พอเห็นเธอไม่ยอมเดินเข้ามาแถมตั้งท่าจะเดินหนี จินตภัทรก็เป็นฝ่ายไปลากตัวเธอให้เดินตามเข้ามาในห้อง จัดการปิดประตูพร้อมกับกดล็อกประตูห้องเสร็จเรียบร้อยก็เดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที เขาไม่อยากอาบน้ำอยากนอนมันทั้งแบบนี้ หลังจัดการถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออกจนหมดก่อนจัดการโยนมันลงในตะกร้า ร่างสูงล้มตัวลงบนฟูกนอนอย่างเหนื่อยอ่อนแต่พอหัวถึงหมอนกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ จินตภัทรเด้งตัวลุกออกจากเตียงก้าวเท้ายาวๆ ออกไปจากห้องตรงเปิดประตูออกก็เห็นหญิงสาวนอนขดตัวอยู่บนโซฟาหนังตัวยาวสีดำ
“มานอนตรงนี้ทำไม บอกให้ไปนอนที่ห้องนั้นไง” เอื้อมมือออกไปเขย่าตัวเธอเบาๆ มองหญิงสาวที่สะดุ้งผวาตัวตื่นลุกขึ้นนั่งมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง พอเห็นท่าทีตกใจแบบนั้นชายหนุ่มถึงกับทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร ฉันนอนตรงนี้ก็ได้” มนินพัทธ์ทั้งง่วงทั้งเพลียพยายามปรือตาขึ้นมามองคนตรงหน้า
“นอนตรงนี้ไม่สบายตัวหรอก ไปนอนในห้องเถอะ มาสิ”
ชายหนุ่มรู้สึกพอใจที่เห็นเธอทำตามที่บอกอย่างว่าง่ายไม่แสดงท่าทางดื้อดึงเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากพาหญิงสาวเดินตรงไปที่หน้าห้องนอนที่อยู่ติดกันกับห้องนอนของเขา เปิดประตูห้องเสร็จก็ดันคนตัวเล็กให้เข้าไปในห้องทันที
“เสื้อผ้าของใช้ในห้องหยิบใช้ได้ตามสบายเลยนะ” ตอนนี้เขาก็ง่วงสุดๆ แล้วเหมือนกัน พูดเสร็จก็หยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมาเปิดแอร์ให้เสร็จสรรพก่อนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มนินพัทธ์รู้สึกง่วงมาก เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรให้หนักสมองอีก ถือบางถอดเสื้อผ้าบนร่างกายออกจนหมดเหลือแค่ชุดชั้นในเท่านั้น รีบควานหาเสื้อยืดตัวโคร่งในตู้เสื้อผ้าออกมาสวมใส่เสร็จก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงกว้างทันที
เช้าวันใหม่
มนินพัทธ์ปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ห้องนอนกว้างที่ไม่คุ้นชินสายตา มองดูหน้าต่างบานใหญ่ที่มีแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบผ้าม่านสีเทาอ่อน พอขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด ค่อยๆ ขยับตัวลุกออกจากเตียงเดินไปหยิบมือถือออกจากกระเป๋าสะพายขึ้นเปิดมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ของแม่ที่โทรเข้ามาไม่ต่ำกว่าสิบสาย เธอปิดเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะไม่อยากรับสายใครทั้งนั้น นึกถึงเรื่องเลวระยำที่เกือบเกิดขึ้นกับตัวเองก็ได้แต่ทอดถอนหายใจออกมา
วันนี้เธอคงไปทำงานในสภาพหน้าบวมช้ำแบบนี้ไม่ได้แน่ สภาพร่างกายไม่เท่าไหร่แต่สภาพจิตใจไม่พร้อมออกไปเจอหน้าใครทั้งนั้น คิดได้แบบนั้นก็รีบกดโทรศัพท์หาหัวหน้างานทันที นิษฐาไม่ว่าอะไรที่เธอลางานกะทันหัน ก่อนวางสายก็กำชับให้เธอไปหาหมอถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้น โชคดีงานที่เธอรับผิดชอบนั้นทำล่วงหน้าไว้หมดแล้ว
เธอเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็หยิบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นในตู้เสื้อผ้าออกมาสวมใส่ ขนาดเสื้อผ้ามันเป็นไซส์ผู้ชายทั้งนั้น หันไปมองสำรวจเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องก็พบว่าดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ดูราวกับว่าห้องนี้ไม่มีคนอยู่อย่างนั้น
มนินพัทธ์จัดการเก็บกวาดขยะที่ทิ้งระเกะระกะตามพื้นห้องใส่ถุงพลาสติกใบใหญ่ หลังจากล้างแก้วน้ำจานชามที่กองพะเนินในอ้างล้างจานจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถือวิสาสะสำรวจห้องครัวว่าพอจะมีวัตถุดิบอะไรให้เอามาทำอาหารเช้าได้บ้าง นอกจากไข่สองใบแล้วก็มีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น
“เธอ ยังอยู่อีกเหรอ? ”
เสียงแหบห้าวทักออกมาจากร่างสูงที่ยืนหาวหวอดๆ ดวงตาคมกริบจ้องหญิงสาวที่ยืนเก้กังมองทางเขาอยู่เช่นกัน ท่อนบนนั้นเปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อแน่นหนันเป็นลอนสวยส่วนท่อนล่างยังดีที่สวมกางเกงขาสั้นไว้ ผิวขาวราวกับน้ำนม ผมดำสนิทยุ่งเหยิงบนใบหน้าสวยๆ มันดูดีเสียจนทำให้มนินพัทธ์จ้องมองเขาไม่ละสายตา
อีกฝ่ายที่โดนจ้องเอาๆ ก็ดูเหมือนจะรู้ตัว ร่างสูงหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาเปิดดื่ม สายตาคมกริบที่จ้องมาตรงๆ ทำให้มนินพัทธ์หลบสายตาไปมองฝ่ามือของตัวเองแทน
“เอ่อ..ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืน ขอบคุณที่ช่วยพาไปส่งโรงบาลรวมถึงให้ที่พักด้วย งั้นฉันขอตัวไปเก็บของก่อน” ยังไม่ทันจะเดินออกจากห้องครัวไป อีกฝ่ายก็เอื้อมมือออกมาดึงเสื้อยืดตัวหลวมโพรกของเธอไว้
“หิว”
“!? ”
“ทำอาหารเป็นไหม”
มนินพัทธ์พยักหน้ารับอย่างงุนงง
“ทำอะไรให้กินหน่อย”
“ต้มมาม่าใส่ไข่ได้ไหม”
“อืม” ชายหนุ่มขยับตัวลงนั่งตรงเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ไอแลนด์ เหลือบสายตามองหญิงสาวที่กำลังต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเงียบๆ เขารู้สึกหิวมากอยากหาอะไรกินรองท้องก่อนไปมหาลัย
ไม่ถึงสิบนาทีชามบะหมี่ร้อนๆ ที่มีไข่สองใบอยู่ในชามก็วางลงตรงหน้าชายหนุ่ม อีกชามที่มีแต่เส้นบะหมี่เป็นของเธอ มนินพัทธ์ถือวิสาสะหย่อนตัวลงนั่งตรงกันข้ามกับเขา เหลือบสายตามองอีกฝ่ายที่หยิบตะเกียบคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก กลิ่นหอมของมันกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงาน รู้สึกหิวไม่ต่างกับเขา ริมฝีปากเล็กกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก้มหน้าก้มตาทานบะหมี่ในชามของตัวเองอย่างเงียบๆ
เสียงตะเกียบและช้อนที่กระทบบนชามทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายทานเสร็จแล้วเธอเหลือบสายตาขึ้นมองชายหนุ่มที่ขยับตัวลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
ไม่ถึงยี่สิบนาทีร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เปิดประตูออกมา ผมสีดำสนิทถูกเซ็ตไปด้านหลังอย่างลวกๆทำให้ใบหน้างดงามราวกับรูปสลักนั้นยิ่งชวนมองกว่าเดิม หน้าตาดีขนาดนี้เห็นแค่ครั้งเดียวเป็นใครก็จำได้ทันที เขามองตรงไปยังหญิงสาวที่ยืนนิ่งเงียบ เธอยังสวมเสื้อยืดตัวเดิมและกางเกงขายาวหลวมโพรก มองเผินๆ ดูเหมือนคนแคระไม่มีผิด เห็นแล้วก็ชวนให้รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูก
มนินพัทธ์สำรวจชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูจะอ่อนกว่าเธอหลายปี ดวงตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่นใสจับจ้องใบหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ใบหน้าหล่อค่อนไปทางสวยนั้นสะกดสายตาเธอเหลือเกิน ส่วนชุดนักศึกษาที่สวมใส่ก็ทำให้เขาดูอ่อนเยาว์ต่างจากเมื่อคืนลิบลับ
“มีอะไร”
“เอ่อ..ขอยืมเสื้อผ้าชุดนี้ไปก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวฉันซักทำความสะอาดเสร็จแล้วจะรีบเอามาคืนให้” ถึงเขาจะอายุน้อยกว่าแต่เธอก็พูดกับอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท
“อืม ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันรีบ” จินตภัทรเดินผ่านอีกฝ่ายไปอย่างไม่สนใจ เปิดประตูห้องเสร็จก็หันมาจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง พยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายออกจากห้องของเขาไปได้แล้ว
“ขอยืมรองเท้าด้วยได้ไหม เดี๋ยวเอามาคืนให้พร้อมกับเสื้อผ้า” เธอมองรองเท้าแตะสีดำแบรนด์ดังที่มีขนาดใหญ่กว่าเท้าของตัวเองมาก
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
...ของแค่นั้นเขาซื้อใหม่ได้ อยากบอกว่าไม่ต้องเอามาคืนด้วยซ้ำแต่ก็ไม่อยากเสียเวลาพูดอะไรให้มากความอีก