ปฐมบท

2446 Words
​ เคยมีชีวิตเป็นคุณหนูที่สุดแสนจะสุขสบาย กลับกลายเป็นลำบากในชั่วพริบตา ใช้ชีวิตยุ่งยากในเมืองหลวงที่สุดแสนจะวุ่นวาย ไฉนถึงได้กลายเป็นโผล่มาที่ดินแดนลับแลแห่งนี้ได้เล่า แถมยังทะลุไปที่ดีกว่านี้ก็ไม่ได้ ดันทะลึ่งส่งมาเผ่ากินคนอีก แล้วแบบนี้จะมีชีวิตรอดได้ยังไงก่อน นอกซะจาก..จะต้องเป็นเมียหัวหน้าเผ่ารึเปล่าวะ? . . ผมชื่อว่าน้ำค้าง ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วล่ะ เพียงแค่อึดใจเดียวอีกไม่กี่เดือน ผมก็จะเรียนจบชั้นมัธยมปลายอย่างสมบูรณ์แบบ ทีนี้ก็จะได้รีบหางานทำเองได้ง่ายกว่าเดิม โดยไม่ต้องอาศัยเศษใบบุญจากลุงกับป้านิสัยไม่น่ารักอีกต่อไป ซึ่งชีวิตของผมไม่เคยต้องรันทดแบบนี้มาก่อน เนื่องจากช่วงก่อนที่พ่อผมจะสิ้นใจ ลุงกับป้าได้เป็นผู้ที่ดูแลผมได้ดีมากเลย แถมยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพ่อของผมด้วยว่าจะดูแลผมต่อเอง จะส่งให้เรียนจนจบปริญญาตรีตามที่พ่อผมตั้งใจเอาไว้ หรือจนกว่าผมจะอยากเรียนสูงแค่ไหนก็ตามแต่ใจที่ผมต้องการได้เลย คำสัญญาที่ได้ลั่นวาจาอย่างดูน่าเชื่อถือ จนทำให้พ่อของผมยอมเชื่อใจสองคนนั้นอย่างสุดซึ้ง เลยได้ทำการเซ็นยกมรดกให้กับพี่ชายสุดเหลี่ยมจัดไปในทันที ในตอนนั้นที่พ่อผมยังมีอาการเจ็บออดๆ แอดๆ ให้เห็น แต่ก็ได้ลุงกับป้านี่แหละที่ยังใจดีคอยช่วยเหลือดูแลพ่อกับผมในยามยาก อย่างเต็มที่เต็มกำลังกันดีมากเลย แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนเราจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ง่ายถึงเพียงนี้ นี่แหละหนามนุษย์โลก มักมาก จอมตะกละทั้งหลาย เพราะหลังจากที่พ่อของผมนั้นได้จากไปเพียงไม่ถึงปี จากลุงผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือดูแลกันซะอย่างดิบดี ก็ได้กลายร่างเป็นปีศาจทันทีเช่นกัน ชายผู้นี้ฟังแต่เมียที่วันๆ ปั่นหัวจนลุงเชื่อเสียสนิทใจไปซะหมดทุกเรื่อง สองผัวเมียจึงเริ่มปฏิบัติการ เอาแต่กอบโกยหวังผลประโยชน์จากพืชพรรณที่ได้หว่านเมล็ดเอาไว้แล้วจำต้องรีบเก็บเกี่ยวกอบโกย แถมยังไล่ตะเพิดผมออกจากบ้านในข้อหาที่ชวนขำจนท้องคัดแข็ง ด้วยเรื่องที่มีผมอยู่ด้วยแล้ว จะทำให้ลูกชายของเขาไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยชื่อดัง อะไรวะครับ? เล่นเอาซะผมงงใจไปหมด เพราะก่อนหน้านี้ที่ตรงนั้น มันเป็นบ้านของพ่อผมที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง แล้วยังใจดีอุตส่าห์ให้พี่น้องอยู่ร่วมกันเป็นสิบๆ คนแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หากญาติๆ คนไหนไร้ที่พึ่งที่ไป จนครอบครัวของลุงมาเกาะแข้งขาขอพึ่งใบบุญจากพ่อของผมอยู่มาแบบครึ่งค่อนชีวิต จากไอ้น้ำฟ้าตัวเท่าลูกเจี๊ยบ จนตอนนี้มันก็โตไล่เลี่ยกับผมนี่แหละ ในตอนนั้นผมก็เห็นว่าน้ำฟ้ามันก็อ่านหนังสือได้ดีนี่นา พอมาตอนนี้กระแดะขึ้นมาเชียวว่ารำคาญญาติเยอะแล้วเสียงดัง เอ่อ แล้วแต่จะคิดกันเลย แต่ก็ช่างแม่งเถอะ ผมจึงเลือกออกมาใช้ชีวิตด้วยลำแข้งของตัวเอง ตอนเช้าไปเรียน เลิกเรียนก็มาทำพาร์ทไทม์ช่วยป้าร้านส้มตำแบบรถเข็น พอได้เงินแบบประทังชีวิตให้ไปโรงเรียนแบบเอาตัวรอดได้ละกัน ดีที่ว่าเวลาผมขัดสนจวนตัว ผมยังสามารถติดต่อไปหาลุงได้บ้างเป็นบางโอกาส ลุงแกก็ยังแอบโอนเงินให้ผมได้พอไปใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินที่โรงเรียนได้บ้าง แต่พอหลังจากที่ลุงถูกเมียจับได้ว่าแอบลอบติดต่อกับผมและโอนเงินให้ผม ลุงแกก็ปล่อยลอยแพผมทิ้งอย่างไม่ไยดีเลยเช่นกัน "เหอะ ใช่สิ พอพ่อผมตายแล้ว ก็ไม่ต้องเห็นหัวกันแล้วหรอก มีแต่ข้ออ้างนู่นนี่นั่นสารพัด" น้ำค้างเดินฮึดฮัดฟึดฟัดออกจากบ้านเช่าห้องแถวหลังเก่าซ่อมซ่อ สองขาก้าวยาวออกจากห้องลงบันไดเพื่อออกไปช่วยป้าถินขายของที่ตลาดนัดดั่งเช่นทุกวัน ใบหน้าหวานบูดบึ้งยามเมื่อได้ยินเสียงแว้ดๆ ทะลุออกมาจากปลายสาย น้ำค้างเพียงแค่โทรไปขอเงินเพิ่มเพราะจะมีกิจกรรมเข้าค่าย ทว่ากลับโดนตะคอกใส่กลับมาจนแก้วหูแทบจะดับ ใบหน้ายับยู่จึงตัดสินใจว่าจะเขียนตอบกลับไปกับทางโรงเรียนว่า ไม่สามารถร่วมกิจกรรมได้ เพราะผู้ปกครองไม่อนุญาต จริงๆ แล้วอยากจะเขียนลงไปในใบตอบรับซะเหลือเกินว่าเป็นเพราะ เมียลุงผมขี้งก ผมเลยไม่ได้เงินไปเข้าค่าย รู้สึกอยากจะประจานแม่งบ้าง แต่ก็ทำได้แค่คิดนึกในใจเท่านั้นแหละ "เอ้าไอ้น้ำค้าง วันนี้หน้าบูดบึ้งมาเชียว ไปทะเลาะกับหมาแถวหน้าปากซอยมารึ" "ใช่ป้า หมาบ้าซะด้วย" ฮ่าๆ ๆ ๆ คำทักแรกของป้าถินสร้างเสียงหัวเราะฮาครืด จึงทำให้น้ำค้างรู้สึกมีอารมณ์ขันตามได้บ้าง ร้านขายส้มตำของป้าถิน แม้นจะเป็นเพียงแค่ร้านส้มตำรถเข็น แต่ด้วยรสมือที่แซ่บจัดจ้าน จนเลื่องชื่อลือชาอย่างหนาหู จึงสามารถตีตลาดนัดได้ทั่วทุกพื้นที่ กระทั่งลูกค้าต้องถามหาตารางวันที่ป้าแกจะไปจอดรถเข็นเลย ว่าวันไหนไปจอดขายที่ตลาดไหนบ้าง เพราะบรรดาลูกค้าจ้องจะตามไปต่อคิวอุดหนุนกันจนแถวยาวเฟื้อยสั่งออเดอร์กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันเสาร์ ยิ่งขายดิบขายดีเข้าไปใหญ่ ป้าถินตำจนมือเป็นระวิงแบบที่ไม่สามารถละมือออกห่างจากครกกับสากได้เลย ส่วนผมนั้นได้เป็นลูกมือชนิดที่เรียกได้ว่าทรีอินวัน ทั้งช่วยปิ้งหมูปิ้งไก่ จับยัดโยนข้าวเหนียวโยนผักจัดใส่ถุงเรียบร้อยแล้วส่งต่อให้กับลูกค้า จนกระทั่งทำไปถึงรับเงินและทอนเงินให้ด้วย ช่วงเย็นวันนี้ช่างครึกครื้นยิ่งนัก น้ำค้างเหล่ดูใบออเดอร์ที่เสียบไว้ตรงเสาเสียบรับออเดอร์ก็เห็นว่ายังมีอยู่อีกหลายใบที่เสียบคาอยู่ ค่ำคืนนี้ร้านป้าถินส่อแววขายดิบขายดี กอบโกยได้อีกเยอะแน่นอน ลูกค้ามายืนรอตั้งแต่ตอนช่วงท้องฟ้ายังไม่เปลี่ยนสีแสงตะวันยังไม่ตกดินแถมร้านก็ยังจัดไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำไป ครืด.... ครื้น.... เสียงฟ้าคำรามทำให้ผู้คนเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปบ้าง กลายเป็นพากันรีบเดินรีบวิ่งมุ่งตรงกลับเข้าที่พักของใครของมันกันจ้าละหวั่นทันที ใบออเดอร์ที่เคยปักคาอยู่กับแป้นเสียบออเดอร์ก่อนหน้านี้มีเป็นสิบใบ ตอนนี้โหรงเหรงเหลืออีกเพียงแค่สองเจ้าเท่านั้นเอง "ของพี่มี ส้มตำปูปลาร้าไม่หวานพริกสามเม็ด สะโพกไก่ย่างหนึ่ง ข้าวเหนียวสอง ขนมจีนหนึ่ง ทั้งหมด 120 บาทจ้าพี่" "ขอบคุณครับ" พ่อค้าหน้าเป็นรับเงินมาแบบพอดีกับจำนวน รีบเอ่ยกล่าวขอบคุณพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับลูกค้าตามสไตล์อย่างเคยชิน ครื้น ... ครื้นนน ... "ไอ้น้ำค้าง ป้าว่าฝนมันต้องตกหนักแน่เลยว่ะ ฟ้าคำรามมาแบบนี้แล้ว ข้าว่าเก็บของเข้าบ้านกันเถอะว่ะ" "เอ้าป้า ของยังมีเหลืออีกตั้งเยอะแหนะ ขาดทุนแย่เลยนะแบบนี้ คืนวันเสาร์ทั้งทีกะว่าจะกอบโกยให้ได้เยอะๆ ซะหน่อย" ลูกจ้างขี้งกกลับนิ่วหน้าขมวดคิ้ว แสดงความเครียดออกมาแทนเจ้าของร้านไปเองมากโขซะแล้ว "หน็อย ๆ ข้าเป็นเจ้าของร้านโว้ย เอ็งจะเครียดแทนอะไรนักหนา" ป้าถินยืนเท้าสะเอวพูดตอบกลับคนหน้าเงิน ทำเอาคนโดนเอ็ดต้องยิ้มแหย่ๆ กลับมาให้เมื่อลองได้คิดตาม "ก็กลัวป้าจะเบี้ยวเงินค่าจ้างฉันน่ะสิ เพิ่งจะทำงานได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง" น้ำค้างหันหน้าพูดโต้กลับหญิงรูปร่างท้วมทันที "บ๊ะ ไอ้นี่ ขี้งกซะจริง ข้าไม่เบี้ยวเอ็งหรอกน่า แต่ถ้าของข้าเปียกพังพินาศไปหมด อันนี้ไม่แน่" "เอ้า ไรวะป้า ไม่ได้ดิ งั้นเดี๋ยวค้างรีบเก็บร้านให้แบบด่วนจี๋เลย" สองร่างต่างขนาดและอายุ ได้พากันเข็นรถเข็นกลับบ้านเช่าห้องแถวที่อยู่ติดกันอย่างเร่งด่วน เพราะดูท่าแล้วว่าเม็ดฝนกำลังคืบคลานไล่ตามหลังมาแบบติดๆ นั่นแล้ว สายลมโหมกระพือพัดเป็นระลอก จึงทำให้หญิงร่างท้วมได้เปล่งเสียงร้องวี้ดว้ายเป็นระลอกตามสายลมเช่นกัน ฝ่ามือมีรอยเหี่ยวย่นต้องรีบคอยคว้าจับหมวกสานใบใหญ่บนศีรษะเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้มันกระพือปลิวว่อนหายไปได้ทุกเมื่อซะก่อนหากจับไว้ไม่มั่นพอ "ป้าถิน ค้างว่ารีบเดินเฮอะ พายุเข้าแล้วมั้งลมแรงแบบนี้" น้ำค้างพูดไปด้วยเข็นรถเข็นที่บรรทุกสิ่งของที่ขายไปมากกว่าครึ่งแล้วออกตัวดันรถเข็นให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าเมื่อยิ่งเร่งรีบแข่งกับเวลาและการหนีฝนหนีพายุแบบนี้แล้ว มันกลับดูเฉื่อยขึ้นมาซะดื้อ ๆ เลย แขนเรียวที่มีพลังกำลังมากกว่าหญิงร่างท้วมด้านข้าง จึงรีบออกแรงเข็นให้เร็วขึ้น จนเดินนำหน้าป้าถินไปก่อนหลายช่วงตัว ทว่าเมื่อออกเดินได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ฟ้าฝนที่เริ่มจี้ใกล้เข้ามาจวนจะถึงตัวแล้ว กลับเริ่มบรรเลงโหมกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาแบบทันทีทันใด จึงทำให้ละอองจากหยาดน้ำใสได้ปะทะสาดเข้ากับใบหน้าของทั้งคู่อย่างจัง ทำเอายากต่อการมองเห็นยิ่งนัก ซ้ำยังยากที่จะต้องคอยประคับประคองสิ่งของที่อยู่บนรถเข็นถูกคลุมด้วยผ้าใบเอาไว้ แต่ด้วยแรงลมที่ปะทะแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ผ้าใบที่คลุมไว้อย่างแนบสนิทอย่างดีแล้วนั้น ได้กระพือว่อนตามแรงลมขึ้นมาโดยฉับพลัน สองขาภายใต้กางเกงยีนรีบจ้ำยาวขึ้นเพื่อให้ถึงห้องเช่าไวๆ ตามใจคิด โดยลืมนึกไปเสียสนิทเลยว่าถนนเส้นนี้มันทั้งคับแคบ ทั้งลื่น เป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่ต่างกับพื้นผิวบนดวงจันทร์ ซึ่งยากต่อการสัญจรผ่านไปมายามที่ฟ้าฝนสาดเทตกลงมาหนักเช่นนี้ จนทำให้มืดฟ้ามัวดินได้ถึงเพียงนี้เลย ซ่า! ซ่า!! เมื่อสายฝนได้สาดกระหน่ำเทลงมาหนักขึ้น จนทำเอาทั้งท้องฟ้าและบรรยากาศรอบข้างขาวโพลนไปทั่วพื้นที่โดยรอบหมดแล้ว การสัญจรที่คับคั่งยิ่งพากันเข้าขั้นวิกฤตกันเข้าไปใหญ่ ถนนเส้นคับแคบได้เกิดการแย่งชิงเบียดเสียดกันใช้สอยและสัญจรในช่วงพีคๆ ยามฉุกละหุกเช่นนี้ เพราะต่างคนต่างต้องเร่งรีบหาที่หลบฝนห่าใหญ่กันจ้าละหวั่น เปรี้ยงงงงง!!! สายฟ้าฟาดส่งเสียงดังสนั่น ราวกับกำลังพิโรจน์โกรธเกรี้ยวชาวเมืองหลวงกัน ก่อนที่จะสาดแสงสว่างว่าบแลบผ่านสายตาทุกคู่ ทำเอาหญิงสาวทั้งหลาย พากันตกใจจนร้องวี้ดว้ายเสียงดังระงมกันออกมาแข่งกับสายฟ้าฟาดอย่างกึกก้อง จนผสานเสียงไปพร้อมๆ กัน "ป้า! ป้าถิน..!!" น้ำค้างพยายามหรี่ตามองหาป้าข้างห้องที่ไม่รู้ว่าเดินห่างกันออกไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้านองไปด้วยหยาดน้ำฝนเริ่มเลิ่กลั่กเพ่งสายตามองไปรอบบริเวณที่มองเห็นยากซะเหลือเกิน ยิ่งสายฝนที่สาดเทไหลผ่านใบหน้ามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการสอดส่องมองหาตัวป้าถินมากขึ้นเท่านั้น ฝ่ามือที่กำรถเข็นไว้แน่นจึงจำต้องจอดปล่อยรถทิ้งไว้ริมข้างทางก่อนเป็นอันดับแรก "ป้า!! ป้าถิน!!" เสียงกังวานยังคงตะเบ็งร้องตะโกนเรียกหาป้าข้างห้องแข่งกับเสียงของสายฝน และเสียงของรถจักรยานยนต์สองล้อ หรือแม้แต่รถยนต์สี่ล้อที่ต่างพากันเบิ่นเร่งเครื่องกันแบบเต็มสูบจนเซ็งแซ่ไปหมด เหมือนกับว่า ไม่ได้สนใจผู้ที่ต้องสัญจรร่วมทางเท้า ซึ่งไม่เคยเห็นใจกันเลยสักนิดเดียว สองข้างทางที่เป็นเพียงแค่พื้นคอนกรีตผสมดินลูกรังฝุ่นตลบ ราวกับไปบุกป่ามายามที่สายฝนตกกระหน่ำหนักลงมาเช่นนี้ แต่การก่อสร้างทำถนนที่ริเริ่มมีมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว กลับแลดูเหมือนว่ามันจะไม่มีกำหนดระยะเวลาที่จะทำให้เสร็จสิ้นที่แน่นอนสักที หากเพียงแต่เวลาออกข่าวทางจอทีวีก็ได้คำตอบแค่เพียงว่า งบประมาณหมด คงต้องรองบประมาณในปีต่อๆ ไป ซึ่งเป็นคุณภาพชีวิตดีๆ อย่างลงตัวของชาวเมืองหลวงที่ต้องทนใช้ชีวิตกันไปแบบนั้น คงอาจจะเป็นเพราะเรื่องที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองเทพสร้างแห่งนี้ ผู้คนจึงต้องอดทนใช้ชีวิตกันแบบตรากตรำเพื่อต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคกันไปเอง ถนนเส้นนี้นอกจากจะมีทั้งหลุม ทั้งบ่อ มีน้ำขังจนแทบจะเอาไว้ใช้เลี้ยงลูกจระเข้ได้เลย เพราะการซ่อมท่อแล้วปล่อยร้างไร้ฝาปิดมิดชิด จนน้ำท่วมขังสูงเต็มบ่อแทนไปหมดแล้ว มันยิ่งทำให้ง่ายต่อการถูกสาดกระเซ็นใส่เข้ากับเสื้อผ้ากางเกงขายาว กับชายร่างโปร่งของหญิงสาวจนเปรอะดูเลอะเทอะติดคราบโคลนเต็มไปหมด รองเท้าผ้าใบเหยียบย่ำหลุมบ่อที่มีน้ำขังเจิ่งนอง จนท่วมหลังเท้าเฉอะแฉะไปหมด น้ำค้างได้วิ่งวกกลับมาทางเดิมและยังห่างจากรถเข็นที่จอดเอาไว้อยู่ไกลพอประมาณ ผู้คนที่ต่างพากันวิ่งขวักไขว่ ทำเอาน้ำค้างโดนชนจนเซถลาไปมาบนถนนในตรอกซอยอันคับแคบ แต่การจราจรเนืองแน่นอย่างถนัดตาจนดูแทบจะเป็นการจลาจลขนาดย่อมกันอยู่รอมร่อแล้ว และในท้ายที่สุด.. ปี๊นนนนนนนนน~~~~ ครื้ด....ครืนนน เปรี้ยงงงง!!!! "หว๊ะ เหวออออ" ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD