นีรชาทำท่าจะร้องแต่อะไรบางอย่างอุดมาตรงจมูกทำให้สติของเธอดับวูบลงไปในทันที
พันราชปลดโซ่ที่ข้อเท้าของเธอก่อนจะอุ้มร่างไร้สติขึ้นสู่อ้อมแขนพาไปที่รถ เขาปิดบ้านและล็อกกุญแจบ้านเรียบร้อยก็ขับรถออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
ปัทมลที่ขับรถมาถึงบ้านของพันราชก็รีบลงมาจากรถ เธอเห็นกุญแจที่ล็อกประตูเอาไว้ก็ต้องใจเสีย ไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยเพราะรถก็ไม่มี กดกริ่งก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ เธอโทร. หาเพื่อนรักอีกครั้งแต่ปรากฏว่าโทร. ไม่ติด ปัทมลร้อนใจแต่เธอไม่กล้าโทร. แจ้งตำรวจ เลยคิดว่าจะสืบหาที่อยู่ของมารดาพันราช อาจจะได้เบาะแสของเพื่อนรักก็ได้
ปัทมลขับรถด้วยความรีบร้อนเธอไม่ทันมองทางให้ดีทำให้รถประสบอุบัติเหตุชนกับรถอีกคัน แล้วสติของเธอก็ดับวูบลงไปในทันที
ทางด้านนีรชาเธอฟื้นขึ้นมาด้วยความมึนงง หญิงสาวสะดุ้งมองรอบกายด้วยความแปลกใจ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของพันราชแต่เป็นที่ไหนสักแห่งที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ห้องสีขาวโล่งโปร่งสบาย และถ้าฟังไม่ผิดเธอได้ยินเสียงคลื่นจากทะเลมากระทบโสตประสาทหู
หญิงสาวขยับตัว พบว่าข้อเท้าไม่ได้ถูกล่ามโซ่เอาไว้เหมือนก่อน เธอดีใจ รีบวิ่งไปเปิดประตูระเบียงก็เห็นท้องทะเลงดงามเบื้องหน้า
นีรชาถึงกับอ้าปากค้างกับความสวยตรงหน้า เธอรีบหมุนตัววิ่งไปที่ประตูแต่พอหมุนลูกบิดประตูจะเปิดออกไปก็พบว่ามันล็อก เธอเปิดประตูออกไปด้านนอกไม่ได้ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาแทน เธอเซไปด้านหลังมองคนที่เข้ามาใหม่หน้าตาตื่น
“ฟื้นแล้วเหรอ”
“ที่นี่ที่ไหนคะอาพัน”
“เกาะมุก”
“เกาะมุกคือที่ไหนคะ”
“เกาะของอาเอง ซื้อเอาไว้นานแล้ว อามาปลูกบ้านเอาไว้เพื่อพักผ่อนเวลาต้องการความเงียบในการทำงานใหม่ๆ” ประโยคเรียบเรื่อยของเขาทำให้เธอต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ นีรชารีบวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน
พันราชไม่ได้ทุกข์ร้อน เขาเดินตามเธอออกมาอย่างเชื่องช้า ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงมองร่างที่หันรีหันขวางมองไปรอบกายคล้ายจะหาทางออกไปจากเกาะแห่งนี้แล้วยกยิ้มมุมปาก
“อาพัน” เธอหันมาหาเขาเรียกเขาเสียงสั่นระริก ที่นี่ไม่มีทางออกนอกจากต้องขับเรือออกไปเท่านั้น เธอเดินไปบนสะพานสีขาวที่ทอดตัวลงไปในทะเลอย่างสิ้นหวัง ไม่มีเรือเลยสักลำ มีแต่เวิ้งน้ำไกลสุดลูกหูลูกตา
“เกาะแห่งนี้เราอยู่กันแค่สองคน เวลาอาต้องทำงานและใช้ความคิดมากๆ ทำงานออกมาให้ลูกค้าอาจะมาค้างที่นี่” เขาบอกเธอ ขณะเดินตามร่างน้อยมาบนสะพาน
“อาพันโกรธหนูนีไม่ใช่เหรอคะ แล้วพาหนูนีมาที่นี่ทำไม”
“พามาทำลูก” เขาตอบหน้าตาย
“ทำลูก!” เธอทวนคำของเขาด้วยท่าทีงุนงง ก่อนจะหน้าแดงซ่าน
“อาพันอยากมีลูกกับหนูนีเหรอคะ”
“เธอเป็นเมียอา อาก็ต้องอยากมีลูกกับเธอสิ” เขาเดินเข้าหาแต่นีรชาถอยหนี
“ทำไมถึงทำท่ากลัวอาแบบนั้นล่ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นขณะเอ่ยถาม
“หนูนีรู้สึกว่าอาพันไม่ใช่คนที่หนูนีเคยรู้จัก”
“แล้วหนูนีคิดว่ารู้จักอาดีแค่ไหนเหรอ” เขาเดินเข้าหา เธอถอยหนีแทบตกสะพานดีที่เขารวบร่างน้อยมากอดรัดเอาไว้แนบอก
“ระวังหน่อยสิ ตกน้ำตกท่าลงไปจะทำยังไง ว่ายน้ำไม่เก่งอยู่ไม่ใช่เหรอ” เขารั้งให้เธอเดินตาม กอดเอวบางพาเดินเข้าบ้าน
“จะมีลูกได้ยังไง เรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครรู้” เธอพูดขึ้น
“การแต่งงานมันสำคัญด้วยเหรอ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนเธอสัมผัสได้
“สำคัญสิคะ การแต่งงานคือการให้เกียรติกัน”
“อย่างนั้นเหรอ” เขาหันมาถาม กำแขนของเธอเอาไว้แน่น
“อาพันคะ หนูนีเจ็บ”
“ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันรักมาก บอกว่าจะแต่งงานกับฉัน ก็ไม่เห็นหล่อนอยากแต่งจริงๆ สักหน่อย หนีไปเอากับผู้ชายคนอื่น” เขาปล่อยเธอ ร่างของนีรชาถึงกับเซ
“แม่ของฉันแต่งงานกับพ่อของฉันก็ไม่เห็นมีการให้เกียรติกันเลยนี่นา” เขาหลับตาลง ภาพมารดาโดนบิดาตบตีทำร้ายแล่นเข้ามาในหัว มารดากำลังจะพาเขาหนี บิดาก็ตามมาฉุดกระชากลากถูเข้าบ้านและข่มขืนมารดา ท่านก็ไม่หนีอีก
“ผู้หญิงชอบให้ใช้ความรุนแรง ชอบให้กระชากลากถูถึงจะยอม” เขาหันมามองหญิงสาวตรงหน้า ดวงตามีแววบางอย่างที่ทำให้เธอถอยหนี
“ตอนนี้อาหิว” เขาเดินเข้าหา
“ไม่จริงนะคะ” เธอเถียงเขาปากคอสั่น
“อะไรไม่จริง” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีสงสัย “อาไม่ได้หิวจริงน่ะเหรอ” เขาเอ่ยถาม
“ผู้หญิงไม่ได้ชอบความรุนแรง”
“อ้อ” เขาร้องขึ้น พูดกันคนละเรื่อง ก่อนจะถามต่อ “แล้วชอบแบบไหน”
“ชอบให้ผู้ชายที่รักนุ่มนวล อ่อนโยน”
“แต่อาชอบมีเซ็กซ์รุนแรง มันถึงใจ” เขาเดินเข้ามาหาอีก เธอถอยหนีไปชนกับเสาบ้านทำให้เขาเข้ามาถึงตัวได้อย่างรวดเร็ว
“หนูนีจะไปทำอะไรให้กินนะคะ” เธอดันแผ่นอกของเขาเอาไว้
“อาไม่ได้หิวข้าว อาหิวหนูนี” เขาถลกกระโปรงของเธอขึ้นเหนือเอว ลมหายใจของเขารุนแรงฟืดฟาดจนเธอได้ยินมันชัดเจน
พันราชล้วงมือเข้าไปในกางเกงในของเธอเพื่อสัมผัสกับกลีบสวาทกลางกายสาว
“อาพัน อื้อ...” เธอตะครุบมือของเขาเอาไว้ยามที่เขาบดบี้อยู่ตรงปุ่มกระสัน ทำให้เธอเกิดความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนใจอย่างที่สุด
“ร่องหนูนีเยิ้มขนาดนี้อยากโดนอาเอาไหมครับ” เขากระซิบถาม นีรชาส่ายหน้าไปมา
“แต่อาว่าหนูนีอยากโดนนะ ผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ” เขาแหวกกางเกงในของเธอไปด้านข้างแล้วแทงนิ้วเข้าไปในร่องเสียว
“อ๊า... อาพันไม่นะคะ”
“ไม่เอาครับ หนูนีตอดนิ้วอาขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่อีกเหรอ คนปากแข็งต้องโดนทำโทษ” เขาแทงนิ้วเข้าในร่องหนักขึ้น เธอสะท้าน คว้าข้อมือของเขาเอาไว้แต่ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ความเสียวซ่านแล่นพล่านเข้ามาในเรือนร่างของเธออีกครั้ง ริมฝีปากน้อยเผยออ้าออกร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษา
“เธออยากแล้วละ เชื่ออาสิเด็กน้อยของอา” พันราชแยกเรียวขาของเธอออกก่อนจะควักท่อนกายชายออกมาเพื่อสอดแทรกเข้าไปในเรือนกายสาว
“อ๊า...” เธอครางเสียงหลงเมื่อเขาบดบี้เข้ามาในร่องฉ่ำเยิ้ม
“หนูนีรับรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้เรากำลังเป็นของกันและกันอยู่ ดูสิว่าดุ้นของอาเข้าไปในร่องหนูนีจนมิดแล้วโคน” เขาจับสะโพกเธอช้อนขึ้นในท่าอุ้มแตง นีรชาผวากอดบ่ากว้างของเขาเอาไว้แน่น ริมฝีปากครวญครางแทบขาดใจ เธอส่ายหน้าไปมาจนผมยุ่งเมื่อเขาพากระแทกเดินขึ้นบ้านไปอย่างไม่รีบร้อน
เขาแข็งแรงมาก สามารถอุ้มเธอได้อย่างสบาย แต่ตอนโดนกระแทกในท่าอุ้มแตงแล้วเดินขึ้นบ้านแบบนี้ ทำให้เขาฝังกายเข้ามาในร่องเธอจนลึก จนเธอต้องอ้าปากค้างร้องเสียงหลงทุกครั้งเมื่อโดนยกกายขึ้น แล้วปล่อยให้กระแทกลงมาหา
“อาชอบท่านี้เพราะได้เห็นหนูนีครางรุนแรงมาก เสียวมากเหรอครับ” เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า นีรชาครางระโหยก่อนจะเกร็งเสร็จอยู่ในท่านั้น
“หนูนีเสร็จแล้วเหรอ กระตุกแรงมากรู้ไหม น้ำเยิ้มเต็มหน้าขาไปหมด”
น้ำเต็มร่องเสียวไปหมด เขาสัมผัสได้ว่ามันมากมายเมื่อเธอเสร็จสมอย่างรุนแรง นีรชากอดคอหนาเอาไว้แน่น เธอหอบสะท้านตัวสั่นระริก รู้สึกว่าเสร็จรุนแรงมากจนร่างกระตุกรุนแรงกว่าทุกครั้ง
“ให้อาเย่ออีกสักพักนะ ค่อยไปหาอะไรกินกัน”
“อาพัน อ๊า..” นีรชาร้องครางเสียงหลงอยู่บนเตียงยามที่ร่างกายชายถาโถมเข้าใส่
“อาขอแรงๆ นะหนูนี แรงกว่านี้อีก”
“อาพันขาแรงจังเลยค่ะ หนูนีจะขาดใจแล้ว อาพันขาหนูนีไม่ไหวแล้วค่ะ อ๊าย...” เธอร้องครางเมื่อโดนกระแทกแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างน้อยสั่นเทาจนต้องพาสะโพกหนี จนศีรษะไปชนกับหัวเตียงหมดหนทางหนี ในขณะที่เขารั้งสะโพกของเธอมาหาอีกครั้ง