หลังจากถ่ายทำฉากสุดท้ายเสร็จ ซุปตาร์สาวคนสวยก็เดินกลับไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว แต่ทว่าเธอต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าคนที่มาป่วนเธอตั้งแต่เช้ายังไม่กลับ สายตาคู่สวยจดจ้องมองไปยังพี่ชายในอดีตที่เธอมอบหัวใจให้เขาตั้งแต่เด็ก ถ้าถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร คำตอบก็คงเป็นแบบเดิม
“น้องซูหนี่ว์ พี่ถามจริงๆ คุณชายลู่ชิงเขาเป็นว่าที่คู่หมั้นของเราจริงๆ ใช่ไหม พี่จะได้ทำตัวถูก”
เยว่เหมย ผู้จัดการส่วนตัวถึงกับเอ่ยถามซุปตาร์สาวออกมาเมื่อมองไปที่หน้าห้องแต่งตัวของซุปตาร์สาวแล้วปรากฏร่างสูงหล่อของชายหนุ่มที่อยู่ในบทสนทนาของคนทั้งกองในวันนี้
“ก็ตามที่พี่เขาบอกนั่นแหละค่ะ”
หลินซูหนี่ว์ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังหากอีกฝ่ายเลือกที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ ก็เธอกับเขาเป็นคู่หมั้นกันจริงๆ ไม่ใช่แค่ว่าที่แบบที่คนอื่นเข้าใจ
สองสาวต่างวัยเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน ซือลู่ชิงหันมามองน้องน้อยที่เขาเฝ้ามองเธอมาตั้งแต่เด็กก็ยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
“ไม่มีการมีงานทำแล้วหรือคะ ถึงได้มาอยู่ที่นี่ทั้งวัน”
ซุปตาร์สาวอดที่จะพูดจาประชดประชันเขาไม่ได้ คนเย็นชาหน้ามึนตอบแบบไม่ต้องคิด
“มาดูว่าที่คู่หมั้นทำงาน ไม่มีใครว่าหรอก”
“หึ!”
หลินซูหนี่ว์เดินหนีเข้าไปในห้องแต่งตัว ก่อนที่ผู้จัดการส่วนตัวสาวจะรีบเดินตามไปและล็อกประตูอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกล้าแสดงกิริยาท่าทางกับคุณชายลู่ชิงแบบที่หลินซูหนี่ว์ทำ เธอเชื่อแล้วว่าซุปตาร์สาวสนิทกับชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ ในเมืองแอลจริงๆ
หลินซูหนี่ว์อ้อยอิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัวของนักแสดงนำหญิงเกือบชั่วโมงเพื่อถ่วงเวลา เยว่เหมยมองซุปตาร์สาวด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ‘ผู้หญิงทั้งเมืองอยากจะใกล้ชิดกับคุณชายลูชิง คงจะมีก็แต่หลินซูหนี่ว์นี่แหละมั้งที่ไม่อยากเจอ ทั้งๆ ที่เป็นว่าที่คู่หมั้นกันจริงๆ หรือสองครอบครัวจับทั้งคู่คลุมถุงชน แต่คนอย่างคุณชายลู่ชิงถ้าไม่ชอบคงไม่ยอมแน่ๆ’ ผู้จัดการสาวคิดในใจ
“คุณหลินครับ เสร็จหรือยังครับ คุณชายรอคุณอยู่นะครับ” เสียงของตงหลงดังขึ้นที่หน้าประตูทำเอาสองสาวภายในห้องสะดุ้ง
“เป็นชั่วโมงแล้วยังไม่กลับอีกหรอเนี่ย” หลินซูหนี่ว์เอ่ยออกมาเบาๆ เยว่เหมยได้แต่ยิ้มออกมา
“พี่ว่าน้องซูหนี่ว์กลับไปกับคุณชายเถอะนะคะ ถ่วงเวลาไปยังไงเขาก็รอเราอยู่ดี อีกอย่างพี่ต้องกลับบ้านแล้วค่ะ ม๊ารอพี่อยู่” ผู้จัดการสาวบอกก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องแต่งตัวแล้วส่งยิ้มให้ซุปตาร์สาวที่ทำหน้ายู่
“ขอโทษนะคะพี่เยว่เหมย พี่น่าจะบอกฉันก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงให้พี่กลับไปก่อนแล้ว”
หลินซูหนี่ว์เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดพร้อมทั้งเดินไปที่ประตู ผู้จัดการสาวได้แต่ส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินตามซุปตาร์สาวออกไป
“หึ! ไม่อยากกลับกับพี่ถึงขนาดถ่วงเวลาเลยหรือไง หือ... แต่ขอบอกไว้ก่อน พ่อกับแม่รอพวกเราอยู่ เธอทำพวกท่านเสียเวลารอเธอนานมากนะซูหนี่ว์”
เขาเอ่ยออกมาก่อนที่จะทำเสียงดุเธอแบบไม่จริงจังนัก หลินซูหนี่ว์พอรู้ว่าจะต้องไปพบใครก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องรอ
“ขอโทษค่ะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นฝากน้องซูหนี่ว์ด้วยนะคะ พี่ขอตัวกลับบ้านก่อน”
เยว่เหมยเอ่ยขึ้นมา ซือลู่ชิงก้มหน้าลงเล็กน้อย หญิงสาวจึงเดินจากไป ก่อนไปก็ไม่วายหันมาส่งยิ้มให้กับซุปตาร์สาวที่เธอดูแลมาหลายปี หลินซูหนี่ว์จึงส่งยิ้มแหยๆ กลับไปพร้อมกับโบกมือลาหย็อยๆ
“กลับกันได้หรือยัง”
เสียงเย็นชาเอ่ยถามออกมาก่อนที่มือหนาจะคว้าเอาข้อมือบางมากำไว้แล้วชักจูงเธอให้เดินตามเขาไปขึ้นรถ หลินซูหนี่ว์มองแผ่นหลังของคนตรงหน้าก็เผลอฉีกยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันหรูของเขาแต่โดยดี
อาณาจักรตระกูลซือ
ซุปตาร์สาวที่นั่งตัวเกร็งอยู่ในรถตู้คันหรูมาตลอดทางค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจที่เขาพาเธอกลับบ้านไม่ได้พาไปที่อื่น เธอไม่ใจคนมือไวปากไวแบบคุณชายลู่ชิงคนนี้อีกแล้ว พี่ชายที่แสนดีวัยเด็กของเธอเปลี่ยนไป เหลือไว้แต่ผู้ชายที่เอาแต่ใจตัวเองที่ชอบล่วงเกินเธอ ซือลู่ชิงที่แอบมองหญิงสาวจากทางหางตาก็อดที่จะขำอยู่ภายในใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าเธอจะกลัวเขาอะไรนักหนาถึงขั้นหนีไปนั่งชิดติดริมกระจกรถ
“คุณพ่อคุณแม่ของฉันอยู่ที่นี่หรือคะ” หญิงสาวนั่งหลังตรงก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาเมื่อรถใกล้จะจอดที่หน้าบ้าน
“ใช่.. ก็บอกแล้วว่าเราจะหมั้นกันในอีกไม่ช้า ผู้ใหญ่ก็ต้องปรึกษาหารือกัน อ๊ะ!! แล้วอย่าบอกว่าไม่อยากหมั้นกับพี่นะ เพราะเธอทำพี่เสียเวลามาหลายปี ถ้าเธอปฏิเสธ พี่จะไม่ให้เธอได้ใช้ชีวิตกับผู้ชายคนไหนอย่างสงบสุขแน่”
ซือลู่ชิงขู่พร้อมทั้งส่งสายตาคมจับจ้องมองไปที่ริมฝีปากอวบอิ่ม หลินซูหนี่ว์สะบัดใบหน้างามหนีก่อนที่จะหันหน้าไปมองทางอื่นแทน สองหนุ่มสาวตกอยู่ในความเงียบเพียงไม่นาน รถตู้คันหรูที่ทั้งคู่นั่งมาตั้งแต่กองถ่ายก็จอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ทันทีที่ประตูรถเปิดออกร่างระหงก็รีบลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคยทันที
“คุณหนูหลินนี่ดื้อนะครับ” เสียงของบอดี้การ์ดเอ่ยมาจากด้านนอกของรถ
“ต้าเฟย!! นายกลับมาถึงเมื่อไหร่” เสียงของตงหลงดังมาก่อนผู้เป็นนาย เพื่อนคู่หูของเขาไม่อยู่เกือบสัปดาห์ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาคิดถึง
“เพิ่งมาถึงช่วงบ่าย คุณชายสบายดีนะครับ” ต้าเฟยตอบคู่หูก่อนที่จะหันไปเอ่ยทักทายเจ้านายหนุ่มที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก
“อืม... ไปหาฉันที่ห้องทำงานหน่อย ฉันอยากจะฟังเรื่องยัยลู่เหลียน” เสียงเย็นชาตามแบบฉบับเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีแดงอมชมพู
“ครับคุณชาย”
สิ้นเสียงบอดี้การ์ด ซือลู่ชิงก็เดินเลี่ยงทางห้องรับแขกไปอีกทางเพื่อไปห้องทำงานของตนเอง
ภายในห้องรับแขกสองครอบครัวกำลังนั่งสนทนากันอยู่ ยกเว้นก็แต่สองสาวที่พากันไปนั่งคุยที่ห้องนั่งเล่นแล้ว ครอบครัวตระกูลซือและครอบครัวตระกูลหลินกำลังนั่งปรึกษาหารือเรื่องการหมั้นหมายของสองหนุ่มสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะต่างฝ่ายต่างก็ยินดีที่จะเกี่ยวดองกัน และต่างก็รู้ดีว่าทายาทของพวกเขานั้นรักกันมานานเพียงแต่อีกฝ่ายก็ดื้อดึง อีกฝ่ายก็ทำปากแข็งปากหนัก
“ตกลงเอาไงถิงถิง เจ้าหลานชายลู่ชิงนี่อยากหมั้นกับยัยซูหนี่ว์ของฉันแน่ใช่ไหม”
หลินซือซือเอ่ยถามเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เรียกว่าทั้งคู่คบกันมายาวนานที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน
“อยากแต่งเลยด้วยซ้ำล่ะมั้งคิกๆๆ” ซือถิงถิงตอบเพื่อนก่อนที่จะหัวเราะเสียงใสออกมา
“พี่ก็คิดแบบนั้น หรือเราจะให้เด็กๆ แต่งงานกันไปเลย ไหนๆ ก็เคยหมั้นกันเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วนี่”
ซือมู่อันแสดงความเห็นออกมาเรียกสายตาสองสาวเพื่อนซี้กับสามีของว่าที่สะใภ้คนโตมองมาที่เขาเป็นตาเดียว
“เป็นความคิดที่ดีอยู่นะครับพี่มู่อัน แต่ผมว่าถามยัยซูหนี่ว์ของผมก่อนดีไหมครับ พักหลังมานี้ผมดูลูกอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่แน่ใจว่าลูกยังอยากจะเป็นคู่หมั้นกับลู่ชิงอยู่ไหม”
หลินเจียอีเอ่ยขัดขึ้นมา เขาสังเกตบุตรสาวช่วงนี้เธอดูไม่ค่อยสดใสเหมือนเมื่อก่อน บางทีนั่งเหม่อจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้
“เรียกลูกมาถามก่อนก็ดีนะคะ เผื่อลูกอยากเปลี่ยนใจ เวลาผ่านไปตั้งหลายปี ความรักที่เคยมีให้อาจจะเปลี่ยนสถานะก็ได้ค่ะ”
หลินซือซือตัดสินใจพูดออกมา ซือมู่อันกับซือถิงถิงต่างพากันเห็นด้วยที่จะถามความสมัครใจของหญิงสาวก่อน ซือถิงถิงจึงให้เด็กรับใช้ไปตามคุณหนูหลินซูหนี่ว์ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับคุณหนูซือลู่เหลียนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ถัดจากห้องรับแขกไปอีกสองห้อง
ผ่านไปไม่นานร่างระหงของหลินซูหนี่ว์ก็ปรากฏตัวที่ห้องรับแขก เธอเดินเข้าไปหามารดาก่อนที่จะมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสี่ด้วยความงุนงงที่ทุกคนเอาแต่จ้องหน้าเธอ
“มีอะไรจะคุยกับซูหนี่ว์หรือเปล่าคะ” ซุปตาร์สาวคนสวยเอ่ยถามออกมา
“น้าอยากจะถามหนูว่า หนูยังอยากจะหมั้นกับพี่ลู่ชิงอยู่ไหม น้ารู้ว่าเรื่องการหมั้นหมายในตอนนั้นเป็นแค่สัญญาจากการพูดคุยกันเท่านั้น และหนูกับพี่เขาก็ยังเด็กมาก น้าเลยอยากถามหนูให้แน่ใจอีกครั้งว่าหนูยังอยากจะเป็นคู่หมั้นกับลูกชายของน้าอยู่ไหม”
คำถามของซือถิงถิงทำเอาซุปตาร์สาวน้ำท่วมปาก เธอยังรักเขาเธอมั่นใจ แต่เธอแค่อยากจะทำให้เขาได้รู้ใจของตัวเขาเองบ้างว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่ เธอถึงพยายามตีตัวออกห่างเขามาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าถามว่าเธอยังอยากเป็นคู่หมั้นของเขาอยู่ไหม คำตอบที่ได้ก็คือ
‘อยากสิ อย่างน้อยเธอก็มีสิทธิ์เหนือกว่าผู้หญิงคนอื่น’
และถึงแม้เขาจะเย็นชาแต่เขาก็ไม่เคยไปมีอะไรกับใคร เขายังคงให้เกียรติเธอเสมอมา ยกเว้นช่วงหลังๆ ที่ชอบถึงเนื้อถึงตัวถึงปากเธออยู่เรื่อย เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานก็แดงซ่านจนผู้ใหญ่ทั้งสี่ไม่ต้องฟังคำตอบก็รู้ว่าหญิงสาวนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนใจเรื่องที่อยากเป็นคู่หมั้นของซือลู่ชิง
“ผมจะหมั้นกับน้องซูหนี่ว์ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจผมได้”
ซุปตาร์สาวคนสวยยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกมา เสียงเย็นชาก็ดังมาจากทางด้านหน้าห้องรับแขก ผู้ใหญ่ทั้งสี่หันมามองหน้ากันยิ้มๆ อย่างรู้กัน
หลินซูหนี่ว์หันมองไปตามเสียงก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดเดิมที่ไปเฝ้าเธอที่กองถ่ายมาทั้งวันเดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนที่เขาจะคำนับบิดามารดาของทั้งเขาและเธอ ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงข้างๆ บิดา สายตาคมก็จ้องมองที่ใบหน้าสวยหวานของเธอไม่วางตาทำเอาคนที่ถูกมองต้องหลบสายตา ก็ใครจะไปทนกับสายตาแบบนั้นของเขาได้ สายตาที่จ้องมองแต่ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มสีชมพูของเธอ ซุปตาร์สาวเม้มปากเอาไว้ก่อนที่จะเงยหน้าตวัดสายตาไปมองเขา ใบหน้าแสนงอนของเธอทำให้เขาหัวเราะเสียงดังอยู่ในลำคอ