bc

สายลับทะลุมิติ ไปเป็นอนุตัวร้าย

book_age16+
126
FOLLOW
1K
READ
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

สายลับยุค2000อย่างฉันทะลุไปในยุคโบราณ แถมยังมีสถานะเป็นเพียงอนุต่ำต้อยสุดร้ายกาจ แม้เป็นภรรยาคนเดียวแต่สามีเกลียดชัง คนอื่นหยามเหยียด ใครจะไปยอมกันเล่า!

chap-preview
Free preview
บทนำ
บทนำ ณ จวนแห่งหนึ่ง “นายท่านหวงจื่อหานกลับมาแล้ว ยินดีต้อนรับกลับสู่จวนขอรับ” น้ำเสียงแหบพร่าตามอายุที่กำลังล่วงเข้าเลขหกสิบเอ่ยทักเจ้านายหนุ่มผู้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในจวนขนาดใหญ่โอ่อ่าแห่งนี้ โดยมีเขาเป็นพ่อบ้านดูแลรับผิดชอบเรื่องภายในจวน จวนหลังใหญ่กินพื้นที่หลายลี้ หากนำมาจัดอันดับความยิ่งใหญ่จวนหลังนี้คงติดหนึ่งในสิบของจวนในเมืองหลวงได้อย่างไม่ยาก กว้างขวางแต่ช่างเงียบเหงายิ่งนัก ในจวนมีหลายสิบเรือนเรียงรายอยู่ในอาณาเขตทว่ากลับว่างเปล่าไร้ผู้คนพักอาศัยเพราะในจวนแห่งนี้มีเจ้านายเพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือ.... หวงจื่อหาน ชายหนุ่มผู้มีอายุเพียงยี่สิบแปดหนาวทว่าประสบความสำเร็จเป็นถึงขุนนางขั้นหนึ่งผู้ครอบครองตำแหน่ง.... ผู้ตรวจการแผ่นดิน หัวหน้าหน่วยงานพิเศษ สำนักบูรพา กองกำลังมากฝีมืออย่างองค์รักษ์เสื้อแพรเองก็อยู่ภายใต้การบัญชาการของสำนักนี้ ทั้งหมดทั้งมวลชายหนุ่มขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้เพียงผู้เดียวเท่านั้น และอีกสถานะหนึ่งที่ผู้คนหวั่นเกรงไม่แพ้กันคือ หวงจื่อหานเป็นสหายร่วมเรียนสำนักเดียวกันกับฮ่องเต้คนปัจจุบันอีกด้วย ทว่าชายหนุ่มประสบความสำเร็จแค่เพียงเรื่องงานด้านเดียวเท่านั้น ด้านที่เหลือ.... ไร้ซึ่งครอบครัว ญาติมิตรสนิทกันเท่ากับศูนย์ อายุปูนนี้ภรรยาสักคนไม่แม้แต่คิดจะมีในหัว ดังนั้นไม่แปลกที่ในจวนแห่งนี้จะทั้งว่างเปล่าและเงียบเหงาราวกับไร้สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยเช่นนี้ พ่อบ้านชรายิ้มต้อนรับผู้เป็นนาย “พ่อบ้านจ้าว สั่งคนไปทำความสะอาดที่เรือนสักหลังและจัดหาข้าวของเครื่องใช้เตรียมให้คนเข้าไปอยู่” “ขอรับ ว่าแต่เตรียมให้ใครหรือขอรับนายท่าน” หน้าผากยับย่นยิ่งยู่เข้ามากันเข้าไปใหญ่ ร้อยวันพันปีจวนแห่งนี้มิเคยต้อนรับแขก “....” เพียงคำถามธรรมดาคำถามหนึ่งเอ่ยออกมาก็สามารถกระตุ้นให้ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่ปกตินิ่งขรึมทวีความแข็งเกร็ง ความเกลียดชังใครบางคนขึ้นมา อีกทั้งร่างสูงองอาจยังแผ่รังสีโหดเหี้ยมอำมหิตออกมาสร้างความหวาดหวั่น ทำให้คนใช้โดยรอบพากันกรูถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ใครกันที่ทำให้เจ้านายน้อยของเขาแสดงท่าทีเกลียดชังได้ถึงเพียงนี้ “อย่ามาแตะต้องข้านะพวกขี้ข้า ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าข้าเป็นสตรี สวมกระโปรงยาวเช่นนี้จะให้ข้ากระโดดลงจากรถม้าที่สูงขนาดนี้โดยมิมีบันไดได้อย่างไร มือพวกเจ้ากล้าแตะต้องตัวข้ารึ! สกปรก....เหอะ หากมิมีบันได ข้ามิลง” เสียงแหลมสูงของสตรีกำลังตวาดคนรับใช้ผู้น่าสงสารเรียกความสนใจจากพ่อบ้านชราได้เป็นอย่างดี ภาพสตรีในอาภรณ์เนื้อผ้าคุณภาพธรรมดาๆผู้หนึ่งกำลังยืนเชิดหน้า สองมือจับกุมกันเอาไว้บนหน้าตัก กริยาท่าทางราวกับสตรีชั้นสูง ทว่าเสียงที่นางเปล่งออกมานั้นช่างตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ที่เห็นยิ่งนัก สตรีผู้นี้จัดเป็นโฉมงามอันดับต้นๆในแคว้นฉู่แห่งนี้ได้ไม่ยาก แม้ว่านางสวมใส่อาภรณ์ธรรมดายิ่งก็ยังมิสามารถกลบความงดงามที่เปล่งออกมาจากตัวนางมิได้เลย ดวงตาหยิ่งยโสเรียวรีกำลังจ้องมองไปที่ผู้อื่นราวกับผู้สูงศักดิ์มองเศษธุรีดินเบื้องล่าง คิ้วเรียวยาว สันจมูกโค้งสูง โครงหน้าเรียวงาม ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อดั่งกลีบกุหลาบ เส้นผมสีดำสนิทกำลังพริ้วไหวราวกับน้ำตกพริ้วไปตามสายลม รูปร่างนางหรือก็งามล้ำเลิศเหนือคำบรรยายใดๆ งดงามราวกับภาพวาดอันประณีต ทำให้คนมองรู้สึกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่เป็นความจริง ทว่าสิ่งที่บรรยายมาทั้งหมดกลับพังทลายทันทีเมื่อเจ้าของความงดงามเหล่านี้เปล่งวาจาออกมา “ยังกล้าใช้สายตาชั้นต่ำมองข้าอีก ไปสิ! ไปเอาบันไดมาให้ข้าเหยียบ” “ที่จวนของเรามะ ไม่เคยมีสตรีมาก่อน ละ เลยไม่มีบันไดขะ ขอรับมะ แม่นาง” “น่าขันยิ่ง เช่นนั้นเจ้าก็ลงมานั่งชันเข่าแทนบันไดให้ข้าเหยียบลงสิ....เดี๋ยวนี้!” “หะ หา!” “เจ้าควรจะภูมิใจนะที่หน้าขาของเจ้าได้สัมผัสกับรองเท้าของข้า เร็ว! ข้าร้อนเต็มทีแล้ว!” “ขะ ขอรับ” “พ่อบ้านจ้าว....เรือนที่ให้จัดเตรียม เอาเป็นเรือนหลังเล็กท้ายจวน ยิ่งไกลจากเรือนของข้ามากเท่าไหร่ยิ่งดี” “ขอรับ อะ เอ่อ สตรีท่านนี้คือผู้ใดหรือขอรับนายท่าน” “เหอะ....อนุที่น่ารังเกียจคนหนึ่งก็เท่านั้น!” “อะ อนุ!!!!” ในโรงครัวกลาง “นั่นทำไมเจ้าถือถาดอาหารเต็มชามกลับมาเล่า อนุหวางไม่หิวรึ” สาวใช้ใบหน้าหน้าเปื้อนน้ำตา ที่ข้างแก้มมีรอยนิ้วมือแดงเถือกราวกับถูกคนตบมาอย่างแรง ในมือถือถาดที่วางชามทั้งกับข้าวหน้าตาน่าทาน กลิ่นโชยหอมกรุ่นและข้าวสวยกำลังร้อนได้ที่กลับมาที่ห้องครัวอีกครั้งทั้งที่เพิ่งเดินยกออกไปเมื่อไม่ถึงครึ่งก้านธูปที่แล้ว “ฮึก ฮึก นางร้ายกาจยิ่งนัก ฮึก นะ นางบอกว่าข้ากลั่นแกล้งนาง บอกว่าข้าเอาอาหารที่คนใช้กินไปให้นาง พอข้าแก้ความเข้าใจผิดจึงโดนตวาดว่าข้าเถียงนางแถมยังโดนตบกลับมาเช่นนี้ ฮึก ชีวิตนี้ข้ามิเคยเจอสตรีใดปากร้ายและกริยาราวกับนางมารเช่นนี้มาก่อน ฮึก” “จริงรึ อาหารคนใช้? นี่มันอาหารเดียวกับสำรับของนายท่านด้วยซ้ำไป ไยนางจึงเรื่องมากเช่นนี้ เจ้าเจ็บหน้าหรือไม่ ไป ไปทายาก่อน” ไม่ทันไรสาวใช้ในครัวคนอื่นก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา “ไยนางจึงเอ่ยราวกับตนเองสูงส่งดีเลิศมาจากที่ไหน ข้าเพิ่งไปสอบถามผู้คุ้มกันติดตามนายท่านไปต่างเมืองมา นางมิได้ต่างจากสตรีอย่างพวกเรามากนักหรอกนะ” “หากเป็นเรื่องของผู้อื่นเจ้านี่ว่องไวเชียวนะอาอี” “แน่นอน....อนุใหม่ผู้นั้นเห็นท่านอู๋สี่บอกว่าเป็นบุตรีจากอนุภรรยาคนหนึ่งของท่านเจ้าเมืองอานฉวนที่นายท่านไปพักค้างแรมที่จวนตอนเดินทางไปทำงานให้ฝ่าบาท ทว่าสตรีผู้นั้นคิดร้ายวางยากำหนัดให้นายท่านของเราในค่ำคืนหนึ่งเพื่อปีนเตียงซึ่งนางทำสำเร็จ นายท่านจึงจำยอมรับนางเข้ามาเป็นอนุติดตามกลับเมืองหลวงเช่นนี้เพราะเห็นแก่หน้าของบิดานาง ดูสิพอได้เป็นเมียเจ้านายของเราก็เหิมเกริมขนาดนี้ ต่อไปพวกเราอยู่ไม่สงบสุขเป็นแน่” “ที่แท้ก็เป็นอนุภรรยาที่นายท่านมิเต็มใจรับนี่เอง ข้าว่าแล้วว่าไยนายท่านจึงผลักไสนางให้อาศัยอยู่เรือนห่างไกลเช่นนั้น ตอนกลับมาข้าสังเกตเห็นนะว่าแม้แต่หน้านางนายท่านไม่แม้แต่แลตามองเลยสักนิด” “แล้วทีนี้ในหมู่พวกเราผู้ใดจะเป็นคนยกสำรับใหม่ไปให้นางเล่า นิสัยเช่นนี้ข้ามิกล้าเข้าใกล้อีกหนหรอกนะ” “นั่นสิ อาหารฝีมือแม่ครัวออกจะน่ากิน นางเลือกกินราวกับเมื่อก่อนตนเองเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างนั้นแหละ ข้าว่าเมื่อก่อนนางต่ำต้อยมากกว่านี้ด้วยซ้ำไปไยจึงเลือกมากหนักหนานะ” “ทำอาหารใหม่ก็พอกระมัง เดี๋ยวข้าเอาไปวางไว้ที่หน้าเรือนนางเองก็ได้ หากไม่กินก็อดตายไปก็แล้วกัน หากเลือกมากขนาดนั้น” “ได้ๆ หนนี้ตาเจ้าเอาไปให้นางกิน” เมื่อตกลงกันได้สาวใช้ห้องครัวจึงแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตนต่อ ณ เรือนหลังน้อยท้ายจวน “อนุหวาง สำรับอาหารข้าวางไว้หน้าประตูเรือนท่านนะเจ้าคะ พอดีว่าข้ามีงานต้องรีบไปทำต่อ ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” “....” เมื่อไร้เสียงตอบรับสาวใช้ใจกล้าผู้อาสามาส่งอาหารจึงรีบเร่งเดินออกจากเรือนไปเพราะกลัวโดนตบหรือไม่ก็โดนด่ากลับมาเหมือนเพื่อนร่วมงานคนก่อนหน้านาง แอ๊ด ปึง! สตรีโฉมงามแต่ภายนอกทว่าภายในมิต่างอันใดกับนางมารร้ายเอื้อมแต่มือออกมาเพื่อหยิบถาดอาหารเข้าไปในห้องนอนของตนเอง ริมฝีปากบางเบะปากเมื่อเห็นอาหารบนถาด…. ที่ทั้งธรรมดาไร้การตกแต่งอย่างประณีตอย่างที่ตนเคยกินอยู่เป็นนิจ หากนางไม่หิวจนท้องไส้แทบขาด อย่านึกว่าสตรีชั้นสูงอย่างนางจะลดตัวลงมากินอาหารหน้าตาธรรมดาเช่นนี้หรอกนะ มือเรียวยาวผิวพรรณขาวดั่งหิมะ อีกทั้งยังเรียบเนียนนุ่มมิต่างจากผิวเด็ก ราวกับนางมิเคยหยิบจับของหนักหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างเชื่องช้า ทุกคำล้วนเคี้ยวโดยละเอียดก่อนกลืน นางละเมียดละไมกินทั้งๆที่ท้องหิวจนไส้แทบขาด ทว่ายังกินไปไม่ทันถึงสามคำ ตะเกียบในมือก็หล่นลงมา นางมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ตามตัวมีผื่นขึ้นแดงไปทั้งตัว ริมฝีปากบวมเป่ง ตาบวม ใบหน้านางก็เริ่มบวมตามไปด้วยจนในที่สุดร่างบางที่กำลังนั่งอยู่นอนลงไปไอโขลกกับพื้น ดวงตาเหลือบมองอาหารที่ตนเองเพิ่งกินเข้าไปเขม็ง “แค่ก อึก” ในวาระสุดท้ายของชีวิต นางนึกถึงภาพบุคคลที่นางคิดถึงสุดหัวใจก่อนหมดลมหายใจลาลับจากโลกนี้ไป “สะ เสด็จ...พ่อ อึก....สะ แม่”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Her Triplet Alphas

read
7.5M
bc

The Heartless Alpha

read
1.5M
bc

My Professor Is My Alpha Mate

read
465.5K
bc

The Guardian Wolf and her Alpha Mate

read
503.1K
bc

The Perfect Luna

read
4.1M
bc

The Billionaire CEO's Runaway Wife

read
604.5K
bc

Their Bullied and Broken Mate

read
466.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook