เช้าวันต่อมา
“อาเซียง ตื่นได้แล้ว วันนี้มีเรียนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”
“อาเซียง ได้ยินไหมเนี่ย ตื่นได้แล้ว”
“อื้อ จิ่วเอ๋อร์ ข้ารู้แล้ว”
“หลิวลี่เซียง นี่เธอพูดว่าอะไรนะ” ไป๋เยว่ซินถามย้ำอีกครั้งและรู้สึกแปลกใจที่เพื่อนคนนี้นอนขี้เซา
“จิ่วเอ... เอ๋!” หลิวลี่เซียงรีบลืมตา
“ซินซินเหรอ” เธอจับหน้าไป๋เยว่ซินแล้วดึงแก้มเบา ๆ
“โอ๊ย! อาเซียง มาดึงแก้มกันทำไม”
“ซินซิน ฉันคิดถึงเธอจังเลย” หลิวลี่เซียงกอดเพื่อนรัก
เธอไม่คิดว่าวันนี้จะได้ตื่นจากฝันของหลี่เหลียนฮวา หลิวลี่เซียงใช้ชีวิตเป็นหลี่เหลียนฮวามาหลายปี ความรู้สึกทุกอย่าง เธอยังคงจำได้ดี
หวังว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงนะ เธอคิดในใจ
“อาเซียง แปดโมงครึ่งแล้ว เธอจะไปอาบน้ำแต่งตัวได้หรือยัง” ไป๋เยว่ซินเตือนเพื่อนอีกรอบ
“มีเรียนเหรอ วันนี้วันอะไร” เธอถามเพื่อนพลางกดมองดูมือถือ ก่อนหันไปดูตารางเรียน
“ซวยแล้ว ๆ คาบอาจารย์สุดโหด” เธอรีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วสูงก่อนปั่นจักรยานไปคณะ
พักเที่ยงหลิวลี่เซียงมีนัดทานข้าที่โรงอาหารพร้อมกันกับไป๋เยว่ซิน เธอมานั่งรอที่โต๊ะก่อนจะคิดถึงเรื่องราวในฝันที่ผ่านมา
ทำไมถึงได้ฝันเรื่องหลี่เหลียนฮวาอีกครั้งนะ แถมเข้าไปอยู่ในฝัน เล่นจริงเจ็บจริงไม่น้อย เหมือนจะผ่านมาห้าปีแล้วแต่ก็แค่หลับฝันไปหนึ่งคืนงั้นเองเหรอ หลิวลี่เซียงคิดทบทวนไปมาถึงความสมเหตุสมผลแต่ก็หาคำตอบไม่ได้
“อาเซียง สั่งข้าวแล้วยัง” ไป๋เยว่ซินถามตอนเดินมาที่โต๊ะ
“อื้อ เรียบร้อย กินเหมือนกันใช่ไหม”
“อื้อ”
ทั้งสองคนทานข้าวเที่ยงด้วยกันพลางพูดคุยเรื่องงานเทศกาลของมหาวิทยาลัย คณะต่าง ๆ จะมีร้านขายของเล็ก ๆ ในเทศกาลนี้ด้วย แต่แล้วจู่ ๆ ไป๋เยว่ซินถามเรื่องเมื่อตอนเช้า
“อาเซียง เมื่อเช้าเรียกชื่อใครนะ”
“อ่อ จิ่วเอ๋อร์ คนในฝันน่ะ เรื่องมันยาวมาก เอาไว้เลิกเรียนจะเล่าให้ฟังนะ” หลิวลี่เซียงตอบก่อนหันไปมองข้าง ๆ
เธอเห็นเหรินฮ่าวหรานกำลังนั่งกินแตงโมอยู่อย่างเอร็ดอร่อยก็นึกถึงเสี่ยวหานแล้วเผลอยิ้มออกมา
“อาเซียง มองฮ่าวหรานจนเขามองกลับมาแล้วไหมนั่น” ไป๋เยว่ซินสะกิดแขนเธอเบา ๆ
เหรินฮ่าวหรานรู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องเขาอยู่จึงหันมามอง เขาเห็นหลิวลี่เซียงยิ้มให้เขา
“เธอชอบนายคนนี้เหรอ มองตาไม่กระพริบแถมยิ้มให้เขาด้วย” ไป๋เยว่ซินแซวเพื่อนที่กำลังหน้าแดง
“เปล่านะ ซินซิน แค่นึกถึงใครบางคนเฉย ๆ เดี๋ยวเย็นนี้เล่าให้ฟัง”
“อื้อ” เธอพยักหน้า
หลังจากที่เรียนวิชาตอนบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิวลี่เซียงแวะไปที่ชมรมศิลปะ เพราะประธานชมรมนัดสมาชิกใหม่ทุกคนมาทำความรู้จักกับรุ่นพี่ แม้สมาชิกในชมรมจะมีไม่มากก็ตาม
เธอเดินเข้ามานั่งรออยู่ตรงมุมห้องชมรมและทำความรู้จักกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่ เหรินฮ่าวหรานและซือมู่เฉินก็เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย หลังจากที่แนะนำชมรมและสมาชิกชมรมเรียบร้อยแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ เหลือเพียงเหรินฮ่าวหรานที่เดินไปหยิบอุปกรณ์มาเตรียมวาดรูปสีน้ำมัน
“นี่ ฉันให้เธอ” เหรินฮ่าวหรานยื่นของในถุงผ้าให้เธอ
หลิวลี่เซียงรับมาแล้วเปิดดูของในถุงผ้า
“แตงโมเหรอ เป็นลูกเลยนี่นะ”หลิวลี่เซียงถามกลับ
“อื้อ เมื่อตอนกลางวันเธอมองฉัน ไม่ได้อยากกินแตงโมเหรอ”
“เอ่อ คือ... ใช่ ๆ ขอบคุณนะ” หลิวลี่เซียงไม่อยากอธิบายยืดยาวจึงรับของมาแล้วกล่าวขอบคุณเขา
หลังจากนำของมาให้เธอแล้ว เขาก็ไปนั่งที่ประจำใส่หูฟังเพลงแล้วเริ่มลงสีบนผืนผ้าใบ
หลิวลี่เซียงไม่กล้าอยู่กับเขาสองคนจึงขอตัวกลับหอพัก
----------------------------------------------------------------------
งานเทศกาลมหาวิทยาลัย
“อาเซียง ร้านขายของกินเต็มไปหมดเลย” ไป๋เยว่ซินตื่นเต้น
“อื้อ ไปดูตรงโน้นกันเถอะ ฉันอยากกินอันนั้นอ่ะ” หลิวลี่เซียงพาเธอเดินมาทางด้านซ้ายของงาน
เธอเอื้อมมือไปหยิบถังหูลู่ด้วยความอยากกิน แต่มีมืออีกข้างหนึ่งของใครบางคนกำลังเอื้อมมือจับถังหูลู่ไม้เดียวกัน
ในร้านมีตั้งหลายไม้ ทำไมต้องมาเลือกไม้เดียวกัน เธอจึงเงยหน้ามองเขา
“เหรินฮ่าวหราน!” เธออุทานตกใจ
“เธอเองเหรอ” เขาตอบเนิบ ๆ
“อันนี้นายเอาไปละกัน เดี๋ยวฉันเอาอันใหม่” หลิวลี่เซียงยื่นถังหูลู่ไม้นั้นให้เขา
ภาพเหตุการณ์ในวันที่หลี่เหลียนฮวาไปเที่ยวในตลาดและซื้อถังหูลู่ให้เสี่ยวหานผุดขึ้นมา เธอมองเห็นภาพหน้าของเสี่ยวหานบนใบหน้าของ เหรินฮ่าวหราน ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อยและทำให้เขาแปลกใจไปด้วย
“หลิวลี่เซียง เป็นอะไรไป” เขาถาม
“อ้อ เปล่า ไม่มีอะไร อันนี้ให้นายละกัน ฉันไปละ” เธอรีบยื่นให้เขาก่อนรีบเดินไปอีกทาง
“อ้าวอาเซียง ไม่กินละเหรอ” ไป๋เยว่ซินถามเพราะสงสัย
“อื้อ ๆ เอาไว้วันหลังก็ได้”
“งั้นไปตรงนั้น ฉันได้กลิ่นซาลาเปา” ไป๋เยว่ซินชวน
“ซินซิน ขอสองลูก หิวไม่ไหวแล้ว” หลิวลี่เซียงบอกเพื่อน
“อื้อ ถือไปเลยมั้ย” เธอยื่นให้เพื่อนก่อนจ่ายเงิน
เมื่อหันกลับมาหลิวลี่เซียงมองเห็นเหรินฮ่าวหรานอีกครั้งและกำลังเดินมาทางนี้
งานออกจะกว้างทำไมยังเดินมาทางเดียวกันอีกนะ หลิวลี่เซียงคิดในใจ
ด้านเหรินฮ่าวหรานที่เดินมาทางนี้มองเห็นเธอถือซาลาเปาสองมือก็เข้าใจว่าเธอคงชอบซาลาเปามาก เขายิ้มให้เธอเพื่อทักทายตามประสาแต่กลับทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมา ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเธอหน้าแดง หลิวลี่เซียงก็หันขวับไปอีกทางแล้วรีบเดินจนลืมไป๋เยว่ซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“อาเซียง เดี๋ยวก่อน” ไป๋เยว่ซินรีบเดินตาม
“ซินซิน โทษที รีบเดินไปหน่อย”
“รีบเดินหรือรีบหลบหน้าใคร เธอมีพิรุธนะ” ไป๋เยว่ซินแกล้งถามเพื่อน
“เปล่า ๆ แค่อยากรีบหาที่นั่งกินซาลาเปาเฉย ๆ เอ! ตรงนั้นซือมู่เฉินนี่” หลิวลี่เซียงชี้ไปที่ในงาน
ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ไป๋เยว่ซินรีบดึงแขนเธอเดินไปอีกทางจนแทบจะถึงประตู
“ซินซิน นี่เธอหลบหน้าซือมู่เฉินเหรอ” หลิวลี่เซียงถามกลับ
“จะว่าใช่ก็ใช่นั่นแหละ ยังไม่อยากเจอหน้าคนเจ้าชู้”
“เฮ้อ ไหน ๆ ก็เดินมาจนถึงทางออกแล้วกลับหอกันดีกว่า” เธอเก็บซาลาเปาใส่ถุงแล้วปั่นจักรยานกลับหอพร้อมกัน
------------------------------------------------------------------------
หลิวลี่เซียงแวะมาที่ชมรมศิลปะเพราะวันนี้รุ่นพี่จะสอนเทคนิคการวาดรูปด้วยสีน้ำมัน เธอมีแผนที่จะหัดวาดรูปจึงเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
“หลิวลี่เซียง ไปนั่งคู่กับเหรินฮ่าวหราน” รุ่นพี่คนหนึ่งบอกเธอ
หลิวลี่เซียงค่อย ๆ เดินมาหาเขาพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อทักทายเขา
เมื่อมองไปที่ผืนผ้า เธอเห็นเขาวาดรูปดอกโบตั๋นค้างไว้ แม้จะยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีก็ดูสวยงามมากทีเดียว
“เธอจะลองวาดรูปดอกโบตั๋นไหม” เขาถามเมื่อเห็นเธอสนใจภาพของเขา
“อื้อ” หลิวลี่เซียงตอบด้วยความดีใจ
เหรินฮ่าวหรานตั้งใจสอนเธอด้วยความใจเย็น หลังจากนั้นเธอจึงแวะมาที่ชมรมอีกสองสามวันเพื่อวาดรูปดอกโบตั๋นให้เสร็จ โดยมีเหรินฮ่าวหรานคอยสอนทุกขั้นตอน จนในที่สุดภาพวาดสีน้ำมันชิ้นแรกของเธอก็เสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณนะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยสอนเรื่องวาดภาพ
“อื้อ” เขาตอบสั้น ๆ
โบตั๋นในความทรงจำ หลิวลี่เซียงถือภาพดอกโบตั๋นกลับหอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ข้างหลังเธอเหรินฮ่าวหรานมองตามแล้วยิ้มมุมปาก จากนั้นเขากลับมานั่งวาดภาพเดิมที่ค้างไว้
ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ดวงจันทร์กลมโตเหมือนคืนนั้น หลิวลี่เซียงมานั่งชมจันทร์ที่ริมหน้าต่างเหมือนเช่นเคย เสียงขลุ่ยเพลงเดิมที่คุ้นเคยขับกล่อมให้เธอหลับใหลอย่างไม่รู้ตัว