สายลับทะลุมิติ

1846 Words
บทที่หนึ่ง สายลับทะลุมิติ เฮือก!!! แฮ่ก แฮ่ก อู๋ย่าลู่สูดหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดอย่างกับคนหิวโหยอากาศ เมื่อครู่หญิงสาวรู้สึกราวกับตนเองไม่หายใจ เมื่อสักครู่นางกำลังทำภารกิจขั้นสุดท้ายเสร็จสิ้น ใช่ นางเป็นสายลับ....ได้รับมอบหายให้ทำภารกิจระดับประเทศอยู่ ในห้องลับขององค์กรแห่งหนึ่งที่อู๋ย่าลู่ใช้เวลาแรมเดือนในการค้นหาท้ายที่สุดก็เจอห้องลับเป้าหมาย ในขณะที่นางกำลังค้นหาของที่ต้องการในชั้นวางแฟ้มเอกสารมากมายจู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกพื้นดินที่ตนเองเหยียบอยู่ยุบตัวลงกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าแทน แน่นอนว่าร่างนางต้องล่วงลงสู่ด้านล่างตามกฎแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่แล้ว อู๋ย่าลู่ร่วงลงไปข้างล่างอย่างไร้ขีดจำกัด ช่วงวินาทีที่นางร่วงเคว้งอยู่ในอากาศว่างเปล่าราวกับมีคนกำลังบีบก้นเนื้อหัวใจในอกข้างซ้ายของนางทำให้อู๋ย่าลู่อึดอัดจนหายใจไม่ออกจนในที่สุดร่างบางก็ไร้สติสัมปชัญญะ ฟื้นมาอีกทีก็ตอนนี้นี่แหละ “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” สถาปัตยกรรมไม่คุ้นตาเลยสักนิด อู๋ย่าลู่ลุกขึ้นมานั่งหลังตรง ปรับดวงตาให้รับแสงมองให้ชัดเจนก่อนค่อยกวาดสายตาสำรวจรอบห้อง ผนังห้องทำจากไม้โบราณ เฟอร์นิเจอร์วางในห้องก็โบราณ ตอนนี้นางกำลังนอนอยู่บนตั่งไม้ บนตัวห่มผ้าแพร....อืม ก็ดูโบราณอีกเช่นเดียวกัน หากนี่เป็นซีรีย์ในโทรทัศน์อู๋ย่าลู่คงนึกว่าตนเองกำลังทะลุมิติย้อนกลับมายุคโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนยุคค.ศ.สองพัน กลิ่นสมุนไพรลอยนำเข้ามาก่อนตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของคนมากกว่าสองคนเดินเข้ามาในห้องที่อู๋ย่าลู่นั่งอยู่ “ทางนี้เลยเจ้าค่ะท่านหมอ เร็วเถอะเจ้าค่ะ” “ไกลยิ่งนัก” “อะ อ้าว ท่านฟื้นแล้ว ระ รึเจ้าคะ” สาวใช้เมื่อได้สบตากับสตรีบนตั่งไม้จากตอนแรกที่มีท่าทีร้อนรนก็กลายเป็นหดตัวถอยกรูไปอยู่มุมห้องนอนปล่อยให้ชายชราที่ตนเองพามายืนอ้างว้างอยู่กลางห้อง “ไหนบอกว่าคนป่วยตัวเย็น เหมือนไม่หายใจแล้วอย่างไร ไหนแม่นางที่เจ้าตามข้ามารักษาเล่า” “นะ นั่นแหละเจ้าคะ ท่านหมอ” นิ้วชี้สั่นเทาชี้มาทางอู๋ย่าลู่ที่กำลังนั่งนิ่งงัน ราวกับในสมองของหญิงสาวกำลังประมวลผลผูกติดเรื่องราวต่างๆ ในหัวไม่พร้อมรับสิ่งใหม่เข้ามาทั้งสิ้น สาวใช้ผู้นั้นราวกับคนเห็นผี นางมั่นใจว่าแม้ตนเองไม่เรียนหนังสือมาทว่านางรู้ว่าคนเป็นกับตนตายต่างกันอย่างไร เมื่อประมาณครึ่งชั่วยามก่อนนางเข้าไปเก็บชามข้างในเรือนเห็นอนุหวางนอนสลบข้างโต๊ะทานอาหาร ทีแรกคิดว่าสตรีผู้นี้นอกจากปากร้ายแล้วยังขี้เกียจตัวเป็นขนขนาดลุกไปนอนดีดียังไม่ทำนางจึงพยุงไปนอนบนตั่งไม้ดีดี ทว่าด้วยความแปลกใจสาวใช้ตัวน้อยจึงเอื้อมมือสะกิด ทว่าสะกิดเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น พอลองเอานิ้วอังใต้รูจมูกกลับพบว่าไร้ลมหายใจจึงวิ่งออกไปตามท่านหมอโดยทันที แต่นี่ ไยคนที่นางคิดว่าตายแล้วจึงนั่งบื้ออยู่เช่นนี้ได้เล่า ไม่แปลกที่สาวใช้ขั้นสามเช่นอาหลางจะคิดว่านางเป็นผีมาหลอกตอนกลางแสกๆ เช่นนี้ “พูดจาแปลกกันจัง ภาษาโบราณมาก....คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ....ลุงน่ะ ที่นี่มีกระจกไหมคะ ขอให้หนูอันหนึ่งสิคะ” ชายชราที่ถูกเรียกว่าลุงชี้ที่ตนเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อแม่นางตรงหน้าพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ “กระจกคือสิ่งใด ไยเจ้าจึงพูดจาแปลกประหลาดเช่นนี้” “โอ้ไม่นะ นี่ฉันย้อนมาอดีตจริงหรือเนี่ย” อู๋ย่าลู่ยกมือตบหน้าผากตนเองดังโป๊ะ! ก่อนหันมาอธิบายสิ่งที่ตนเองต้องการใหม่อีกรอบ “คันฉ่องเจ้าค่ะคุณลุง” “อ้อ” เป็นสาวใช้ที่วิ่งโร่เข้าไปหาสิ่งที่อู๋ย่าลู่ต้องการเมื่อนางตั้งสติได้ “นี่เจ้าค่ะอนุหวาง” “.....” ความจริงที่ว่าอู่ย่าลู่โผล่เข้ามาในยุคโบราณตีแสกหน้าหญิงสาวอย่างจัง แน่สิ หากไม่อยากยอมรับก็ต้องทำใจยอมรับในเมื่อพอหากพูดภาษาโบราณที่เคยเรียนมาปุบพวกเขาก็เข้าใจในทันที และที่สำคัญ....ภาพสตรีในกระจก ทั้งอาภรณ์ที่นางสวมใส่ ทรงผม อีกทั้งใบหน้านี้ไม่ใช่อู่ย่าลู่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่นางมาโผล่ยุคโบราณไม่พอ นางยังโผล่มาสิงอยู่ในร่างคนอื่นอีกหรือนี่!!! มาอยู่ในร่างใครไม่พอ ไหนเล่าความทรงจำของเจ้าของร่าง ทำไมหัวสมองเจ้าของกายหยาบนี้มันช่างว่างเปล่าเช่นนี้!!! “สรุปคือฉัน....ไม่สิ ข้ามีนามว่าหวางเสี่ยวเหยา เป็นบุตรีของเจ้าเมืองอานฉวนอันไกลโพ้นกับมารดาที่มีฐานะเป็นอนุ ข้าถูกรับมาเป็นอนุภรรยาของเจ้านายพวกเจ้านายนามว่าอันนะ....หวงจื่อห่า....” “มิใช่จะ เจ้าค่ะ นายท่านนามว่าหวงจื่อหานเป็นขุนนางสนิทขององค์ฮ่องเต้มีตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินเจ้าค่ะ” “อ้อ นั่นแหละ หวงจื่อหานเขาเป็นสามีของข้า เราแต่งงานกันเมื่อไม่กี่วันก่อนงั้นเหรอ” “อะ เอ่อ จะเรียกว่าแต่งงานก็ได้เจ้าค่ะ อนุวะ หวาง” “เป็นผัวเมียกันก็ต้องแต่งงานกันสิ ข้าพูดผิดตรงไหนกัน” “อะ เอ่อ เจ้าค่ะอนุหวางพูดถูกทุกอย่าง” “ที่ข้าส่องในคันฉ่องเมื่อสักครู่ หากมิใช่เพราะดวงตาข้าผิดปกติข้าก็ว่าใบหน้านี้งดงามพอตัวอยู่นะ ไยเจ้าจึงเอาแต่ก้มหน้าไม่มองผู้พูดราวกับข้าน่าเกลียดน่ากลัวเสียอย่างนั้น หรือคนที่โบราณเขามีกฎไม่ให้บ่าวสบตาคนเป็นนายกัน” “อะ เอ่อ มิได้น่าเกลียดเลยเจ้าค่ะ งะ งาม งดงามเหนือผู้ใดยิ่งเจ้าค่ะ” “โกหก เจ้ากลัวข้า” อู๋ย่าลู่ฟันธงในใจ เรื่องความน่าเกลียดตัดออกไปเป็นอันดับแรก ท่าทางของสาวใช้ผู้นี้คือท่าทางของคนกลัวเจ้าของร่างนี้อย่างแน่นอน เหมือนคนเคยโดนทำร้ายแล้วกลัวว่าจะโดนทำร้ายอีก สงสัยนิสัยของสตรีผู้นี้คงแย่มาก เฮ้อ สวรรค์หนอสวรรค์ไยให้อู๋ย่าลู่มาเกิดในร่างของคนสวยแต่รูปทว่าข้างในเน่าเฟะเช่นนี้ “ข้าคนเก่านิสัยแย่มากเลยใช่หรือไม่....ตอนนี้ข้าความจำเสื่อม เท่ากับเป็นคนใหม่ เจ้าไม่ต้องกลัวข้าแล้ว มาๆ เจ้ามาตอบคำถามข้าดีกว่า....หวงจื่อหานมีภรรยากี่คนแล้ว” “เจ้าคะ?” “ข้าถามว่าสามีจอมเจ้าชู้ของข้ามีภรรยากี่คนแล้ว ข้าเป็นเมียน้อยคนที่เท่าไหร่รึ” “นะ หนึ่งเจ้าค่ะ” “ก็ยังดี นึกว่าคนในยุคโบราณจะมีภรรยาเป็นสิบเสียอีก เมียหลวงเขาชื่ออะไร” “มะ ไม่มีเจ้าค่ะ ข้าน้อยหมายถึงนายท่านมีอนุภรรยาหนึ่งคนคือท่านเจ้าค่ะ” “อ้าว” ตอนแรกที่ได้ยินว่าตนเองมีสถานะเป็นอนุภรรยาหากพูดถึงในปัจจุบันเขาเรียกกันว่าเมียน้อยนั่นเอง ตอนนั้นในใจอู๋ย่าลู่รู้สึกหดหู่ยิ่งนัก ดันมาเกิดในร่างของสตรีมีสามีแล้วไม่พอ นางยังเป็นสตรีที่ใช้สามร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย แน่นอนว่าสตรียุคสองพันอย่างอู๋ย่าลู่ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้ คิดไกลขนาดที่ว่าจะหาทางหย่าขาดจากสามีเสียแล้วค่อยไปหาทางดำเนินชีวิตต่อไปข้างนอกด้วยตนเอง ครั้นได้ยินว่าตนเองเป็นเมียคนเดียว จิตใจค่อยฟูฟ่องชุ่มชื้นขึ้นมาหน่อยแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าไยมีเมียคนเดียวแต่กลับเป็นเพียงอนุภรรยาก็ตาม “มีเมียเดียวแต่เป็นอนุภรรยา....อืม แปลกจัง” “อันใดจังๆ นะเจ้าคะอนุหวาง” “ข้าหมายถึงแปลกยิ่งนัก เจ้ามีอันใดจะเล่าเกี่ยวกับข้าอีกหรือไม่ เล่ามาให้หมด” “อะ เอ่อ เอ่อ...มะ ไม่มีเจ้าค่ะ” ไม่มีหรือไม่กล้าเล่ากันแน่ สาวใช้ผู้นี้คงไม่กล้าเล่าวีรกรรมของเจ้าของร่างนี้เป็นแน่ “ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าอยู่ไปก็ปรับตัวได้เองนั่นแหละ” ชาติที่แล้วงานของอู๋ย่าลู่ต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม สวมรอยเป็นบุคคลนู้นบุคคลนี้เพื่อแฝงตัวสืบข้อมูลตั้งมากมาย ครั้งนี้แม้มิใช่การทำภารกิจเพื่อประเทศ ทว่าอู๋ย่าลี่จะถือว่าตนเองกำลังทำภารกิจเพื่อชีวิตตนเองก็แล้วกัน ชาติที่แล้วหลังจากเรียนต่อต่างประเทศจบจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดก็สมัครเข้าไปเป็นสายลับในหน่วยงานสายลับของประเทศอังกฤษทันที ทำงานที่ตนเองภาคภูมิใจเพื่อประเทศจนกระทั่งอายุสามสิบนอกจากเรื่องงานที่ทำเพื่อประเทศแล้วเรื่องอื่นถือว่าอู๋ย่าลู่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เป็นเด็กทุนหัวกะทิของประเทศ ทว่าไร้ครอบครัวเพราะเป็นเด็กกำพร้าอยู่ในความปกครองของมูลนิธิของนายทุนอังกฤษ ตั้งแต่จำความได้จึงทำเพียงเดินตามเส้นทางที่มีคนวางให้เดินอยู่แล้ว ไม่เคยท่องเที่ยวแบบไม่ต้องคิดถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่เคยมีความรักเพราะอาชีพของตนเองไม่มีหลักแหล่งที่แน่ชัด จนกระทั่งตายเพราะดันไปจับวัตถุแปลกประหลาดสวรรค์เมตตาให้มาเกิดในร่างนี้อีกรอบ ชาตินี้อู๋ย่าลู่จึงหมายใจเอาไว้แล้วว่านับจากวันนี้นางจะทำเพื่อตนเอง ท่องเที่ยวเดินทางอย่างอิสระเสรี สร้างครอบครัวของตนเอง มีสามี มีลูกอย่างอบอุ่น ต่อจากนี้ไม่มีแล้วสายลับอู๋ย่าลู่ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนางคือ....หวางเสี่ยวเหยา เจ้าของชีวิตของตนเอง ลิขิตเส้นทางเดินของตนเองคนเดียวเท่านั้น!!! “ในเมื่อหวงจื่อหานมีภรรยาคนเดียวคือข้า การที่ข้าเป็นเพียงอนุภรรยาของเขาเกรงว่าเป็นเพราะสถานะทางบ้านเกิดข้าไม่ดี หรือไม่ข้าก็อาจมีจุดเริ่มต้นไม่ดีกับเขา....ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ ต่อจากนี้ข้าจะเริ่มต้นใหม่ ในเมื่อสามียังไม่รัก ข้าก็จะทำให้เขารักข้าเป็นสิ่งแรกก็แล้วกัน ไป อาหลางพวกเราออกไปปฏิบัติภารกิจของนอกบ้านกัน” “หืม อนุหวางจะไปที่ใดเจ้าค่ะ” “ตลาด....ข้าอยากไปตลาดเพื่อไปซื้อของมาทำอาหารให้สามีรับประทาน นี่ย่อมเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีมิใช่หรือไง” “อะ เอ่อ ไม่ดีมั้งเจ้าคะ อนุหลางอยู่เฉยๆ สงบเสงี่ยมอยู่ที่เรือนแห่งนี้ดีที่สุดเจ้าค่ะ แหะๆ” “ไม่ เจ้านั่นแหละตามข้าออกมา มิต้องพูดมาก” “จะ เจ้าค่ะ” ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ช่วงแรกให้น้องปรับตัวนิดนึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD