมารยาทก่อนจะพยายามแกะมือเขาออกจากแขน
“ข้ากับท่านพึ่งเคยพบหน้ากัน…ชายหญิงมิควรใกล้ชิด”
“ข้าหาใส่ใจไม่….ข้าถูกใจเลดี้ยิ่งนัก”
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกเราแทบชนกัน พร้อมมากระซิบข้างหู
“ข้าเพียงอยากทำความรู้จักเท่านั้น..โอ้ย!!!!!”
เสียงไม้ฟาดลงที่กลางหลังเขา ทำเอาเขาตกใจแล้วรีบปล่อยมือฉันออกไปลูบหลังที่โดนตีเมื่อกี้
“ขออภัยเลดี้ฟีเจอร์ด้วยครับ ลูกศิษย์กระหม่อมทำเสียมารยาทแล้ว”
ปรากฏร่างชายวัยกลางคนสวมชุดนักบวชสีขาว
“….ฮาลัว”
เขาเงยหน้ามองฉันอีกครั้งแล้วยิ้ม
“ยินดีที่ได้เจอ….อีกครั้งเลดี้ฟีเจอร์”
ฉันยิ้มให้เขารู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ขอบตา
อีลอน ฮาลัว เพื่อนสมัยเด็กของฉัน เขาเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาข้างสลัมอย่างยากลำบาก วันนั้นในฤดูหนาวหิมะตกอย่างหนักฉันและท่านแม่กำลังเดินทางกลับจากงานเลี้ยงในวัง เขาวิ่งมาขวางรถม้าเพียงเพื่อขอขนมปังซักก้อน
ฉันมองเห็นแววตาที่แสนเศร้าสร้อยได้แต่ขอท่านแม่ให้พาเขากลับมาที่คฤหาสน์ แต่ทว่าคนงานที่คฤหาสน์นั้นเต็มทุกตำแหน่งท่านแม่จึงพาเขามาฝากไว้ที่โบสถ์ ในเวลาไม่นานพบว่าเขามีความสามารถปราสาทพรได้ จึงได้เลื่อนขั้นเป็นนักบุญและเป็นอาจารย์ขององค์ชายสี่
เดี๋ยวนะองค์ชายสี่? อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่คือองค์ชายสี่
“เลดี้พอจะมีเวลาคุยกับกระหม่อมซักครู่ไหมครับ”
ฉันยิ้มและพยักหน้า ฮาลัวพาฉันเดินไปที่ห้องรับรองท่ามกลางเสียงบ่นของลูกศิษย์ตัวแสบ
“อาจารย์ข้าเจอนางก่อนนะ…ทำไมท่านจะตัดหน้าข้า..โอ้ย!!!!”
เขาโดนไม้ฟาดอีกครั้งก่อนจะหันมาทำหน้าไม่พอใจ ฮาลัวง้างมือทำท่าจะตีอีกครั้งเขารีบกระโดดวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ชาร้อนถูกยกมาเสริฟ์ตรงหน้าฉัน
“ข้า…ยังไม่เคยดื่มชาที่ฮาลังชงเลย” ฉันยิ้มก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม
“กระหม่อมก็ไม่เคยชงชาให้ใครดื่มเช่นกัน”
“ท่านรู้ว่า….”
“กระหม่อมมิได้มองเห็นเพียงด้านนอก…กระหม่อมมองเห็นถึงจิตวิญญาณของท่านหญิง”
“ฮาลัวนี่มันเรื่องเหลือจะเชื่อ”
เขายิ้มให้ฉัน “ขอให้ต่อจากนี้ท่านหญิงพบเจอแต่ความสุข…..”
เขาทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่ก็เงียบไป
“การพบเจอท่านหญิงอีกครั้ง ราวกับของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า”
ฉันมองใบหน้าที่เศร้าสร้อยของเขา
“กระหม่อมเดินทางไปยังเดอนีเซียที่นั่นราวกับไม่ใช่เมืองมนุษย์….ผู้คนที่นั่นอยู่อย่างลำบาก จะหนีออกมาก็ไม่ได้ทุกคนถูกประทับตรามาร”
ฉันยกมือขึ้นปิดปาก ตรามารถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างรุนแรงผู้ถูกประทับตราจะต้องทำตามคำสั่งผู้ประทับตราอย่างเคร่งครัด ตรามารจะค่อยๆ กัดกินความเป็นคนเรื่อยๆ จนกลายเป็นปีศาจเต็มตัว
“ข้าพยายามตามหาร่างท่านหญิงอย่าลับๆ แต่ทว่าไม่พบ…”
“….” ฉันมองหยาดน้ำตาที่รินไหลมาจากดวงตาของฮาลัวด้วยความสะเทือนใจ
“แกรนด์ดยุคเดอนีเซียเขามันสารเลวไม่ใช่คน!!!”
ฉันยื่นมือไปจับมือของฮาลัวพร้อมส่งยิ้มให้
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นแล้วฮาลัว”
“วันที่ท่านลำบากข้ามิอาจช่วยเหลือสิ่งใดท่านได้เลย ข้าเฝ้าโทษตัวเองทุกวัน…”
“ข้าให้เลดี้ฟีเจอร์ไปหาข้าทันทีที่มาถึง ทำไมถึงมานั่งอยู่นี่ได้!!!”
ปรากฏร่างสูงยืนอยู่ด้านหน้าฉัน เรือนผมยาวสีเงินแสนสดุดตากับชุดนักบวชสีทอง ใบหน้าที่ใครเห็นเป็นต้องตกตะลึง เขาเป็นบุรุษแต่ทว่าใบหน้านั้นงดงามยิ่งกว่าสตรี
ดวงตาเหยี่ยวนั้นจับจ้องใครเป็นต้องเกรงใจเขาสามถึงสี่ส่วน ริมฝีปากกระจับสีแดงเชิดขึ้นราวกับไม่พอใจ
“ขออภัยท่านเลออน” ฮาลัวรีบลุกขึ้นทำความเคารพ ฉันลุกขึ้นตามฮาลัว กลิ่นไอน่าเกรงขามแผ่ออกมาจนฉันรู้สึกเกรง
นี่นะหรือพระสันตะปะปา มาโกร์ เดนีส เลออน บุรุษที่มีอายุกว่าสองร้อยปี!!!
ฉันเงยหน้ามองใบหน้าท่านเลออนอีกครั้ง
ใบหน้านี้มองยังไงก็อายุไม่เกินสามสิบปีแน่ๆ
“เลดี้ฟีเจอร์รบกวนตามข้ามาด้วย”
ท่านเลออนหันมามองฉันพร้อมกับเดินนำหน้าไป ฉันเหลือบมองฮาลัวเขายังคงก้มหน้าทำความเคารพนิ่งไม่ขยับ
ฉันเดินตามท่านเลออนเข้ามาในโถงด้านหลัง การตกแต่งที่หรูหราทำเอาฉันประหม่า ข้าวของเครื่องใช้ทำจากทองคำบริสุทธิ์
เราทั้งคู่เดินมาหยุดหน้าประตูบานใหญ่ ท่านเลออนยกมือวาดสัญลักษณ์ขึ้น ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก ปรากฏเป็นสระน้ำขนาดย่อม
“ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเลดี้มากมาย เลดี้ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการกระทำหน้าที่ของนักบุญหญิงทั้งหมดภายในหนึ่งสัปดาห์…เดือนหน้าเราจะเดินทางไปยังดินแดนเดอนีเซีย”
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทันทีที่ได้ยินชื่อดินเเดนเดอนีเซีย
“ข้าควรเรียกเลดี้ว่ารินา หรือ ลีอา?”
“เรียกข้าว่าลีอาเถอะค่ะ” ท่านเลออนพยักหน้า เขารวบผมไว้ด้านหลัง ถกแขนเสื้อขึ้นนิดหน่อยก่อนจะร่ายเวทมนต์ขึ้นเหนือน้ำ
“ลีอา ลงไปแช่ในน้ำได้”
ฉันพยักหน้า “ได้ค่ะ” แล้วเดินลงไปที่สระน้ำ พอถึงหน้าสระน้ำฉันเหลือบมองท่านเลออน
“ท่านเลออนไม่ออกไปหรือคะ?”
“แน่นอนว่าไม่…ข้าต้องอยู่ปรับสมดุลร่างกายในเจ้า เจ้าคงรู้แล้วว่าข้าอายุเท่าไหร่เรื่องชายหญิงนั้นข้าไม่ใส่ใจ”
ฉันมองที่ท่านเลออนอีกครั้งแบบไม่เข้าใจ ถึงยังไงมันก็ไม่เหมาะสม แต่เเล้วมีทางเลือกที่ไหนกัน ฉันได้แต่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกแล้วลงเดินลงสระน้ำ แต่ทว่าขอบสระนั้นมีตะไคร่น้ำเกาะมากเกินไปทำให้ฉันลื่นล้มตกน้ำ
“ตุ้ม!!!”
ฉันรู้สึกถึงมือแกร่งมาฉุดขึ้นจากน้ำ
“แค่ก..แค่ก”
“ข้าให้เจ้าค่อยๆ เดินลงน้ำหาใช่กระโดดลงน้ำ”
ท่านเลออนโอบหลังฉันไว้เบาๆ เขาช้อนร่างฉันมาริมขอบสระเพื่อให้ฉันพยุงตัวเองได้
“ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณก่อนจะมองไปทางท่านเลออน ผมยาวสีเงินที่เปียกน้ำสยายทั่วทั้งหลัง เขายกมือขึ้นเสยผมแบบลวกๆ แต่ทว่าท่วงท่านั้นก็งดงามจนต้องหยุดมอง
ฉันไม่รู้ต้องทำตัวยังไง หรือต้องเอาตาไปไว้ที่ไหน ฉันจึงหลับตาลง
“หลับตาทำไม??”
“เอ่อ…ข้าแสบตา…”
ยังไม่ทันจะพูดจบมือเขาก็ยื่นมาถอดเสื้อด้านในฉัน
“ดะ..เดี๋ยว..”
เขายังคงไม่ฟังและกระชากเสื้อตัวในฉันออก ฉันดิ้นและพยายามแกะมือเขาออก ดวงตาทั้งสองข้างรื้นไปด้วยน้ำตา
เสื้อฉันถูกกระชากออกพร้อมกับเนินอกที่ไร้สิ่งปิดกั้น ฉันได้และย่อตัวลงให้น้ำปิดปังส่วนที่ไม่น่าเปิดเผยออกมา ฉันกำลังจะอ้าปากด่าเขา มือของเขาก็ปล่อยพลังใส่หน้าอกด้านซ้ายของฉัน
ฉันก้มหน้าไปมองก็เห็นตรงสัญลักษณ์สีเขียวตรงตำแหน่งหัวใจ
“ถึงพิธีฟื้นคืนจะผ่านไปด้วยดีแต่ร่างกายกับวิญญาณยังไม่ประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต้องใช้เวลาประสานวิญญาณอีกพอสมควร”
ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยด่าท่านเลออนเม้มลง ฉันหน้าแดงด้านความเขินอาย
อายทุกสิ่งทุกอย่าง อายที่เปลือยอกต่อหน้าเขา อายที่คิดว่าเขาจะล่วงเกิน อายชะมัด อายไปหมด
ท่านเลออนยกยิ้มน้อยๆ แล้วดึงฉันเข้าไปตระกองกอดหลวมๆ เขาส่งพลังมาที่แผนหลังให้ความรู้สึกเย็นและเบาสบาย ท่านเลออนเอาคางมาเกยบนไหล่ฉัน
ความแนบชิดที่ดูเกินพอดีนี้ทำเอาฉันรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบอยู่เหมือนกัน
ท่านเลออนดันฉันให้หันหลังชนกับขอบสระ เขาแนบชิดขึ้นมาเรื่อยจนช่องว่างระหว่างเราแทบไม่มี เนินออกที่ไร้สิ่งปิดกั้นของฉันกำลังชนกับอกแกร่งที่เปลือยของเขา ฉันสะดุ้งและหน้าแดง
“ทะ..ท่านเลออนข้าว่า…เอ่อ…ใกล้ไปไหมคะ”
เขายิ้มทำหน้าระรื่นและยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะผละออกไป
“ขึ้นจากน้ำได้แล้ว…เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เขาเดินขึ้นจากสระน้ำพร้อมกับโยนผ้าคลุมมาให้ ฉันรับผ้าคลุมมาด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน ท่านเลออนออกไปได้ซักพัก เกลก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับเครื่องอาบน้ำและชุดใหม่
รินา วิรีออน แอนด์ เดอซีเซีย สตรีคนแรกที่ทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ การมีอายุกว่าร้อยปีทำให้เขาเจอสตรีมาไม่น้อย จุดที่เขายืนอยู่นั้นสูงเกินไปจนไม่มีสตรีใดคู่ควร
“ท่านหัวหงอกเช่นนี้ข้าควรเรียกท่านว่าท่านปู่ใช่หรือไม่”
“ลองเรียกว่าปู่สิข้าจะหักแขนเจ้าเอง” ดรุณีน้อยวัยสิบหกปีหัวเราะชอบใจไร้ซึ่งความเกรงกลัวในคำขู่ของเขา เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกทานตะวันให้เขา
“ให้ท่าน…ข้าอาจไม่ได้มาที่นี่ได้อีก”
เขารับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วมองหน้าเธอเงียบๆ
“ข้าต้องเดินทางไปดินแดนเดอนีเซีย…ไปแต่งงาน”
ใบหน้างดงามนั้นปรากฏแววเศร้าสร้อยอยู่แวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ ที่มุมปาก
“เจ้าไม่อยากแต่งงานหรือ?”
“ไม่รู้สิ ข้าไม่เคยได้เห็นหน้าว่าที่สามีด้วยซ้ำ….หากคนที่ข้าจะแต่งด้วยเป็นท่านก็คงดี”
เขาเงียบแล้วมองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาเห็นเธอตั้งแต่เป็นเด็กน้อยจนเธอเติบโตเป็นสตรีงามงด ที่ชายใดๆ ต่างก็หมายปอง ผ้าเช็ดหน้าผืนแล้วผืนเล่าที่เธอปักแล้วนำมามอบให้เขาทำให้เขาพอจะเดาใจเธอได้ว่าคงชอบพอเขาไม่มากก็น้อย
แต่ทว่าในตอนนั้นเขาไม่ได้เลือกเธอ
เขามองเธอเป็นความยุ่งยากที่จะตามมา เธออาจจะเหมาะสมกับการเป็นแกรนด์ดัชเชสมากกว่ามาใช้ชีวิตอยู่ที่โบสถ์
เขายกมือขึ้นร่ายเวทย์ คาถาต้องห้ามที่มีเพียงเขาใช้ได้แค่คนเดียวในจักรวรรดิ
เวทย์มนต์ลืมเลือน
ให้เธอลืมความรู้สึกที่มีต่อเขาไปเถิด แล้วให้เธอไปเริ่มต้นเป็นแกรนด์ดัชเชสเดอนีเซีย
ทว่าเวลาผ่านไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยบีบรัดหัวใจเขา ผ้าเช็ดหน้าที่เธอส่งให้ยังคงถูกรักษาไว้อย่างดี แต่ข่าวที่เขาไม่คาดคิดกลับถูกส่งมา
รินา ตายแล้ว…..
เธอจากไปไม่มีวันกลับด้วยสาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ไม่มีแม้กระทั่งการทำพิธีศพเธอ
แกรนด์ดยุคเดอนีเซียเขาขอสัญญากับตัวเอง ว่าเขาจะเป็นคนบั่นคอเจ้าคนสารเลวนั่นด้วยมือคู่นี้เอง
หลังจากรินาตาย เขาพึ่งรู้สึก ความรู้สึกผิดหยั่งลึกฝังรากลงมาในจิตใจของเขา
หากเขารั้งเธอไว้สักหน่อย หรือยอมเปิดใจรับความรู้สึกจากเธอสักนิด ป่านนี้เธอคงจะนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ข้างเขา หรืออาจจะปักผ้าเช็ดหน้าให้เขา
นับวันความรู้สึกในใจก่อตัวขึ้นอย่างหน้าประหลาด ราวกับพระเจ้ากำลังลงโทษเขาอยู่ ไม่ได้!!เป็นเช่นนี้ไม่ได้เขาต้องทำอะไรซักอย่าง
พลันปรากฏร่างดรุณีน้อยเปิดประตูเข้ามา
เลลีอา ฟีเจอร์
“ท่านอาจารย์คงจะถึงเวลาที่พระเจ้ากำหนดแล้ว….”
เธอส่งยิ้มอย่างดีใจให้เขา
ราวกับแสงสว่างส่องที่ปลายอุโมงค์ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเรียกรินาให้ฟื้นจากความตาย
เขาต้องส่งเลลีอาไปในอ้อมกอดพระเจ้า แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดึงรินาให้เข้ามาอยู่ในร่างเลลีอา
เขายกยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะส่งจดหมายไปที่คฤหาสน์ริเวียธาน ข้อกำหนดหลังฟื้นคืนที่เขาส่งให้แกรนด์ดัชเชสริเวียธานเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
หลังฟื้นคืนเธอต้องมาอยู่ที่โบสถ์เป็นเวลาสามปี เขามั่นใจว่าจะทำให้เธอมองเพียงเขา เธอจะมอบทั้งร่างกายและจิตใจให้เขาได้ในเวลาสามปี!!!